บทความ

วิกฤตซ้อนวิกฤต “โจทย์ใหม่” ยุคภัยธรรมชาติ-ภูมิรัฐศาสตร์ป่วน
โลกกำลังเผชิญกับ "วิกฤตซ้อนวิกฤต" ความท้าทายการบริหารจัดการยุคโลกรวนและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ การแก้ปัญหาต้องการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม เฉพาะภาคส่วนเดียวไม่อาจรับมือได้ การสร้างความเข้มแข็งระดับพื้นที่-เสริมพลังการมีส่วนร่วม มีความจำเป็นสำหรับรับมือและคลี่คลายสถานการณ์

ภัยพิบัติสุดขั้ว โจทย์ใหม่ที่ต้องเข้าไปในทุกมิตินโยบาย
โลกเข้าสู่ยุค “สุดขั้ว” แต่ระบบจัดการภัยพิบัติไทยยังเปราะบาง ถึงเวลาเลิกวิธีคิดแบบ “แยกส่วนทำ” แล้วนำ “ภัยพิบัติสุดขั้ว” เข้าไปอยู่ในหัวใจทุกภาคส่วน ทุกมิตินโยบาย พร้อมจัดตั้ง “หน่วยงานกลางเป็นเจ้าภาพ” ให้การบริหารจัดการมีความต่อเนื่อง เป็นอิสระ และครอบคลุมภัยพิบัติในทุกมิติอย่างแท้จริง

ถึงเวลาใช้บทเรียนที่มี ยกระดับการจัดการภัยพิบัติ
เมื่อ "น้ำท่วมหาดใหญ่" กลายเป็น “ภาพก๊อปปี้” ของปัญหาการจัดการภัยพิบัติเดิมที่แก้ไม่ตก ท่ามกลางสถานการณ์ยุคโลกรวน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องเลิก "รัฐพิธีกรรม" เร่งรัดใช้ข้อเสนอเชิงนโยบายที่มี อย่าง “สมุดปกแดง” มาปรับใช้กับสถานการณ์จริง ก่อนที่ความเจ็บปวดจะวนลูปกลับมาเป็นความสูญเปล่าที่ไม่มีวันสิ้นสุด

จัดการภัยพิบัติได้ผล ต้องยึด "ชุมชน-ท้องถิ่น" เป็นศูนย์กลาง
ภัยพิบัติจากธรรมชาตินับวันจะมีมากขึ้น แต่การบริหารจัดการที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐจากส่วนกลางยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ สะท้อนได้จากความเสียหายและการฟื้นฟู แต่จากภัยพิบัติมีหลายรูปแบบ ดังนั้น อาจจำเป็นต้องปรับแนวทางการรับมือใหม่ โดยต้องอาศัย "ชุมชนและท้องถิ่น"เข้ามามีบทบาทหลักในการบริหารจัดการ

โลกร้อน–ภัยพิบัติรุนแรง เร่งฟื้นธรรมชาติรับมือ
วันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคมของทุกปี สถานการณ์สิ่งแวดล้อมยังวิกฤต โลกร้อนขึ้น ภัยพิบัติรุนแรง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เปิดตัวเลขป่า 2.3 ล้านไร่ดูดกลับก๊าซเรือนกระจก 1.69 ล้านตันคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี เสนอปลูกป่าเพิ่มขึ้น ช่วยดูดซับคาร์บอนฯมากขึ้น

เช็กมาตรการรัฐบาลช่วยเหลือ เร่งเยียวยา-ฟื้นฟูน้ำท่วมใต้
รัฐบาลดันมาตรการฟื้นฟูและเยียวผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ อนุมัติเงินช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ทั้งหมด 530 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีโครงการสินเชื่อให้เงินเยียวยาและฟื้นฟูดอกเบี้ยปีแรก 0% และเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตอีกรายละ 2 ล้านบาท

น้ำท่วมหาดใหญ่: บทเรียนเชิงนโยบายจากโครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทย
เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 คือหนึ่งในสถานการณ์ที่ท้าทายระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทยอย่างมาก ไม่ใช่เพียงเพราะปริมาณน้ำฝนที่สูงผิดปกติและสภาพภูมิประเทศที่อ่อนไหวต่อการเกิดน้ำหลาก

“วิกฤตซ้อนวิกฤต” ระบบสุขภาพหาดใหญ่ หลังมหาอุทกภัย 68
แม้น้ำท่วมจะลดลงแล้ว แต่มหาอุทกภัยหาดใหญ่ 68 ยังไม่พ้นวิกฤต โดยเฉพาะระบบสาธารณสุข กำลังเผชิญ "วิกฤตซ้อนวิกฤต" ขณะที่ ระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ ซึ่งยังต้องเร่งฟื้นฟู เพื่อให้กลับมาให้บริการได้เร็วที่สุด

สัญญาณเตือนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ต้องรื้อใหญ่ "ระบบรับมือภัยพิบัติ"
สััญญานเตือนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ "โลกไม่เหมือนเดิม"อีกต่อไป การพยากรณ์แบบเก่า ระบบรับมือภัยพิบัติแบบเดิมใช้ไม่ได้ เพราะอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ปรากฎการณ์ “ เอลนีโญ (El Niño) และลานีญา (La Niña)”แปรปรวนมาเร็ว และรุนแรงมากขึ้น

มหาอุทกภัยหาดใหญ่ “ความล้มเหลว” จัดการภัยพิบัติ
มหาอุทกภัยหาดใหญ่ และ 9 จังหวัดภาคใต้ สะท้อนความล้มเหลว จัดการภัยพิบัติที่ขาดการประสานงาน ขาดการเตรียมพร้อม และขาดผู้รับผิดชอบ แม้ประกาศ พระราชกำหนดฉุกเฉิน แต่ไร้ซิงเกิลคอมมานด์ ในการสั่งการเหตุการณ์ จนนำมาสู่ความเสียหาย ชีวิตและ ทรัพย์สินของชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก

โรงเรียนไม่พร้อมรับ"ภัยพิบัติ": บทเรียนจาก บางบาลจมบาดาล 4 เดือน
น้ำท่วม 4 เดือน พื้นที่รับน้ำ บางบาล จ.อยุธยา ทำให้นักเรียนไม่ได้ไปโรงเรียน แม้จะเรียนผ่านออนไลน์ ก็ขาดอุปกรณ์ อินเทอร์เน็ต ขณะที่ผลผลสำรวจยูนิเซฟ–นิด้าชี้โรงเรียนส่วนใหญ่เผชิญภัยพิบัติ แต่ขาดทรัพยากรและการสนับสนุน ไม่มีความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ

วิกฤตลำน้ำกก: ย้ายแหล่งน้ำดิบผลิตประปา หนีน้ำกกปนเปื้อนมลพิษ
ขณะที่การแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกก ยังไม่ชัดเจนว่าจะแก้ด้วยมาตรการอะไร แต่ความเดือดร้อนของชาวเชียงรายกลับชัดเจนมากขึ้น ผลกระทบคืบคลานเข้ามาถึงตัวิ่งขึ้น เมื่อต้องย้ายแหล่งน้ำดิบที่เคยใช้ผลิตน้ำประปามายาวนาน เพื่อหนีมลพิษปนเปื้อนในแม่น่ำกก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จุดไฟป่ารุนแรงทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้น หลังทั่วโลกปล่อยก๊าซเพิ่มต่อเนื่อง ในขณะที่ธรรมชาติดูดซับได้น้อยลง ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดน้ำท่วม-ฝนแล้งเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความรุนแรงของไฟป่าทั่วโลก

พื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ชุมชนต้องตัดสินใจ อยู่ หรือ ย้าย?
ความสูญเสียจากภัยพิบัติซ้ำซากสะท้อนว่าไทยกำลังแบกรับภาระงบประมาณและไล่ตามเยียวยา ถึงเวลาป้องกันเชิงรุก โดยมีชุมชนเป็นแกนหลักในการจัดการ ส่วนรัฐ-นักวิชาการ-ประชาสังคมเป็นพี่เลี้ยง ร่วมผลักดันให้เกิด “แผนรองรับการย้ายถิ่น” และ “GIS Map” เป็นเครื่องมือ ช่วยตัดสินใจว่าจะ “อยู่” หรือ "ย้าย"

ตรวจแถวระบบรับน้ำกทม. รองผู้ว่าฯลั่นน้ำเท่ามหาอุทกภัยปี 54 ก็"เอาอยู่"
สำรวจระบบระบายน้ำกทม. รองผู้ว่าฯมั่นใจ คนกรุงจะไม่เห็นภาพน้ำท่วมซ้ำรอยปี 54 หลัง 3 ปีเข้ามาบริหาร เร่ง"พัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำโดยใช้ฐานข้อมูล" สร้างกำแพงกันแม่น้ำเจ้าพระยา 88 กิโลเมตร ปิดจุดเสี่ยงน้ำท่วม 737 จุด ติดเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำทั่วกรุง จับมือญี่ปุ่น พัฒนาระบบพยากรณ์ล่วงหน้า 3 ชั่วโมง

แม่แจ่มกระจกนโยบาย ย้ายถิ่นอย่างยั่งยืน–เตือนอย่างทันเวลา
เมื่อดินสไลด์ยักษ์ที่แม่แจ่มพรากชีวิตและบ้านเรือนในชั่วพริบตา เราได้เห็นภาพสะท้อนของ “ความเปราะบาง”ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ชนบทของไทย เสียงฝนตกที่ดังก้องในค่ำคืนมิได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่คือสัญญาณเตือนว่าความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติในยุคปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนโฉมไปแล้ว

การเมืองไม่นิ่ง ไร้เจ้าภาพ แก้พิษน้ำกกปนเปื้อน
เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ทำให้การแก้ปัญหาไร้เจ้าภาพ ทำให้การแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกกยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ผลตรวจโลหะหนัก สารหนู ตะกั่ว และยูเรเนียม และมีความเชื่อมโยงกับเหมืองแร่ในประเทศเพื่อน

จากพายุถึงสถานการณ์ชายแดน: ถึงเวลาที่รัฐต้องยกระดับมาตรฐานการอพยพ
“....ถ้าน้ำมันขึ้นมาก็ยกของขึ้น ถ้าขึ้นถึงชั้น 1 เราก็ขึ้นชั้น 2 เฮาบ่รู้ว่าออกไปแล้วของของเราจะเป็นจะใด เครียด แต่ชินละ...น้ำมันขึ้นมาทุกปี” คำสัมภาษณ์ของประชาชนในจังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ก่อนที่พายุวิภาจะส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม

นักวิจัยเร่งสำรวจพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก “เสี่ยง” ต้องย้ายถิ่นจากโลกร้อน
วิกฤตโลกร้อนทวีความรุนแรง ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติ หลายพื้นที่ น้ำท่วมซ้ำซาก แต่รัฐไร้แผนป้องกัน สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำรวจพื้นที่ผลกระทบโลกร้อน เพื่อผลักดัน นโยบายป้องกันก่อนเยียวยา หาพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมแผนอพยพย้ายถิ่นในกรณีผลกระทบรุนแรง

จากเหมืองอัคราถึงแม่น้ำกก จะรับมืออย่างไร เมื่อพบสารหนูในเด็ก
กรมอนามัย ตรวจปริมาณสารหนูปนเปื้อนในปัสสาวะของชาวบ้านแม่อาย 25 คนในจำนวนดังกล่าวมีเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ พบการปนเปื้อน แตยังไม่เกินมาตรฐาน ขณะที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หวั่นอันตรายซ้ำรอยกรณีเหมืองทองอัครา แนะตรวจสอบสุขภาพเด็กเพิ่ม และแยกชนิดสารหนูว่าเป็นสาร อินทรีย์ หรือ อนินทรีย์ เพราะอันตรายแตกต่างกัน

สำรวจเครื่องมือจัดการ 'น้ำปนเปื้อนข้ามแดน' ทั่วโลก
สถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกกสะท้อนการจัดการปัญหาการปนเปื้อนทางน้ำข้ามพรมแดน การเรียนรู้จากกรณีศึกษาทั่วโลก ทำให้เห็นแนวทางการการจัดการปัญหาของแต่ละพื้นที่ และสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้

เปิดร่าง พ.ร.บ.ใหม่ ติดดาบกรมอุตุฯ วางมาตรฐานพยากรณ์อากาศ
เปิดฟังความเห็นร่างกฎหมาย พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา กำหนดให้เป็น “หน่วยงานหลัก“ พยากรณ์อากาศ มีอำนาจดูแลเครื่องมือให้มีความแม่นยำ ควบคุมข้อมูลภาครัฐและเอกชน ป้องกันบิดเบือนสร้างความเสียหายประชาชน พร้อมกำหนดบทลงโทษทางอาญากับผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย

ประกาศคุ้มครองสิ่งแวดล้อม รับมือมลพิษ แม่น้ำกก-สาย
แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย กำลังเผชิญวิกฤตมลพิษจากสารหนู จากการทำเหมืองแร่ทองคำ และเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ที่รัฐฉานประเทศเมียนมาร์ ขณะที่ไทยยังไม่มีมาตรการคุมแหล่งกำเนิดนอกแดนได้ ทำได้เพียงมาตรการฟื้นฟูในประเทศ โดยอาจประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม

เทียบเคียงสภาพอากาศปี 68 กับมหาอุทกภัยปี 54 โอกาสท่วมแค่ไหน?
ปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่ เหมือนปี 54 หรือไม่ เป็นคำถามทุกครั้งเมื่อฝนตกหนัก สำรวจสภาพอากาศปี 54 กับปีนี้ พบว่ามีแบบแผนคล้ายกัน เริ่มจากเปลี่ยนผ่านจาก "เอลนีโญ" สู่ "ลานีญา" และเข้าสู่ "เอ็นโซ" จนเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ จับตา "ลานีญา" จะกลับมาอีกหรือไม่เหมือนปี 54 ดังนั้น ไม่อาจประมาทได้ว่าจะ"เอาอยู่"

ตรวจแถวกทม.ป้องกันน้ำท่วม รับฝนถล่มจากลานีญา เอาอยู่ไหม ?
สทนช.ระบายน้ำ 21 เขื่อนรับมืออิทธิพลของ “ลานีญา” ทำให้ปริมาณฝนปี 68 เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกทม. ฝนถล่มในเดือน พ.ค. มีปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ขณะที่กรุงเทพมหานครไม่ห่วงน้ำเหนือ มั่นใจรับมือได้ โดยพัฒนาใช้เอไอช่วยประเมินและปรับปรุงสถานีสูบน้ำ ใช้ 1,900 คลองช่วยระบาย

วิกฤตซับซ้อนจากแผ่นดินไหว-อาคารถล่ม: บทบาทสำคัญของพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
บ่ายวันที่ 28 มีนาคม 2568 – วันศุกร์สิ้นเดือนที่คนไทยต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งในรอบหลายปี เหตุจากประเทศไทยเผชิญผลจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร โดยมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา และแรงสะเทือนถึงประเทศไทยหลายพื้นที่รวม 63 จังหวัด

ผวาความปลอดภัย ฉุดท่องเที่ยวสงกรานต์ซบ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี คาดเทศกาลสงกรานต์ปี 68 เงินสะพัดน้อยลงจากปีก่อน 13.5% เหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยลดลง เพราะกังวลความปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ผลกระทบแผ่นดินไหว ซ้ำเติมท่องเที่ยวไทย
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก.พ. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากนักท่องเที่ยวจีนลดลง กังวลความปลอดภัยในไทยและเศรษฐกิจภายในซบเซา ขณะที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ฉุดความเชื่อมั่น นักท่องเที่ยวต่างชาติกังวล แห่ยกเลิกตั๋วเครื่องบินและที่พัก

ยกระดับ “ข้อมูล” รับมือภัยพิบัติ
น้ำท่วม ไฟป่า ฝุ่นควัน... ปัญหาเดิม ๆ ที่วนเวียนมาไม่จบไม่สิ้นในทุกปี! สะท้อนถึงปัญหาการจัดการภัยพิบัติในรูปแบบเดิมไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้ "ข้อมูล" ที่มีอยู่มาออกแบบนวัตกรรมการรับมือภัยพิบัติ ฟื้นคืนชีวิต จิตใจ และเศรษฐกิจของคนไทย

20 ปีสึนามิ : ออกแบบนโยบาย รับภัยพิบัติยุคโลกเดือด
เหตุการณ์สึนามิ ปี 2547 เป็นจุดเริ่มต้นของระบบจัดการภัยพิบัติและเครือข่ายอาสาสมัครในไทย รวมถึงการจัดทำ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 ผ่านเส้นทางยาวนานมาถึงวันนี้ ประเทศไทยยังคงตกอยู่ในวังวนและเผชิญความสูญเสียจากภัยพิบัติหลากรูปแบบที่รุนแรง ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ

โลกรวน เพิ่มความรุนแรงภัยพิบัติ : 4 เรื่องเร่งด่วนเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่จากภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงและความถี่มากขึ้น โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหลายภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วประเทศได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ทั้งยังเป็นคำเตือนให้ประเทศไทยเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในอนาคต

สมุดปกแดง ลายแทงสู้ภัยพิบัติในภาวะโลกเดือด
ภัยพิบัติมีแนวโน้มเกิดมากขึ้นทั่วโลก สร้างความเสียหายรุนแรงต่อเนื่อง นำมาสู่การระดมสมองเตรียมพร้อมรับมือเพื่อป้องกันและลดความสูญเสีย ด้วยกลไกทางกฎหมาย การบริหารจัดการ และนวัตกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิกาศในยุคโลกเดือด

นโยบายสาธารณะผ่านขาขึ้น แต่ไปไม่ถึงขาเคลื่อน
ในยุคที่การมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะ เป็นความหวังในการแก้โจทย์สังคมได้อย่างตรงจุด แต่ข้อเสนอเชิงนโยบายจากเสียงของประชาชนกลับ “ติดดอย - ติดหล่ม” การใช้นวัตกรรมเชิงนโยบาย วิเคราะห์ข้อมูลและติดตามการทำงานของผู้กำหนดนโยบาย ไปพร้อมกับการหาหน้าต่างนโยบายให้เจอ จะช่วยผลักดันข้อเสนอนโยบายลงจากดอย

ไทยตามหลังหรือไม่? เปรียบเทียบระบบป้องกันภัยพิบัติที่รอบด้านจากรอบโลก
ระบบป้องกันภัยพิบัติที่ใช้กันทั่วโลกมีความแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ ซึ่งมีจุดแข็ง จุดอ่อนแตกต่างกันไป การเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเปรียบเทียบและนำมาปรับใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม

สทนช.เปิดแผนป้องกัน หวังแก้น้ำท่วมใต้ซ้ำซาก
สทนช.เผยโครงการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งการระบบป้องกันและขยายพื้นที่กักเก็บ เพื่อลดผลกระทบ แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจเป็นเรื่องท้าทายอีกครั้งว่าโครงการดังกล่าวจะเพียงพอหรือไม่

ชาวเชียงรายวาดภาพอนาคต จัดการภัยพิบัติยั่งยืน
คนเชียงรายปรับบทบาทจาก “ผู้ประสบภัย” เป็น “ผู้มีส่วนร่วมตัดสินใจเชิงนโยบาย” ระดมความเห็นทุกภาคส่วนจากทั้งผู้ประสบภัยพิบัติ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ สื่อ เอกชน และหน่วยงานรัฐ ผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายให้จังหวัดเชียงรายเป็นต้นแบบรับมือภัยพิบัติอย่างยั่งยืน พร้อมเสนอรัฐบาลให้การสนับสนุน

เสนอปรับเพดานนโยบาย หนุนชุมชนเข้มแข็งจัดการภัยพิบัติ
ภาคใต้กำลังเข้าสู่ฤดูฝนในเดือน พ.ย.นี้ สามเดือนนับจากนี้เป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม การเตรียมความพร้อมรับมือจึงต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ชุมชนจะต้องตอบ 3 คำถามให้ได้ หนีเมื่อไร? หนีอย่างไร? หนีไปไหน? และภาคีเครือข่ายต้องช่วยสร้างกลไกสนับสนุนให้พวกเขาเข้มแข็ง

ภัยพิบัติรุนแรงกระทบเศรษฐกิจหนัก หากไร้แผนรับมือ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดน้ำท่วมปี 2567 กระทบเศรษฐกิจไทยอย่างต่ำ 3 หมื่นล้านบาท และอาจสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท หากน้ำท่วมขยายขอบเขตไปยังภาคกลางและภาคใต้ แนะทุกฝ่ายวางแผนรับมือภัยพิบัติที่เสี่ยงรุนแรงมากขึ้นจากสภาพภูมิอากาศสุดขั้ว

ยกเครื่องระบบเตือนภัยพิบัติ เพื่อลดความเสียหายจากน้ำท่วมดินถล่ม
การจัดตั้งศูนย์ภัยพิบัติให้มีมาตรฐาน เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันมานาน โดยเฉพาะภายหลังจากเกิดภัยพิบัติขึ้น แต่ในที่สุดเรื่องก็เงียบหาย ทำให้การบริหารจัดการทำได้เพียงแค่ "ศูนย์บัญชาการเฉพาะ" แต่จากสถานการณ์โลกร้อน อาจถึงเวลาต้องกลับมาทบทวนกันอย่างจริงจัง เพราะภัยพิบัติอาจรุนแรงและเกิดบ่อยครั้ง

"ฟื้นฟูเชียงราย" เริ่มต้นใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม
วิกฤตอุทกภัย และปริมาณดินโคลนจำนวนมหาศาลที่พัดพาความเสียหายมาสู่เชียงรายรอบล่าสุด สะท้อนถึงปัญหา “โลกรวน” ที่การจัดการในรูปแบบเดิมไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป วงเสวนาระดมความคิดเห็น สู่มิติใหม่ในการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน เสนอแผน 3 ระยะ พร้อมผลักดันให้มีกลไกร่วมระหว่างรัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม

ทำไมแผนรับมือภัยพิบัติ จึงไร้ประสิทธิภาพ?
รัฐบาลใช้งบประมาณกว่าร้อยล้านบาท ในปี 65 ติดตั้งระบบเตือนเพื่อรับภัยพิบัติทั่วประเทศ แต่รายงานสหประชาชาติกลับพบว่า ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่เสี่ยงของไทยมีเพียง 50% เท่านั้น ที่ได้รับการอบรมเตรียมการป้องกันและรู้จักการเตือนภัย ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติของไทย
