สภาพอากาศของประเทศไทย เริ่มมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย. 68 แม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยา จะประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน เมื่อ 15 พ.ค. 68 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้การคาดการณ์ยากขึ้นและ “ฤดฝน” อาจไม่ได้เป็นไปตามคำนิยามเดิมเสมอไป
จากฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้คนไทยจำนวนมากมักจะเปรียบเทียบกับมหาอุทกภัยในปี 2554 ทั้งในโลกของโซเชียลมีเดียและการพูดคุยของผู้คนในชีวิตประจำวัน บางคนบอกว่าในปีน้ำท่วมใหญ่ ก็มีนายกรัฐมนตรี “ผู้หญิง”
ในช่วงปลายเดือน พ.ค. 68 ฝนยังตกหนักหลายพื้นที่ และบางจังหวัดเกิดน้ำท่วม “ฉับพลัน” จากภาวะฝนตกหนักและการระบายน้ำไม่ทัน และเมื่อมีการสำรวจระดับน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะภาคเหนือ ปรากฏว่าระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก แต่ก็เป็นสัญญาณว่าหากฝนยังตกต่อเนื่อง จำเป็นต้องระบายน้ำและไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างของประเทศ
จากสถานการณ์ฝนตกหนักและปริมาณในขณะนี้ หน่วยงานภาครัฐไม่ได้วิตกกังวลมากนัก มั่นใจว่ามาตรการป้องกันน้ำท่วมตั้งแต่ปี 54 รัฐบาลได้ลงทุนก่อสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการบริหารจัดการน้ำค่อนข้างมาก และเชื่อว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้
อย่างไหรก็ตาม จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้การคาดการณ์เป็นไปได้ยากว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรและมีความรุนแรงแค่ไหน
ย้อนรอยสภาพอากาศปี 54 น้ำท่วมใหญ่
น้ำท่วมใหญ่ปี 54 เกิดขึ้นในช่วงปรากฏการณ์ที่เรียกว่าเอ็นโซ (ENSO) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรและความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ โดยเป็นปรากฏการณ์ที่มีทั้งเอลนีโญและลานีญา ซึ่งพบว่าในช่วงกลางไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 มีแนวโน้มที่สภาพภูมิอากาศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ (Neutral) และอีกช่วงในต้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ถึงต้นไตรมาสแรกของปี 2568
ในปี 54 นับว่าเป็นปีที่ฝนมาเร็วและปริมาณฝนมากกว่าปกติค่อนข้างมาก โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งนับว่าเร็วกว่าปกติ โดยปริมาณฝนรวมทั้งปีสูงถึง 1,826 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าปกติ 25% และยังมากกว่าปี 2538 2545 และ 2549 ที่ประเทศไทยเกิดอุทกภัยรุนแรงอยู่ค่อนข้างมาก
นอกจากนี้การกระจายตัวของกลุ่มฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในปี 2554 ยังครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างกว่าปีอื่น ๆ โดยเฉพาะภาคเหนือที่มีฝนตกหนักเกิดขึ้นเกือบทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุทกภัยรุนแรงในครั้งนี้ เนื่องจากน้ำจากภาคเหนือส่วนใหญ่จะไหลลงสู่ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมีโอกาสเกิดน้ำท่วมขังสูงกว่าภาคอื่น
อิทธิพล “ลานีญา” ข้ามปี
ในปี 54 ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่และสร้างความเสียหายมหาศาล แต่สัญญาณ “น้ำมาก” เริ่มมาก่อนหน้านั้นในปี 53 จากปรากฎการณ์ลานีญา
“ลานีญา” เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงเหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 54 “ลานีญา” ได้เริ่มก่อตัวตั้งแต่ช่วงกลางปี 53 โดยมีกำลังแรงในช่วงปลายปี 53 และดำเนินต่อเนื่องจนถึงกลางปี 54
หลังจากนั้น “ลานีญากำลังแรง” ได้ลดระดับเป็นลานีญา “กำลังปานกลาง” และ “กำลังอ่อน” ในช่วงต้นปี 54 จากนั้นได้เข้าสู่ “สภาวะเป็นกลาง” หรือ ENSO-neutral ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.
ต่อมาเกิดการกลับมาเป็นสภาวะลานีญา “กำลังอ่อนและกำลังปานกลาง” อีกครั้งในช่วงส.ค. 54 โดยคงอยู่ต่อเนื่องไปจนถึง มี.ค. 55 ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนตกมากกว่าปกติ
จากสภาพอากาศดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศไทยมีพายุ 5 ลูก ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด คือ
- พายุโซนร้อน “นกเต็น” (NOCK-TEN) ที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณจังหวัดน่านในขณะที่ลดระดับลงเป็นพายุดีเปรสชัน
- พายุโซนร้อน “ไหหม่า” (HAIMA)
- พายุโซนร้อน “ไห่ถาง” (HAITANG) ที่สลายตัวลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย
- พายุไต้ฝุ่น “เนสาด” (NESAT)
- พายุไต้ฝุ่น “นาลแก” (NALGAE) ที่ถึงแม้จะสลายตัวไปในบริเวณประเทศเวียดนาม แต่อิทธิพลของพายุยังคงส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น
เรากำลังอยู่ในช่วง ENSO จับตา “ลานีญา” ปลายปี
ศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ/ลานีญา หรือ ปรากฏการณ์เอนโซ (ENSO) โดยการคาดหมายจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกแถบศูนย์สูตรที่ใกล้เคียงค่าปกติและ ระบบการหมุนเวียนบรรยากาศบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร ประกอบกับเมื่อวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยวิธีการทางสถิติและแบบจำลองเชิงพลวัต คาดว่า ปรากฏการณ์เอนโซที่อยู่ในสภาวะปกติ หรือ ENSO-neutral จะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. 68
การตรวจสอบและติดตามปรากฏการณ์ ENSO มีความสำคัญต่อการคาดการณ์สภาพอากาศโลกและการวางแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบันอยู่ใน สภาวะเป็นกลาง หรือ ENSO-neutral โดยการคาดการณ์จากแบบจำลองสภาพอากาศส่วนใหญ่ชี้ว่าสภาวะสภาวะเป็นกลาง จะคงอยู่ต่อไปจนถึงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ โดยมีโอกาส 60% ที่จะเกิดสภาวะลานีญาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2025-2026
สภาวะเป็นกลางที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้า และเป็นข้อมูลสำคัญในการติดตามโอกาสการเกิดลานีญาในช่วงปลายปี 2025 ตามที่แบบจำลองได้คาดการณ์ไว้
ลานีญามีโอกาสกลับมา
สภาวะเป็นกลาง กำลังเกิดขึ้น อุณหภูมิผิวน้ำทะเลอยู่ในระดับปกติเกือบทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอยู่ในช่วงที่ถือว่าเป็นสภาวะปกติ ไม่เข้าเกณฑ์ เอลนีโญ หรือ ลานีญา
คาดการณ์ว่าสภาวะเป็นกลาง มีแนวโน้มคงอยู่ตลอดฤดูร้อน 2025 โดยมีโอกาส 74% ในช่วงมิ.ย.-ส.ค. และยังมีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะคงอยู่ถึงช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.
สำหรับฤดูหนาว 2025-26 พบว่าโอกาสที่จะเกิด สภาวะเป็นกลาง มีมากกว่าการกลับมาของ ลานีญา เล็กน้อย แบบจำลองการพยากรณ์ส่วนใหญ่สนับสนุนสภาวะเป็นกลางต่อไป
ความเหมือนกัน แต่ใช่ว่าจะซ้ำรอย แม้คนกังวล
จากการเปรียบเทียบสภาพอากาศในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 กับสภาพอากาศในปี 2568 มีแบบแผนค่อนข้างคล้ายกัน นั่นคือ เกิดปรากฏการณ์ ENSO
“แบบแผนคล้ายกัน” เริ่มจากเกิดปรากฏการณ์ของ ลานีญา จากนั้นต่อด้วย ภาวะความเป็นกลาง หรือ ENSO-neutral ซึ่งในช่วงเวลานี้ พื้นที่ในประเทศไทยเผชิญกับฝนตกหนักในหลายพื้นที่และเริ่มมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง เช่น ภาคเหนือ
แต่ในปี 54 มีสภาวะการณ์ที่สำคัญคือการกลับมาของ “ลานีญา” ในช่วงเดือนส.ค. ซึ่งทำให้ฝนตกหนักอีกครั้งจากพายุโซนร้อน กว่าจะหมดฤทธิ์ “ลานีญา”ก็ยาวข้ามปี พร้อมกับทิ้งความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ในปี 68 ขณะนี้ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ เพราะขณะนี้สภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วง ภาวะความเป็นกลาง หรือ ENSO -neutral แต่ก็ยังต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า “ลานีญา” จะกลับมาหรือไม่ หากตามการคาดการณ์ข้างต้น จะเห็นว่า “ลานีญา” มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญคือเมื่อเรามีแบบแผนการเกิดขึ้นและเคยประสบกับความเสียหายร้ายแรงมาแล้ว รัฐบาลก็น่าจะรีบวางแผนและหากมาตรการรับมือ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นมากนัก จะเห็นได้จากขณะนี้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ภาคเหนือ แต่ยังไม่มีใครมองว่า “เรื่องใหญ่” อาจจะตามมา รัฐบาลทำได้เพียงแก้ปัญหาระยะสั้น และปลอบใจคนในพื้นที่ว่า “อย่าได้กังวล”
ที่มา: ศูนย์ภูมิอากาศ กองพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม:
จาก”เอลนีโญ” สู่ “ลานีญา” จับตาสภาพอากาศช่วงเปลี่ยนผ่าน