นักวิเคราะห์คาดโครงการแจกเงิน 10,000 บาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเติบโตระยะสั้นจนถึงกลางปี 68 ท่ามกลางแรกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างรายล้อม หากรัฐบาลไม่จริงจังแก้ปัญหานี้ เศรษฐกิจจะกลับมาโตต่ำกว่า 2.5% อีกครั้งเมื่อหมดโครงการแจกเงิน
ครม.อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2568 โดยก่อหนี้ใหม่เพิ่มอีก 6.17 หมื่นล้านบาท รวม 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ บอร์ดนโยบายฯยันสัดส่วนหนี้ยังอยู่ในกรอบกฎหมาย
"โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567" กำลังเริ่มจ่ายโอนเงิน 10,000 บาท เพื่อเข้าบัญชีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรผู้พิการ ตั้งแต่วันที่ 25-30 ก.ย. จำนวน 14.4 ล้านคน คิดเป็นเงิน 1.44 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลไม่มีข้อจำกัดด้านการใช้จ่าย
รัฐบาลปรับชื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็น "โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ" แจกเงินหมื่นบาทกลุ่มเปราะบาง "คนพิการ-บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" รวม 12.55 ล้านคน เริ่ม 25 ก.ย.นี้ รวม 4 วันตามเลขบัตรประชาชน ใครไม่ได้รับ รีบตรวจสอบสิทธิด่วน เพราะกระทรวงการคลังจะโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง
หลังจากที่ แพทองธาร ชินวัตร ประกาศเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ รายละเอียดของโครงการยังขาดความชัดเจน
ธปท.แสดงความกังวล 5 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต ตามพ.ร.บ.เงินตรา และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แนะอยากเห็นช่วยเฉพาะกลุ่ม และแผนลดภาระหนี้ที่เกิดขึ้น รวมถึงความปลอดภัยใน ซูเปอร์แอฟ (Super App) ระบบชำระเงินแบบใหม่ที่รัฐบาลกำลังจะสร้างรองรับ
มติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ 2.50% กนง.พร้อมยินดีรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย ถือเป็นความหวังดีและเป็นประโยชน์ หลังถูกกดดันหนักจากรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่ส่งสัญญาณถึง 3 ครั้งให้ลดดอกเบี้ยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังมีข้อถกเถียงในหลายประเด็นถึงเหตุผลและความจำเป็น แต่เบื้องหลังข้อถกเถียงต่อนโยบายแจกเงินดิจิทัลในครั้งนี้ คือ ฐานคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลย้ำว่าเศรษฐกิจ "วิกฤต" จำเป็นต้องมีการกระตุ้น ในขณะที่ฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกลมองว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤต
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง แถลงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากมีความล่าช้าจากที่คาดการณ์ไว้และเกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นการแถลงในรายละเอียดครั้งแรกของนายเศรษฐาและยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการนโยบายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ