ข้อมูลนโยบายล่าสุด : 7 ต.ค. 2568
กลุ่มเป้าหมาย “คนละครึ่งพลัส”
- ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ได้ 2,400 บาท/คน ตลอดโครงการ สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากรประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91) หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ 30 มิ.ย. 68
- ประชาชนทั่วไปที่ไม่ยื่นแบบภาษี: ได้ 2,000 บาท/คน ตลอดโครงการ
คุณสมบัติคนได้สิทธิ
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- มีบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ 1 ต.ค. 68
- ไม่เป็นผู้ที่ถูก สศค. ระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 – 5
ระยะเวลาโครงการ
ตั้งแต่ 15 ต.ค.-31 ธ.ค. 68 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่ 15 ต.ค.-19 ธ.ค. 68 หรือระยะเวลาตามที่กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนด
- เปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่ 20 ต.ค.-26 ต.ค. 68 (เวลา 06.00 – 22.00 น.)
- ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-31 ธ.ค. 68 (เวลา 06.00 – 23.00 น.) โดยสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 7 พ.ย.-31 ธ.ค. 68 (เวลา 06.00 – 21.00 น.)
เงื่อนไขการใช้จ่าย
ภาครัฐสนับสนุนเงินร่วมจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน แต่ไม่เกินจำนวนวงเงินสิทธิที่กำหนด
- ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัสต้องมีการใช้จ่ายสิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. 68 เวลา 23.00 น. นับตั้งแต่วันที่โครงการเปิดให้ใช้สิทธิ เพื่อรักษาสิทธิคนละครึ่งพลัส ตลอดระยะเวลาโครงการ
- ช่วงเวลาการใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส กับร้านค้าที่ร่วมโครงการ ตั้งแต่เวลา 6.00 – 23.00 น. ของทุกวัน โดยชำระเงินผ่าน G Waller (แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง)
สินค้าที่ร่วมโครงการ
- อาหาร และเครื่องดื่ม
- สินค้าทั่วไป
- บริการขนส่งสาธารณะ
- บริการนวด
- สปา
- ทำเล็บทำผม
สินค้าที่ไม่ร่วมรายการ
- สินค้าสลากกินแบ่ง
- เครื่องดื่มแอลกอลฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- บัตรกำนัล
- บัตรเงินสด
- บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้า หรือบริการล่วงหน้า
คาดผลของนโยบายคนละครึ่งพลัส
โดยการดำเนินโครงการฯ จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวันให้แก่ระชาชนเพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 68 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการดำเนินโครงการฯ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 88,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.22
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชนให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและทั่วถึง และที่สำคัญคือ มุ่งหวังให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
- วงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ไม่เกิน 44,000 ล้านบาท
- กลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคการนำของพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้เติบโตอย่างรวดเร็ว (แบบพายุหมุน) และส่งเสริมการบริโภคระดับท้องถิ่น รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ลักษณะของโครงการ คือ แจกเงินจำนวน 10,000 บาท ให้ประชาชนราว 50 ล้านคน ใช้งบประมาณรวม 500,000 ล้านบาท ผ่านแอปพลิเคชันดิจิทัลวอลเล็ต (คล้ายกับเป๋าตัง) โดยจำกัดการใช้เงิน ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สามารถใช้จ่ายได้เฉพาะร้านค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ (ไม่รวมร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่)
โครงการแบ่งเป็น 3 เฟส
- เฟสที่ 1 แจกเงินสดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐและผู้พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน ใช้งบประมาณ 140,000 – 145,000 ล้านบาท
- เฟสที่ 2 แจกเงินสดให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3 ล้านคน ผ่านพร้อมเพย์ ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท
- เฟสที่ 3 ประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ ประมาณ 33 ล้านคน แต่รัฐบาลเปลี่ยนใจเลื่อนโครงการออกไปไม่มีกำหนด เพราะต้องนำงบ 157,000 ล้านบาทใช้บรรเทาผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามภายหลังจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โครงการนี้ก็สุดลงทันที




















