การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดนเฉพาะนวัตกรรมในโลกดิจิทัล ทำให้หลายสิ่งหลายอย่าง”มีความเป็นไปได้” โดยเฉพาะในการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมดูแลสุขภาพ ที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นจากสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
โครงการบ่มเพาะเพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ HEALTHTECH X 2 The Future ภายใต้แผนสร้างสรรค์โอกาสสุขภาวะ (แผน 11 ) สำนักสร้างสรรค์โอกาส(สำนัก 6) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส ) เพื่อบ่มเพาะให้เกิดพลังความคิดและศักยภาพให้กลายเป็นนวัตกรรมดิจิทัลที่ตอบโจทย์สุขภาพ
พัฒนาเทคโนโลยี ลดเหลื่อมล้ำ สุขภาพ
สัมพันธ์ ศิลปนาฏ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 6 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยี คือพลังสร้างสรรค์เพื่อลดช่องว่างทางสุขภาพให้กับคนไทย เพราะเทคโนโลยีสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้
“ผมเคยใช้แอปพลิเคชัน โดยกรอกข้อมูลสุขภาพทำให้เห็นตัวเลขที่น่ากลัว เพราะมีการทำนายอายุบอกว่าจะมีชีวิตได้อีกกี่ปี โดยต้องกรอก KPI ถ้าดูดบุหรี่ จะทำให้อายุหายไป 7 ปี ดื่มเหล้าชีวิตหายไป 3 ปีครึ่ง หากมีเรื่องบริโภคน้ำตาลสูงชีวิตจะหายไปอีก 4 ปี และเมื่อคำนวณแล้วจะมีชีวิต 2 ปี ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จึงมีความตั้งใจจากสสส.ว่าควรจะสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อต้องการปิดช่องว่างทางสุขภาพ กับอายุไขที่ยาวมากขึ้น”
ขณะที่คนที่ต้องการอายุยืนยาว สุขภาพดี มีความพยายามจะกินวิตามิน แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ลดการเค็ม ลดหวาน หรือการลดสูบบุ่หรี่ และเหล้า ซึ่งพบความเสี่ยงว่าอาจจะป่วยติดเตียงประมาณ 6 ปีครึ่ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าคือ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะมีคนจำนวนมากไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพราะสังคมรอบตัวของเขาอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมยาก เช่น การอยู่ในสังคมที่ตอนเย็นต้องกินเหล้ากัน ต้องกินอาหารริมถนนที่มีความเค็ม หวาน ดังนั้น สสส.ต้องการปิดช่องว่างเหล่านี้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีได้
ขณะที่ รัศมี สืบชมภู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีนเนอร์ยี่ อินโนเวชั่น จำกัด บอกว่า ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เป็น ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ โดยที่ผ่านมามี HealthTech 1 และเริ่มมี HealthTechX 2 เนื่องจาก ประเทศไทย มีผู้สูงอายุกว่า 20% มีกลุ่มเปราะบาง 19% ผู้พิการ 6.0% ซึ่งทั้งหมดเริ่มมีปัญหาสุขภาพ ทั้งสุขภาพจิต และปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD ) ที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้น
แม้ที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นแต่มีคนบางกลุ่มเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ทำให้จำเป็นต้องมีโครงการ HEALTHTECH X 2 The Future” หนุนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ มุ่งเปลี่ยนความเหลี่ยมล้ำให้เป็นความเท่าเทียมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
ทั้งนี้ โครงการได้ออกแบบอย่างเป็นระบบแบ่งออกเป็น 5 ระยะ กรอบระยะเวลา 18 เดือน มีผู้สมัครเข้ามาร่วม 133 ทีม คัดมาเหลือ 52 ทีม และ รอบสุดท้าย 22 ทีม โดยแบ่งเป็น สตาร์ทอัพ 19 ทีม และ Entrepreneur 3 ทีม เพื่อสร้างสรรคนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อตอยโจทย์กลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะต่อยอดเพื่อขยายผลสู่ธุรกิจต่อไป
ผลคัดเลือก HEALTHTECH X 2 The Future
สำหรับผลการคัดเลือก HEALTHTECH X 2 The Future” หนุนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ค้นหาและบ่มเพาะนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพ ที่สามารถ สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยป้องกันและตอบโจทย์ต่อกลุ่มเปราะบาง สามารถขยายผลได้ในเชิงสังคมและธุรกิจอย่างยั่งยืน
โครงการ HEALTHTECH X 2 The Future ประเภท ประชาชนทั่วไปและสตาร์ทอัพ (Startup) โดยรางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และเกียรติบัตร ทีม Eldente
สำหรับ ทีมEldente โดย นายแพทย์ลาภณวัส สันติธรรม ,แพทย์หญิง รัฐา กังสุพานิช และ นายแพทย์ พลวัฒน์ บุญนิธิ ทีม Eldente นำเสนอ นวัตกรรม Flowmine-RA : AI deep tech วัดแรงปัสสาวะด้วยเสียง ตรวจด้วยตัวเองที่บ้าน เพราะการได้ยินเสียงจากร่างกาย คือจุดเริ่มต้นของการใส่ใจสุขภาพ
Eldente: วัดแรงปัสสาวะด้วยเสียง
ทีม Eldente มีแรงบันดาลใจมาจากปัญหาผู้สูงอายุตาบอดแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองมีปัสสาวะผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้ จึงพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการประมวลผลการไหลของปัสสาวะด้วยเสียง
ขณะที่ปัญหาภาวะการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพของประชาชนทั่วไป โดยพบว่า กว่า 14 ล้านคนหรือกว่า 50% มีอาการทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง และอีกกว่า 60% ไม่เคยพบศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ
แพทย์ทางเดินปัสสาวะของประเทศไทยทั้งประเทศประมาณ 423 คน หรือคิดเป็น 0.64 คนต่อ 1 แสนประชากร น้อยกว่าประเทศญี่ปุ่น 12 เท่า ทำให้เรามักจะเห็นว่ามีผู้สูงอายุที่มีปัญหาปัสสาวะไหลช้า หรือปัสสาวะไม่ออก นำไปสู่ปัญหา ไตวาย 57% และภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุทำให้ไตวาย เป็นอันดับ 4
ปัญหาเรื่องโรคไต ทำให้เกิดปัญหาระดับมหาภาค เนื่องจากค่าบริการผู้ป่วยไตเรื้องรังสูงถึง 16,074.98 ล้านบาท เพราะฉะนั้นจะดีกว่าหรือไม่ ถ้ามี นวัตกรรม Flowmine-RA เพื่อช่วยตรวจสอบว่ากั้นทางเดินปัสสาวะ โดยจะเข้ามาช่วยตรวจสอบอัตราไหลของปัสสาวะ การติดตาม การเปลี่ยนเสียงปัสสาวะ ที่กระทบกับชักโครก โดยใช้ Mobile Application มือถือ วางในตำแหน่งที่เหมาะสมที่ซักโครก
หลังจากนั้น Application เปลี่ยนอัตราไหลของปัสสาวะและประมวลผลออกมาเพื่อบอกว่ามีความเสี่ยง จากภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะหรือไม่ในระดับไหน พร้อมกับการให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล และการเชื่อมต่อกับแพทย์ทางไกล
ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการคิดค้นเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวของประเทศไทยมีความแม่นยำสูง ได้รับการรับรองจากคระแพทย์ศาสตร์รามาธิบดี ได้รับรางวัลจากสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทย ได้รับการจดอนุสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมต่อยอด จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย)
เทคโนโลยี Flowmine-RA มีการนำไปใและมีผู้ป่วยไปใช้งานจริง 1,000 ครั้ง มีผู้ใช้มากกว่า 1,300 ครั้ง และเป็นช่วยให้กับแพทย์รามาธิบดี รพ.กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาลไตภูมิ และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และได้ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีเพื่อทดสอบการใช้งาน เพราะไม่มีแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ซึ่งช่วยให้การตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาของแพทย์ได้แม่นยำมากขึ้น
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม YVR และ นัก Bit และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ทีม AiHUB
ERTIGO:กายภาพบำบัดออนไลน์ด้วยตัวเอง
ส่วนรางวัลประเภทผู้ประกอบการ (Entrepreneur) รางวัลชนะเลิศ ได้ทีม ERTIGO โดย นาย นนทเดช วรางค์เดช และทีม ได้พัฒนา Mobile Application AI และ Web Application เพื่อทำกายภาพบำบัดออนไลน์ด้วยตนเอง แก้อาการปวดเมื่อยย่างยั่งยืน
ทีม ERTIGO มีแรงบันดาลใจจาก ความเชื่อที่ว่า การดูแลตัวเองเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ จึงวิเคราะห์ความเสี่ยง การป้องกันไปจนถึงการแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องแบกค่าใช้จ่ายสูง เพราะในทุกๆวัน การทำงานหรือการใช้ชีวิตจะใช้ร่างกายซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความตึงเครียด เมื่อยล้าด้วยตัวเอง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ทีม Precisionize และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ทีม ใส่ใจวัยเก๋า และ รางวัล popular vote รับรางวัลพิเศษจาก สสส. ทีม Good Boy Nirvana
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: