ThaiPBS Logo

ส่องนวัตกรรมสุขภาพ เมื่อการดูแลตัวเอง “ทุกคนเข้าถึงได้”

21 ต.ค. 256812:44 น.
ส่องนวัตกรรมสุขภาพ เมื่อการดูแลตัวเอง “ทุกคนเข้าถึงได้”
  • ผู้สูงอายุกว่า 20% กลุ่มเปราะบาง 19%  ผู้พิการ 6.0%  เริ่มมีปัญหาสุขภาพและเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี แต่นวัตกรรมและเทคโนโลยี ช่วยลดปัญหาช่องว่างทางสุขภาพและความเหลื่อมล้ำในการปรับพฤติกรรมดูแลสุขภาพ
"ดูแลตัวเองเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้" เป็นสโลแกน"นวัตกรรมสุขภาพ"ยุคใหม่ ผ่านมุมมองคนรุ่นใหม่ โดยสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสุขภาพ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพ เป็นนวัตกรรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และประหยัดค่าใช้จ่าย

การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดนเฉพาะนวัตกรรมในโลกดิจิทัล ทำให้หลายสิ่งหลายอย่าง”มีความเป็นไปได้” โดยเฉพาะในการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมดูแลสุขภาพ ที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นจากสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

โครงการบ่มเพาะเพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ HEALTHTECH X 2 The Future  ภายใต้แผนสร้างสรรค์โอกาสสุขภาวะ (แผน 11 ) สำนักสร้างสรรค์โอกาส(สำนัก 6) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส ) เพื่อบ่มเพาะให้เกิดพลังความคิดและศักยภาพให้กลายเป็นนวัตกรรมดิจิทัลที่ตอบโจทย์สุขภาพ

พัฒนาเทคโนโลยี ลดเหลื่อมล้ำ สุขภาพ

สัมพันธ์  ศิลปนาฏ  ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 6 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กล่าวว่า  การพัฒนาเทคโนโลยี คือพลังสร้างสรรค์เพื่อลดช่องว่างทางสุขภาพให้กับคนไทย เพราะเทคโนโลยีสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้

“ผมเคยใช้แอปพลิเคชัน โดยกรอกข้อมูลสุขภาพทำให้เห็นตัวเลขที่น่ากลัว เพราะมีการทำนายอายุบอกว่าจะมีชีวิตได้อีกกี่ปี  โดยต้องกรอก KPI  ถ้าดูดบุหรี่ จะทำให้อายุหายไป 7 ปี ดื่มเหล้าชีวิตหายไป 3 ปีครึ่ง  หากมีเรื่องบริโภคน้ำตาลสูงชีวิตจะหายไปอีก 4 ปี และเมื่อคำนวณแล้วจะมีชีวิต 2 ปี ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  จึงมีความตั้งใจจากสสส.ว่าควรจะสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อต้องการปิดช่องว่างทางสุขภาพ กับอายุไขที่ยาวมากขึ้น”

ขณะที่คนที่ต้องการอายุยืนยาว สุขภาพดี มีความพยายามจะกินวิตามิน แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ลดการเค็ม  ลดหวาน หรือการลดสูบบุ่หรี่ และเหล้า ซึ่งพบความเสี่ยงว่าอาจจะป่วยติดเตียงประมาณ 6 ปีครึ่ง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวมากกว่าคือ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม  เพราะมีคนจำนวนมากไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพราะสังคมรอบตัวของเขาอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมยาก เช่น การอยู่ในสังคมที่ตอนเย็นต้องกินเหล้ากัน ต้องกินอาหารริมถนนที่มีความเค็ม หวาน  ดังนั้น สสส.ต้องการปิดช่องว่างเหล่านี้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีได้

ขณะที่ รัศมี  สืบชมภู  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ซีนเนอร์ยี่  อินโนเวชั่น จำกัด   บอกว่า  ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เป็น ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ โดยที่ผ่านมามี HealthTech 1  และเริ่มมี HealthTechX 2  เนื่องจาก ประเทศไทย มีผู้สูงอายุกว่า 20% มีกลุ่มเปราะบาง 19%  ผู้พิการ 6.0%  ซึ่งทั้งหมดเริ่มมีปัญหาสุขภาพ ทั้งสุขภาพจิต และปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD ) ที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้น

แม้ที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นแต่มีคนบางกลุ่มเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี  ทำให้จำเป็นต้องมีโครงการ HEALTHTECH X 2 The Future” หนุนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ  มุ่งเปลี่ยนความเหลี่ยมล้ำให้เป็นความเท่าเทียมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

ทั้งนี้ โครงการได้ออกแบบอย่างเป็นระบบแบ่งออกเป็น 5 ระยะ กรอบระยะเวลา 18 เดือน  มีผู้สมัครเข้ามาร่วม 133 ทีม คัดมาเหลือ 52 ทีม และ รอบสุดท้าย 22 ทีม  โดยแบ่งเป็น สตาร์ทอัพ 19 ทีม  และ Entrepreneur  3 ทีม เพื่อสร้างสรรคนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อตอยโจทย์กลุ่มเปราะบาง  ซึ่งจะต่อยอดเพื่อขยายผลสู่ธุรกิจต่อไป

ผลคัดเลือก HEALTHTECH X 2 The Future

สำหรับผลการคัดเลือก HEALTHTECH X 2 The Future” หนุนการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ค้นหาและบ่มเพาะนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพ ที่สามารถ สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยป้องกันและตอบโจทย์ต่อกลุ่มเปราะบาง สามารถขยายผลได้ในเชิงสังคมและธุรกิจอย่างยั่งยืน

โครงการ HEALTHTECH X 2 The Future  ประเภท ประชาชนทั่วไปและสตาร์ทอัพ (Startup) โดยรางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และเกียรติบัตร ทีม Eldente

สำหรับ ทีมEldente  โดย นายแพทย์ลาภณวัส  สันติธรรม ,แพทย์หญิง รัฐา กังสุพานิช และ นายแพทย์ พลวัฒน์ บุญนิธิ   ทีม Eldente นำเสนอ นวัตกรรม Flowmine-RA : AI deep tech  วัดแรงปัสสาวะด้วยเสียง ตรวจด้วยตัวเองที่บ้าน เพราะการได้ยินเสียงจากร่างกาย คือจุดเริ่มต้นของการใส่ใจสุขภาพ

Eldente: วัดแรงปัสสาวะด้วยเสียง

ทีม Eldente มีแรงบันดาลใจมาจากปัญหาผู้สูงอายุตาบอดแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองมีปัสสาวะผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นได้ จึงพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการประมวลผลการไหลของปัสสาวะด้วยเสียง

ขณะที่ปัญหาภาวะการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพของประชาชนทั่วไป โดยพบว่า กว่า 14 ล้านคนหรือกว่า 50% มีอาการทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง และอีกกว่า 60% ไม่เคยพบศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ

แพทย์ทางเดินปัสสาวะของประเทศไทยทั้งประเทศประมาณ 423 คน หรือคิดเป็น 0.64 คนต่อ 1 แสนประชากร น้อยกว่าประเทศญี่ปุ่น 12 เท่า ทำให้เรามักจะเห็นว่ามีผู้สูงอายุที่มีปัญหาปัสสาวะไหลช้า หรือปัสสาวะไม่ออก นำไปสู่ปัญหา ไตวาย  57% และภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุทำให้ไตวาย เป็นอันดับ 4

ปัญหาเรื่องโรคไต ทำให้เกิดปัญหาระดับมหาภาค เนื่องจากค่าบริการผู้ป่วยไตเรื้องรังสูงถึง  16,074.98 ล้านบาท  เพราะฉะนั้นจะดีกว่าหรือไม่ ถ้ามี นวัตกรรม Flowmine-RA เพื่อช่วยตรวจสอบว่ากั้นทางเดินปัสสาวะ โดยจะเข้ามาช่วยตรวจสอบอัตราไหลของปัสสาวะ การติดตาม การเปลี่ยนเสียงปัสสาวะ ที่กระทบกับชักโครก โดยใช้ Mobile Application  มือถือ วางในตำแหน่งที่เหมาะสมที่ซักโครก

หลังจากนั้น Application เปลี่ยนอัตราไหลของปัสสาวะและประมวลผลออกมาเพื่อบอกว่ามีความเสี่ยง จากภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะหรือไม่ในระดับไหน พร้อมกับการให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล  และการเชื่อมต่อกับแพทย์ทางไกล

ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการคิดค้นเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวของประเทศไทยมีความแม่นยำสูง ได้รับการรับรองจากคระแพทย์ศาสตร์รามาธิบดี  ได้รับรางวัลจากสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทย  ได้รับการจดอนุสิทธิบัตร และลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมต่อยอด จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย)

เทคโนโลยี Flowmine-RA  มีการนำไปใและมีผู้ป่วยไปใช้งานจริง 1,000 ครั้ง มีผู้ใช้มากกว่า 1,300 ครั้ง  และเป็นช่วยให้กับแพทย์รามาธิบดี  รพ.กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาลไตภูมิ และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  และได้ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีเพื่อทดสอบการใช้งาน เพราะไม่มีแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ซึ่งช่วยให้การตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาของแพทย์ได้แม่นยำมากขึ้น

ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม YVR และ นัก Bit และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ทีม AiHUB

ERTIGO:กายภาพบำบัดออนไลน์ด้วยตัวเอง

ส่วนรางวัลประเภทผู้ประกอบการ (Entrepreneur)  รางวัลชนะเลิศ ได้ทีม ERTIGO โดย นาย นนทเดช วรางค์เดช  และทีม ได้พัฒนา Mobile Application   AI และ Web Application  เพื่อทำกายภาพบำบัดออนไลน์ด้วยตนเอง แก้อาการปวดเมื่อยย่างยั่งยืน

ทีม ERTIGO มีแรงบันดาลใจจาก ความเชื่อที่ว่า การดูแลตัวเองเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ จึงวิเคราะห์ความเสี่ยง การป้องกันไปจนถึงการแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องแบกค่าใช้จ่ายสูง เพราะในทุกๆวัน การทำงานหรือการใช้ชีวิตจะใช้ร่างกายซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความตึงเครียด เมื่อยล้าด้วยตัวเอง

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ทีม Precisionize และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ทีม ใส่ใจวัยเก๋า และ รางวัล popular vote รับรางวัลพิเศษจาก สสส. ทีม Good Boy Nirvana

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

สังคมสูงวัย

ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ผู้สูงอายุกลายเป็นนโยบายระดับรัฐบาลครั้งแรกที่มีบทบัญญัติไว้ว่าเป็นหน้าที่ของรัฐ จากนั้นมาทุกรัฐบาลก็มีนโยบายต่อประชากรผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และยิ่งสังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุขั้นสุดยอด ทำให้รัฐบาลต้องมาดูแลมากยิ่งขึ้น

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ระบบหลักประกันสุขภาพ

ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ "30 บาทรักษาทุกโรค" ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต่อมาเรียกว่า "บัตรทอง" ซึ่งดำเนินการมาครบรอบ 20 ปีเมื่อปี 2566 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 23 ในปี 2568 แต่ปัญหายังต้องแก้ไขกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณและการบริหารจัดการ แม้ว่าเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: