ThaiPBS Logo

เหตุผลต้องสร้างเศรษฐกิจผู้สูงวัย เพราะสังคมสูงวัยระดับสุดยอดของไทย “น่ากลัว”

28 ก.ย. 256809:16 น.
เหตุผลต้องสร้างเศรษฐกิจผู้สูงวัย เพราะสังคมสูงวัยระดับสุดยอดของไทย “น่ากลัว”
  • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยนํามาซึ่งความท้าทายต่อการขาดแคลนประชากรวัยแรงงาน และความมั่นคงในชีวิตของผู้สูงอายุทุกคน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายยังสามารถ “สร้างโอกาส ในเศรษฐกิจสูงวัย (Creating Opportunities in the Silver Economy)” ที่จะพลิกโฉมผู้สูงอายุจากกลุ่มเปราะบางให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สําคัญของปร ะเทศ ทั้งในฐานะผู้บริ โภคสินค้าและบริการ และ ในฐานะแรงงาน หรือผู้ประกอบการ
  • ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจสูงวัยอย่างเต็มศักยภาพ แนวนโยบายจึงจะมุ่งเน้นการสร้างศักยภาพของผู้สูงอายุให้คงอยู่ในตลาดแรงงานและมีรายได้เพียงพอ การสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงสินค้าและบริการที่จําเป็นสําหรับผู้สูงอายุ การสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ รวมทั้งการสื่อสารเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนในเศรษฐกิจสูงวัย
  • ทั้งนี้ การขับเคลื่อนแนวนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมจําเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและคนทุกวัย เพื่อนําไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างแท้จริงตลอดจนการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม ร่วมสร้างสุขภาวะของประเทศในระยะยาว
การก้าวสู่สังคมสูงวัยของไทยน่ากลัวกว่าที่คิด ผู้สูงอายุมีหนี้สินท่วมตัว เกิดปรากฏการณ์แก่ก่อนรวย มีภาวะพึ่งพิงสูง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช)เตรียมเสนอสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy) เพื่อเสนอวาระในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ปลายปีนี้ หวังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรับมือ

สถานการณ์ผู้สูงอายุของประเทศไทยในภาพรวม ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว จากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุและอัตราการเกิดลดลง จากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2566 ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เกินกว่า 20 % ของประชากรทั้งหมด

คาดว่าสังคมไทยจะเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ที่มีจำนวนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 28 % ในปี 2576

อีกทั้งเมื่อพิจารณาจำนวนผู้สูงอายุ ตามแนวคิด active aging พบว่าในปี 2564 มีผู้สูงอายุ กลุ่มที่สุขภาพดี และดูตนเองได้  30.4 % หรือ 2.03 ล้านคน ผู้สูงอายุกลุ่มที่สุขภาพดี แต่ต้องได้รับการพัฒนา ศักยภาพ 65.2 %   หรือ 4.37 ล้านคน และผู้สูงอายุกลุ่มที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 4.3 %  หรือ 0.29 ล้านคนของผู้สูงอายุ 65  ปีขึ้นไป

ผู้สูงอายุทุกกลุ่มมากกว่า 1.9 ล้านคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา คือภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้

ผู้สูงอายุ ยังพึ่งพิงรายได้จากลูกหลาน

ปัจจุบันผู้สูงอายุได้มีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงาน โดยมีผู้สูงอายุที่ยังคงทำงานอยู่ ประมาณ 5.11 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ  37.5 %  ของจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดกว่า 14 ล้านคน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบ  86.8 %  สะท้อนถึงการที่ผู้สูงอายุ ขาดความมั่นคงในการทำงานและรายได้ที่ไม่แน่นอน รวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่น้อยกว่าแรงงานในระบบ

แรงงานสูงอายุนอกระบบ 62.7 % ยังคงต้องทำงานด้วยเหตุผลความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และ 88.5 %การไม่มีหลักประกันทางสังคมหรือความคุ้มครองในการทำงาน รวมถึงยังประสบปัญหาเรื่องค่าตอบแทน  ความต่อเนื่องของงาน จำนวนชั่วโมงทำงานมากเกินไ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย การคุ้มครองและสวัสดิการแรงงาน

สำหรับประเด็นทางด้านรายได้ของผู้สูงอายุ พบว่ารายได้ส่วนหนึ่งมาจากการทำงาน โดยเมื่อพิจารณาด้านรายได้ของผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุที่ทำงานอยู่จะมีรายได้เฉลี่ย 12,151 บาทต่อเดือน

กลุ่มที่ประกอบอาชีพในภาคการบริการและการค้าจะมีค่าจ้างเฉลี่ยต่อเดือนสูงสุดที่ 13,848 บาท รองลงมาคือภาคการผลิต 12,555 บาท และภาคเกษตรกรรม 5,796 บาท

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2567 พบว่า ผู้สูงอายุส่วนมากพึ่งพิงแหล่งรายได้ที่มาจากเงินสนับสนุนของบุตรหลานมากที่สุด คิดเป็น 35.7 % ขณะที่รายได้หลักจากการทำงานมีเพียง 33.9 % และเบี้ยยังชีพจากทางราชการ  13.3 % ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการกำหนดมาตรการรองรับ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางรายได้ของผู้สูงอายุในระยะยาว

การที่ผู้สูงอายุไทยต้องพึ่งพิงรายได้จากลูกหลาน เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยมีลักษณะของผู้สูงอายุที่ “แก่ก่อนรวย” สะท้อนให้เห็นว่า ผู้สูงอายุส่วนมากมีเงินเก็บออมไม่เพียงพอ และต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้นในระยะยาว

เงินออมและหนี้สินของผู้สูงอายุ

ในปี 2567 มีผู้สูงอายุเกือบครึ่งไม่มีเงินออม 6.2 ล้านคน หรือ  44.3 % ของผู้สูงอายุทั้งหมดขณะที่ผู้ที่มีเงินออมส่วนมากก็มีเงินออมต่ำกว่า 7 หมื่นบาท  จำนวน 4.2 ล้านคน หรือ 54.2 %ของประชากรสูงอายุที่มีเงินออม

ขณะที่สถานการณ์หนี้สินของผู้สูงอายุและ ครัวเรือน พบว่า ผู้สูงอายุระบุว่าไม่มีหนี้ 8.2 ล้านคน  หรือ 58.4 %  ขณะที่เหลือเกือบครึ่งระบุว่าตนเองหรือ สมาชิกครอบครัวมีหนี้

ความต้องการบริโภคสินค้าและบริการในผู้สูงอายุ

จากการวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้ม ด้านการบริโภคของผู้สูงอายุของ TDRI พบว่า ในปี 2566 การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของผู้สูงอายุมีมูลค่ารวม ประมาณ 2.18 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.50 ล้านล้านบาทในปี 2576 โดยพบค่าใช้จ่าย สูงสุดคือค่าใช้จ่ายภายในบ้าน/ที่อยู่อาศัย รองลงมาคืออาหาร ยานพาหนะ และการเดินทางท่องเที่ยว ตามลำดับ

ทั้งนี้ การเติบโตของประชากรสูงวัย ทำให้เกิดโอกาสในทางธุรกิจหลายด้าน โดยเฉพาะสินค้าและบริการที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ

สินค้าและบริการที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ ใน  5 ด้าน

  • ด้านที่อยู่อาศัย ทั้งการพัฒนาที่อยู่อาศัยและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เช่น การบริการเรียกซ่อมบ้านตามหลัก Universal Design และการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน (community-based development
  • ด้านอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารเคี้ยวง่ายและอาหาร  กลุ่มเฉพาะโรค
  • ด้านสุขภาพ อาทิ การบริการผู้ดูแล (caregiver) ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ นวัตกรรม ทางสุขภาพ และการบริการดูแลและวางแผนในช่วงสุดท้ายของชีวิต (end of life)
  • ด้านนันทนาการ อาทิ  platform entertainment ในการรวมกลุ่มทำกิจกรรมและแบ่งปันความรู้ การบริการรถรับ-ส่งในการเดินทาง การบริการทัวร์ท่องเที่ยว
  • ด้านการเงิน อาทิ ธุรกิจให้คeปรึกษาด้านการบริหารจัดการการเงิน ธุรกิจ ประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย

นอกจากนี้ จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย (2567) ระบุว่าสินค้าและบริการ 2 กลุ่มที่น่าจะมีความสำคัญเป็นอย่างมากในเศรษฐกิจสูงวัย ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ อาทิ อาหารฟังก์ชัน ,อาหารทางการแพทย์ Health Tech ยา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ศูนย์โรคเฉพาะทาง บริการดูแลผู้สูงอายุ และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกลุ่มไลฟ์สไตล์ อาทิ อุปกรณ์ช่วยเหลือในชีวิตประจ าวัน อาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ที่อยู่อาศัย  สำหรับผู้สูงอายุ บริการดูแลสัตว์เลี้ยง บริการทางการเงิน และ Entertainment

เศรษฐกิจผู้สูงวัย

ข้อเสนอสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

จากการวิเคราะห์สถานการณ์ผู้สูงอายุ พบว่าการสร้างศักยภาพของผู้สูงอายุให้คงอยู่ในตลาดแรงงานและมีรายได้เพียงพอจะช่วยทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตที่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์และมีคุณภาพชีวิตมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช) จึงได้เสนอเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้สูงวัย ดังนี้

ปรับปรุงกฎหมาย ข้อบังคับ การทำงานของผู้สูงอายุ

เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติ ประกันสังคม พ.ศ.2533 เช่น

  • สนับสนุนให้เกิดการขยายอายุเกษียณและการคงอยู่ในตลาดงานของผู้สูงอายุ
  • ปรับเงื่อนไขและสร้างแรงจูงใจที่ช่วยส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และ ภาคเอกชน มีการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
  • กำหนดมาตรฐานการจ้างหลังเกษียณ (Re-employment) ที่เหมาะสมและเป็นธรรมสำหรับผู้สูงอายุ

 การสนับสนุนแนวคิดอาชีพที่สอง (second job)

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถ ประกอบอาชีพหลังเกษียณ

  • ส่งเสริมการฝึกอบรม reskill/upskill ในทักษะที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น การฝึกอบรมการผลิตสินค้าและการให้บริการด้านสุขภาพ การฝึกอาชีพบาริสตา
  • สร้างอาชีพจากความเชี่ยวชาญและภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ เช่น การเป็นที่ปรึกษา ปราชญ์ชาวบ้าน มัคคุเทศก์ท้องถิ่น การสอนศิลปหัตถกรรมไทยเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาให้คนรุ่นใหม่

การพัฒนาระบบสนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าถึงตลาดงานและช่องทางการสร้างรายได้

  • พัฒนาแพลตฟอร์มกลางในการจับคู่งานสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านการสร้างระบบนิเวศการทำงานครบวงจร ตั้งแต่การประเมินศักยภาพ การพัฒนาและเพิ่มพูนทักษะ (reskill/upskill) การจัดหางานที่ เหมาะสมกับศักยภาพและความต้องการของผู้สูงอายุ ตลอดจนการสร้างกลไกสนับสนุนการทำงานเพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงตลาดงาน และสามารถพัฒนาเป็นกำลังแรงงานได้ตลอดช่วงชีวิต
  • สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและระบบสนับสนุนที่จำเป็นหรับการเริ่มต้นธุรกิจ
  • ส่งเสริมการรวมกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน 29
  • จัดหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ เช่น ตลาดนัดผู้สูงอายุ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือ เชื่อมโยงกับธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น การท่องเที่ยว หัตถกรรมพื้นบ้าน และอาหารพื้นเมือง

 การผลิตสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ

การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าและบริการที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ

  • พัฒนากลไกที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs/SE/Startups เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างคล่องตัว
  • ส่งเสริมให้สถาบันทางการเงินและหน่วยบ่มเพาะธุรกิจมีการสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ช่วงเริ่มต้นธุรกิจจนถึงระยะขยายตัว
  • ขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและ  บริการสำหรับผู้สูงอายุ ตลอดจน
  • สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสามารถสร้างนวัตกรรมในราคาที่เข้าถึงได้

การลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงสินค้าและบริการของผู้สูงอายุ

  • ควบคุมราคา สินค้าและบริการที่จำเป็น อาทิ ยา เวชภัณฑ์ บริการดูแลผู้สูงอายุ
  • พัฒนานวัตกรรมทางสังคมที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่จ าเป็นได้ อาทิ ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของ กลไกธนาคารเวลาให้ผู้สูงอายุสามารถนำเวลาจากกิจกรรมจิตอาสาที่สะสมไว้มาใช้แลกเป็นสินค้าและบริการได้

การสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ

การสนับสนุนให้หน่วยงานท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาระบบนิเวศที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ

  • ปรับแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานท้องถิ่นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการงบประมาณ การจ้างบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่
  • เปิดโอกาสให้ อปท. สนับสนุนงบประมาณโดยตรงแก่ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจที่ด าเนินโครงการเพื่อผู้สูงอายุ

การยกระดับคุณภาพมาตรฐานและศักยภาพของทีมบริการ/ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน

  • สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจเพื่อสังคมและภาคเอกชนให้มีเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทีมบริการและดูแลผู้สูงอายุในชุมชน
  • ส่งเสริมให้อาสาสมัครในพื้นที่ หรือผู้ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว มีความรู้และสามารถนำมาพัฒนาเป็นอาชีพได้ (healthcare in family)
  • ยกระดับมาตรฐานการฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบโดยอาจพัฒนาเป็นระบบการสะสมเครดิตชั่วโมงการฝึกอบรมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่มีหลักสูตรอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ และการปรับปรุงมาตรการในการก าหนดค่าตอบแทนผู้ดูแลผู้สูงอายุให้เหมาะสม

การสื่อสารเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนในเศรษฐกิจสูงวัย

การยกระดับการสื่อสารจากการ “สร้างความตระหนัก” ไปสู่การ “สร้างการขับเคลื่อน” ทางเศรษฐกิจ สร้างการรับรู้ให้ผู้สูงอายุตระหนักว่าตนเป็น “วัยที่มีพลังและศักยภาพ” สามารถเป็นกําลังสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยมุ่งไปที่

  • จัดทำฐานข้อมูลที่ครอบคลุมสินค้าและบริการ สำหรับผู้สูงอายุ และพัฒนาเป็น แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงระหว่าง ผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยตรง
  • พัฒนามาตรฐานและควบคุมสื่อโฆษณา เพื่อป้องกันการให้เข้าข้อมูลที่บิดเบือนหรือไม่เป็นจริง พร้อมทั้งพัฒนากลไกป้องกันมิจฉาชีพที่หลอกลวงผู้สูงอายุ

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช) จัดรับฟังความคิดเห็นเวทีรับฟังความเห็นระดับชาติ ประเด็นการสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย (Creating opportunity for Silver Economy) เมื่อ 25 ก.ย. 68 เพื่อเสนอวาระในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ที่จะจัดในเดือน พ.ย. 68 ภายใต้ธีมหลัก “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน”

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

สังคมสูงวัย

ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ผู้สูงอายุกลายเป็นนโยบายระดับรัฐบาลครั้งแรกที่มีบทบัญญัติไว้ว่าเป็นหน้าที่ของรัฐ จากนั้นมาทุกรัฐบาลก็มีนโยบายต่อประชากรผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และยิ่งสังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุขั้นสุดยอด ทำให้รัฐบาลต้องมาดูแลมากยิ่งขึ้น

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: