ThaiPBS Logo

“ลานีญา”กลับมา จับตาซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 54?

6 ก.ย. 256815:06 น.
“ลานีญา”กลับมา จับตาซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 54?
  • ความเป็นไปได้ 55% ที่จะมีการเปลี่ยนผันเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ระหว่าง ก.ย.-พ.ย. และความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเป็น 60% ในช่วง ต.ค.-ธ.ค. 68
  • ปรากฏการณ์สภาพเป็นกลาง หรือ El Niño Southern Oscillation (ENSO) ยังคงอยู่ในบริเวณแปซิฟิกเขตร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2025 และความเป็นไปได้ของสภาวะเป็นกลางของ ENSO ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 45% – 40% ในสี่เดือนข้างหน้า
อุตุนิยมวิทยาโลก เตือนลานีญา กำลังกลับมาในช่วงปลายปี ส่งผลให้หลายพื้นที่ในเอเชียแปซิฟิกเกิดฝนตกหนัก ขณะที่ในไทย ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์คล้ายมหาอุทกภัยปี 54 จากพายุและฝนตกหนัก ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนภาคเหนือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 80% ความจุอ่าง

การกลับมาของปรากฏการณ์ “ลานีญา” ในช่วงปลายปี กำลังเพิ่มความเสี่ยงอุทกภัยในประเทศไทย เนื่องจากปริมาณฝนในพื้นที่ประเทศไทยอาจจะเพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้พื้นที่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ “อุ้มน้ำ” จากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา

การกลับมาของ “ลานีญา” ทำให้เกิดความเสี่ยงจาก “อุทกภัย” มากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมา พื้นที่ตอนเหนือและภาคตะวันออกเฉัยงเหนือมีฝนตกต่อเนื่องและเขื่อนขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มมีปริมาณน้ำกักเก็บเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปริมาณน้ำในเขื่อน

สำหรับสถานการณ์ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อ 6 ก.ย . 68 ปริมาณน้ำในอ่าง 4 อ่างรวม 19,289 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 78% ของความจุอ่าง มากกว่าปีก่อน 4 ,511 ล้าน ลบ.ม. ซึ่ง ปี 2567 มีปริมาณน้ำ 14,778 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับปริมาณน้ำใช้การ คิดเป็น 12 ,593 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 69% เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 38 ล้าน ลบ.ม และมากกว่าปีก่อน 4,511 ล้านลบ.ม. โดยในปี 2567 มีปริมาณน้ำใช้การได้ 8,082 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งยังรับน้ำได้อีก 5,582 ล้าน ลบ.ม.

อ่านเพิ่มเติม: เทียบเคียงสภาพอากาศปี 68 กับมหาอุทกภัยปี 54 โอกาสท่วมแค่ไหน?

เมื่อเทียบกับมหาอุทกภัยปี 54  จะพบว่ามีลักษณะคล้ายกัน กล่าวคือ ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น จนใกล้ความจุอ่าง และเมื่อมีพายุฝนเข้ามา ทำให้เขื่อนขนาดใหญ่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่สามารถรับน้ำได้ จนต้องเร่งระบายและส่งผลระทบน้ำท่วมในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะเกิด “มหาอุทกภัย” เหมือนในอดีต เพราะตั้งแต่ปี 2554 รัฐบาลมีโครงการป้องกันน้ำท่วมมากมายทั่วประเทศ และภาครัฐมีการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่างจากอดีตที่ขาดการประสานด้านการบริหารน้ำ ทำให้ผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรง

“ลานีญา”กลับมาแล้ว 

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meterological Organization) คาดว่าปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) กำลังมาและจะเริ่มต้นในเดือนกันยายนนี้ กรมอุตุโลกฯ ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ 55% ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเย็นล็ตามงจนไปถึงระดับของปรากฏการณ์ลานีญา และมีความเป็นไปได้ 45% ที่ปรากฏการณ์ ENSO ที่จะคงที่ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน

ในขณะที่การคาดการณ์มีความเปลี่ยนแปลงในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2025 ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์ลานีญา เพิ่มขึ้นเป็น 60% และโอกาสที่ปรากฏการณ์ ENSO จะคงที่อยู่ที่ 40% ฉะนั้นแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะการมีพัฒนาของ El Niño ใน 4 เดือนข้างหน้านี้

ปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเล บริเวณภาคกลางและตะวันออกของเขตแปซิฟิกที่อยู่แนวเส้นศูนย์สูตรโลก เย็นลงเป็นบริเวณกว้างและระยะเวลานาน จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและปัจจัย เช่น ลม ความกดในอากาศ และพฤติกรรมของฝน ผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญา จะตรงข้ามกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในพื้นที่เขตร้อน

ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา มีการพบว่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เย็นลง และได้ขยายพื้นที่ไปยังบริเวณของแปซิฟิกเขตแนวเส้นศูนย์สูตร แต่ยังคงมีอุณหภูมิอุ่นที่ผิดปกติในระดับน้ำทะเลที่ลึกลงไป

นอกจากนี้ มีการพบการแพร่รังสีความร้อนออกไปนอกโลก (Outgoing longwave radiation) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีการลดระดับของมวลเมฆทั่วโลก

“ลานีญา-เอลนิโญ”กระทบวงกว้าง แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียว

ปรากฏการณ์ทั้งสอง El Niño และ La Niña สามารถเปลี่ยนความเป็นไปได้ของพฤติกรรมสภาพภูมิอากาศทั่วโลกแต่ผลลัพธ์อาจจะต่างกัน และกรมอุตุโลกฯ ย้ำว่า แต่ละพื้นที่ควรนำปัจจัยในพื้นที่เข้ามาคำนึงถึงด้วยเมื่อมีการวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศ

งานวิจัยที่ทำมามากกว่าทศวรรษสะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาระหว่างสภาพอากาศและมหาสมุทรในเขตร้อนของเขตแปซิฟิกว่า ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก เมื่อมีปรากฏการณ์ El Niño อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในจะอุ่นขึ้นกว่าปกติ ในทางตรงข้ามกันประกฏการณ์ La Niña ทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเย็นลง

การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเหล่านี้มีความเชื่อมโยงต่อการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก และปรากฏการณ์เหล่านี้มักจะยืนระยะยาวและมีผลกระทบต่อเนื่องไป 12 เดือนหรือมากกว่านั้น ตัวอย่างเช่น ปรากฏการณ์ El Niño รุนแรงในช่วงปี ค.ศ. 1997 – 1998 ตามมาด้วยปรากฏการณ์ La Niña ที่ยืดยาวตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1998 จนถึงต้นปี ค.ศ. 2001

ถึงแม้ ENSO จะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของสภาพภูมิอากาศของโลก แต่ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียว ปรากฏการณ์ La Niña และ El Niño เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่พฤติกรรมมนุษย์เป็นปัจจัยหลักที่เข้าไปกระตุ้น ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เพิ่มความรุนแรงของสภาพอากาศต่างๆ กระทบต่อฝนตามฤดู และอุณหภูมิ

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อุณหภูมิจะร้อนกว่าปกติตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงพฤศจิกายนในบริเวณซีกโลกเหนือและหลายพื้นที่ในเขตซีกโลกใต้ ปริมาณน้ำฝนจะมีความเป็นปกติเหมือนปริมาณน้ำฝนทั่วไปเมื่อมีปรากฏการณ์ La Niña เกิดขึ้น

ที่มา: https://wmo.int/news/media-centre/la-nina-may-return-temperatures-are-likely-be-above-average

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ คือ ปัญหาที่ไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญและพยายามหาทางรับมือแก้ไข โดยรัฐบาลประกาศสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยในปี 2567 ได้เข้าร่วมประชุม COP29 เพื่อแสดงบทบาทความร่วมมือกับประชาคมโลก

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: