สุขภาพกาย และสุขภาพใจ กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในโรงเรียนโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต จากข้อมูลจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวชที่ประเมินว่า มีเยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 คนต่อประชากรแสนคน
ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายก็เพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจากชุดนโยบายสุขภาพจิตของประชากรชาวไทยภายใต้บริบทหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2567 ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส ) พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ มีการเพิ่มขึ้นจาก 6.11 คนต่อประชากรแสนคนในปี 2560 เป็น 7.94 ในปี 2566 โดยกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี พยายามฆ่าตัวตายมากที่สุด คิดเป็นอัตรา 116.8 คนต่อประชากรแสนคน
“ปัญหาที่รุนแรงสุด นอกจากเรื่องคุณภาพการศึกษาแล้ว คือสุขภาพ เด็กไทยติดจอ วันหนึ่งจ้องจออย่างน้อย 4 ชั่วโมง ทำให้มีปัญหาเกี่ยวสุขภาพตา ขณะที่ปัญหาสุขภาพจิตก็สูง เด็กถูกบลูลี่ มีปัญหาซึมเศร้าเสี่ยงฆ่าตัวตาย เพิ่มขึ้น ”
สมพงษ์ จิตระดับ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ปัญหาในโรงเรียนที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาล่าช้า จนไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก จำเป็นต้องเร่งด่วนปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะ การผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษา2542 ซึ่งเป็นแม่บทของการศึกษาไทย ที่ใช้มานานมากกว่า 26 ปี แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขเลยผ่านมาหลายรัฐบาลแต่ ไม่เคยแก้ไขกฎหมายแม่บทด้านการศึกษาเลย
“พรบ การศึกษา ของเรามันล้าหลังใช้มา 26 ปี แต่พรรคการเมืองเวลาหาเสียงทุกพรรคบอกจะแก้ไขปัญหาการศึกษาจะผลักดันกฎหมาย แต่พอเป็นรัฐบาลการแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาอยู่ท้ายๆ แต่ที่ผลักดันเร่งด่วนเป็นเรื่องกฎหมายกาสิโน ผมคิดว่าเรากำลังคว่ำประเทศ ทำให้ประเทศตกต่ำ”
การปฏิรูปการศึกษาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี เราจำเป็นต้องแก้ พ.ร.บ การศึกษาแห่งชาติ ที่เป็นเป็นแม่บทของประเทศก่อน แต่ตอนนี้เวลารัฐบาลเหลือไม่ถึง 2 ปีก็จะครบวาระ จึงไม่แน่ใจว่าจะผลักดันกฎหมายทันหรือไม่
“ พ.ร.บ.การศึกษา มันค้างแล้ว ค้างอีก ไม่ได้รับการแก้ไขสักที ผมต้องกล่าวโทษนักการเมืองเลยนะ ผมว่าที่พ.ร.บ.การศึกษาตกแล้ว ตกอีกเพราะคุณไม่ตระหนักและคุณไม่เห็นความสําคัญของเรื่องการศึกษาแล้วคุณไม่ตระหนักเลยนะครับว่าอนาคตบุตรหลานของคุณเนี่ยจะเป็นอย่างไร ถ้าเรายังเป็นแบบอยู่แบบนี้ การศึกษาก็ตกต่ำลงไปเรื่อยๆนะครับ”
“สุขภาพจิต” ระเบิดเวลาลูกใหม่
ปัญหาคุณภาพชีวิตเด็กนักเรียน กำลังเป็นปัญหาใหญ่เท่าๆกับ คุณภาพการศึกษาตกต่ำโดย สมพงษ์ ระบุว่า นักเรียนไทยกำลังมีปัญหาสุขภาพกาย และสุขภาพใจเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ ปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ถูกบูลลี่ในโรงเรียน ยาเสพติด ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ใช้กัญชา และโรคซึมเศร้า
“ปัญหาสุขภาพจิตเป็นระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด เพราะเด็กจำนวนมากมีปัญหาโรคซึมเศร้า และเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น ผมเห็นข้อมูลจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีเด็กที่ต้องคุยกับหมอสุขภาพจิตสูงประมาณเดือนละ 30 ถึง 40คน ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการเรียน อกหัก และ ปัญหาความสัมพันธ์กับพ่อแม่ ทำให้ในแต่ละมีอัตราการฆ่าตัวตายสูง”
ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ถูกกดดันจากครอบครัว คนรอบข้าง ให้ต้องเรียนเก่ง เรียนดี ทำให้พื้นที่ความสุขหายไปประมาณ 3 ถึง 5% เพราะมันสามารถแสดงออกตามธรรมชาติได้ โดยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับ แท็บเล็ต , มือถือ และการเรียนกวดวิชา เนื่องจากแบกความความคาดหวังของคนในสังคม จนทำให้มีปัญหาสุขภาพจิต
ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมกันแก้ปัญหาโดยผลักดันระบบสุขภาพจิตโรงเรียนวิถีใหม่ ‘School Health HERO’ เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินความเสี่ยงของนักเรียนที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต เพื่อสนับสนุนให้เกิดกลไกการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการเป็นรายบุคคล
ในประเด็นดังกล่าว สมพงษ์ บอกว่า การพัฒนาระบบ School Health HERO’ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาสำคัญคือ การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ในโรงเรียนทีไม่ต้องกดดันเด็ก ขณะเดียวกัน ครูต้องลงไปเยี่ยมบ้านนักเรียนมากขึ้น และสร้างเครือข่ายในการเข้าไปช่วยดูแลสุขภาพจิต
“เลิกกดดันเด็ก และต้องคอยระมัดระวังเรื่องการบูลลี่ ในโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมามีกลไกใช้ครูแนะแนวในโรงเรียนร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต เพื่อช่วยดูแลเด็กในเรื่องนี้ และสร้างเครือข่ายร่วมกับผู้ปกครองในการดูแลเด็ก เพราะเด็กถ้าเราทำให้เด็กเป็นดอกไม้ เขาจะเป็นดอกไม้ ดังนั้นการเรียนรู้ ต้องให้เด็กเป็นศูนย์กลาง การศึกษาต้องยืดหยุ่นเหมาะสมกับเด็กทุกคนตามศักยภาพตามความสนใจของพวกเขา”
เด็กไทยไม่กินข้าวเช้าไปโรงเรียน
ปัญหาสุขภาพกาย ถือเป็นอีกปัญหาที่ทำให้เด็กไทยขาดความพร้อมในการเรียนรู้ โดยศ.ดร.สมพงษ์ พบว่า เด็กไทยประมาณ 30% ไม่ได้กินข้าวเช้าไปโรงเรียน เนื่องจากครอบครัวยากจน ผู้ปกครองเร่งรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาในการเตรียมอาหารเช้า ทำให้การเรียนรู้ของนักเรียนทำได้ไม่เต็มที่
“ลองคิดดูด้วยครับว่าเด็กที่ไม่ได้กินข้าวเช้า จะมีสมาธิในการเรียนแค่ไหน เรียนไปแค่ 10 โมงเช้าต้องเดินไปกินน้ำรองท้อง ไม่ได้กินเพราะว่าเร่งรีบพ่อแม่เร่งรีบไปทํางาน ทำให้เด็ก ผอมไอคิวต่ำ”
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาว่าจะมีการสนับสนุนอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) แก่นักเรียนทุกคนในระดับอนุบาล – ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 200 วันต่อปี แต่อาจจะไม่เพียงพอ โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สำรวจพบว่า ยังมีเด็กที่ยากจนและด้อยโอกาส ยังพบปัญหาขาดการได้รับอาหารคุณภาพอีก 165 วัน โดยเฉพาะอาหารเช้าที่ผู้ปกครองยังขาดความรู้ความเข้าใจว่า การรับประทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นมื้อที่สำคัญต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก
บุหรี่ไฟฟ้า ปัญหาใหญ่ในโรงเรียน
ไม่เพียงปัญหาสุขภาพจิตที่ถือเป็นระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดในโรงเรียน แต่ปัญหายาเสพติด ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน โดยจากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย ปี 2566 กับเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี จำนวน 61,688 คนจากทั่วประเทศ พบว่าเยาวชนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 25% คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด
ขณะที่ข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 6 (ปี 2562-2563) ในกลุ่มอายุ 10-19 ปี จำนวน 4,237 คน พบวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ากว่าครึ่งหรือ 53% มีภาวะเสี่ยงโรคซึมเศร้า ซึ่งวัยรุ่นที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงเกิดโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 1.66 เท่า
“เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ยาบ้า หาง่ายมากในโรงเรียน มีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณใกล้ๆโรงเรียน เดินไปไม่เกิน 500 เมตร เป็นเรื่องที่เราต้องเร่งจัดการแก้ปัญหา”
สารพัดปัญหาที่กำลังรุมเร้าโรงเรียนไทย จึงถือเป็นโจทย์ท้าทาย ที่ ศ.ดร.สมพงษ์ บอกว่า ต้องเร่งปฏิรูปแบบ ด่วน ด่วน ที่สุด โดยต้องลงมือผ่าตัดใหญ่การศึกษาไทยดึงการศึกษาไทยให้พ้นหลุมดำ เพื่ออนาคตของลูกหลายไทย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
- ชำแหละการศึกษาไทย: “การเมือง”ฉุดปฏิรูป ทำอันดับรั้งท้ายโลก
- เกณฑ์ประเมินไม่ได้มาตรฐาน เหตุ “คุณภาพโรงเรียนเยี่ยม สวนทางคุณภาพเด็กแย่
- พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ รอมานาน 26 ปี..ยังต้องรอต่อไป