พัฒนาตลาดทุน
ตลาดทุนนับว่ามีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นฉบับที่ 4 จากปี 2565–2570 ซึ่งเป็นช่วงที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่สาคัญ คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สังคมสูงวัยและภูมิรัฐศาสตร์การเมือง ล้วนแต่กระทบต่อตลาดทุน
การคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์
ร่าง พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ฯ มีเจตนารมณ์ให้เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญ 2560 มุ่งให้ความคุ้มครองสิทธิของชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งมีอยู่กว่า 60 กลุ่ม ประมาณ 6.1 ล้านคน ทั่วประเทศ
ค่าแรงขั้นต่ำ
รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมต่อการใช้จ่าย โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันให้เร็วที่สุด (จากการเจรจาระหว่าง 3 ฝ่าย ได้แก่ แรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน) และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเป็น 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570
กระตุ้นการใช้จ่าย
การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายเป็นนโยบายที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่ 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องความสมเหตุสมผล ที่ผ่านมา รัฐบาลอาจกระตุ้นด้วยมาตรการ "ลดหย่อนภาษี" "แจกเงินเข้าบัญโดยตรง" หรือ ออกเงินให้บางส่วน เช่น "คนละครึ่ง"
การจัดการที่ดิน
นโยบายแก้ปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นนโยบายด้านเกษตรที่สำคัญของรัฐบาล ควบคู่กับนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยตั้งเป้าหมายให้เกษตรกรทุกครัวเรือนมีที่ดินทำกินอย่างเพียงพอ ด้วยการออกโฉนดที่ดิน 50 ล้านไร่ทั่วประเทศ โดยที่ดินในเขตสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นับเป็นเป้าหมายในนโยบายของรัฐบาล
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
นโยบายพักหนี้เกษตรกร เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระที่มี ต้นเงินคงเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 ก.ย. 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมีเกษตรกรที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว จำนวนกว่า 2.69 ล้านราย