ความเคลื่อนไหวล่าสุด
6 ก.พ. 68 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน รวม 14 ฉบับ
- แถลงการณ์ร่วม ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการพัฒนาสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระดับสูงผ่านวิสัยทัศน์การมองไปข้างหน้าและประชาชนเป็นศูนย์กลาง (ไม่มีการลงนาม)
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ระหว่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียว ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ กักกันโรค และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ของผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว สำหรับการค้าข้ามแดนระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างความตกลงระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย กับศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความตกลงยอมรับร่วมกันสำหรับโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอของกรมศุลกากร และโครงการ Enterprise Credit Management ของศุลกากรจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีนเกี่ยวกับอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย – จีน ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข 7
- ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับองค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริการไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกับการไปรษณีย์สาธารณรัฐประชาชนจีน
- ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับสำนักข่าวซินหัว
- ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยกับ China Media Group
23 ม.ค. 68 สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมาย Restoring Trade Fairness Act เพื่อยกเลิกสถานะ Permanent Normal Trade Relations (PNTR) ของจีน ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดภาษีนำเข้าขั้นต่ำจากจีน 35% สำหรับสินค้าทั่วไป และ 100% สำหรับสินค้ายุทธศาสตร์ โดยจะปรับเพิ่มเป็นขั้นบันไดตลอด 5 ปีข้างหน้า
20-21 ม.ค. 68 โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศพิจารณาแผนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมกับจีน 10% และเม็กซิโก-แคนาดา 25% โดยอาจเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.พ. 68
คำแถลงนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา เมื่อ 12 ก.ย. 67 ระบุว่า “รัฐบาลของดิฉันจะแปลงความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจไปสู่ยุทธศาสตร์ที่จะเสริมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยและเกื้อกูลผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมากที่สุด ดังนี้
1. รัฐบาลจะรักษาจุดยืนของการไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ(Non-Conflict) และจะดำเนินความสัมพันธ์กับนานาประเทศอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานสากล โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นแกนกลางสำคัญ และมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับนานาประเทศเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน (Active Promoter of Peace and Common Prosperity) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ เพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูง ผู้ประกอบการและนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย
2. รัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุก และการสร้าง Soft Power เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยเฉพาะตลาดใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างโอกาสความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งระบบทวิภาคี (Bilateral) และพหุภาคี (Multilateral)และเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าสำคัญยกระดับมาตรฐานของประเทศ เพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีโลกและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่รัฐบาลของดิฉันจะสานต่อจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลจะสร้างบทบาทในเวทีโลก ให้ความสำคัญกับการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ อย่างสมดุล ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และรักษาบทบาทนำของประเทศไทยในภูมิภาคและอนุภูมิภาค รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ องค์กรทางเศรษฐกิจและการพัฒนาระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงของประเทศไทย รัฐบาลจะไม่ละเลยเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ