ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ส่งเสริมการออมให้กับประชาชน เพื่อมีรายได้หลังวัยทำงาน หรือเกษียณจากการทำงาน
มาตรา 74 รัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถในการทํางานอย่างเหมาะสมกับศักยภาพ และวัยและให้มีงานทํา และพึงคุ้มครองผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีในการทํางาน ได้รับรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคม และสิทธิประโยชน์อื่นที่เหมาะสมแก่การดํารงชีพ และพึงจัดให้มี หรือส่งเสริมการออมเพื่อการดํารงชีพเมื่อพ้นวัยทํางาน
รัฐพึงจัดให้มีระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการดําเนินการ
ตามมาตรา 74 จะเห็นว่าการออม (Saving) ยังเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล จากเดิมมีเป้าหมายเพื่อการระดมเงินเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ มาเน้น การสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้่ที่เหมาะสมหหลังเกษียณจากวัยทำงาน
การออม มีบทบาทสำคัญมากขึ้น และเป็นที่กล่าวถึงกันบ่อยครั้งตั้งแต่ระดับปัจเจกชน ไปจนถึงระดับประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจะมีมาตรการส่งเสริมการออมเงินของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ กัน
การออมในระดับบุคลล มีหลากหลายวัตถุประสงค์ ขึ้นกับช่องทางการออมและเป้าหมายการออมเงิน โดยแหล่งเงินออมมาจากการการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงินฝากเพื่อไว้ใช้ในอนาคต หรือ เผื่อเวลาฉุกเฉิน หรือ การลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น
แต่การออมขึ้นกับวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล อาจจะจัดสรรวัตถุประสงค์หลักได้เป็น 4 ส่วน ดังนี้
ออมเผื่อกรณีฉุกเฉิน เพื่อเก็บไว้ใช้ในกรณีเจ็บป่วย หรือเหตุให้ต้องใช้เงินก้อนอย่างเร่งด่วน โดยควรแยกเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
ออมเพื่อวัยเกษียณ เป็นการออมระยะยาว เพื่อใช้จ่ายเมื่อพ้นวัยทำงาน และมีเพียงพอสำหรับการดูแลสุขภาพ ทำกิจกรรมเพื่อความสุข และลดภาระของลูกหลาน
ออมเพื่อเติมฝัน เป็นการออมระยะสั้นถึงปานกลาง 1-5 ปี เพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ เช่น ท่องเที่ยว ซื้อของที่อยากได้ หรือบริจาคเพื่อสังคม
ออมเพื่อการลงทุน เป็นการออมเพื่อนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยมากขึ้น เช่น เปิดร้าน ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ควรเก็บแยกจากบัญชีเงินเดือน สามารถถอนได้สะดวกเมื่อถึงจังหวะลงทุนและเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้
รัฐบาลแทบทุกประเทศมักจะมีนโยบายส่งเสริมการออมของประชาชน มีทั้งมาตรการทางการคลัง ผ่านมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้คนออมเงิน หรือ มาตรการสนับสนุนการลงทุนระยะยาว
ในช่วงหลังเมื่อสังคมก้าวสู่สังคมสูงวัยสุดขั้ว ได้มีการพูดถึงการออมเพื่อเกษียณอายุมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินไว้ในยามเกษียณ ซึ่งนอกจากจะเป็นมาตรการจูงใจให้คนในประเทศตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในยามเกษียณแล้ว หากประชาชนมีความมั่งคั่ง ภาระของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงวัยก็จะลดลงด้วย
อ้างอิง:
การออม ธนาคารแห่งประเทสไทย (ธปท.)
การออมเพื่อการเกษียณอายุ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)