แม้ผลการรับฟังความคิดเห็น “การปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ตามสูตรบำนาญใหม่ CARE (Career Average Revalued Earning) จะมีผู้เห็นด้วย 79,498 ราย หรือกว่า 77% และผู้ไม่เห็นด้วย 22,512 ราย คิดเป็น 22% จากจำนวนผู้แสดงความคิดเห็นทั้งสิ้น 102,010 ราย
แต่ยังมีคำถามผู้ประกันตนโดยเฉพาะมาตรา 33 ซึ่งยังข้องใจว่า การคิดบำนาญสูตร CARE ทำให้เสียประโยชน์หรือไม่ โดย”พนัส ไทยล้วน” ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ออกมาระบุว่า ผลการประชาพิจารณ์ดังกล่าวอาจจะไม่สะท้อนเสียงของผู้ประกันตนได้อย่างแท้จริง ระหว่างมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ประกันตน
ขณะที่ผู้ที่ได้ประโยชน์ จากการใช้สูตรคำนวณบำนาญ CARE คือ ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 มีจำนวนกว่า 1.6 ล้านราย แต่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งเป็นลูกจ้างในระบบ อาจจะสูญเสียสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะในเรื่องจำนวนเงินบำนาญที่ลดลงนั้น
“Policy Watch” ได้สำรวจความคิดเห็นต่อการปรับสูตรบำนาญใหม่ CARE โดยพบว่า ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 บางส่วนยังคงกังวลว่า การคำนวณสูตรบำนาญใหม่ จะทำให้เสียสิทธิประโยชน์ ได้เงินบำนาญลดลง โดยเห็นว่าผู้ประกันตนมาตรา33 ควรใช้สูตรเดิม ส่วน มาตรา39 ควรใช้สูตร CARE หรือไม่?
ขณะที่ยังสงสัยว่า “สูตร Care” ไม่แฟร์ต่อคนทำงานต่อเนื่อง แต่เอื้อประโยชน์ให้คนที่เคยทำงานและออกจากระบบ จริงไหม ?
สูตรคำนวณบำนาญ CARE ทำให้บำนาญลดลง ?
สำนักงานประกันสังคม (สปส.)ลองตอบคำถาม โดย “สวมหมวกคนที่กลัว “ได้บำนาญลดลง” จากเพื่อนรุ่นเดียวกัน 3 คน—A, B, C—ทำงานบริษัทเดียวกัน คุยกันว่า สูตร CARE จะทำให้บำนาญลดลง หรือไม่ โดยแบ่งการจำลองเหตุการณ์ออกเป็น 2 ฉาก
ฉากที่ 1 : คิดจากโลกที่แน่นอน (Everything goes as planned) ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
- ทั้งสามคน คือ A-B – C เริ่มเงินเดือน 4,000 บาท ธ.ค. 2541 และบริษัทขึ้นเงินเดือน 6%/ปี ตามนโยบายพอปี 2564 รายได้เกิน 15,000 จึงส่งสมทบเต็มเพดาน (15,000) โดยปัจจุบันเงินเดือน 19,100 บาท
- ทั้ง 3 คนลองคำนวณบำนาญ โดยลอง “กรอกอนาคต” ต่อจนถึงเกษียณ ในโปรแกรมคำนวณบำนาญ—โดยสมมติขึ้น 6%ต่อปี ไปเรื่อย ๆ สิ้น ธ.ค. 2574 เงินเดือน 25,800 (ชนเพดานค่าจ้าง 20,000)
ผลคำนวณที่ได้ :
- สูตรเดิม = 8,148 บาท/เดือน
- สูตร CARE = 7,159 บาท/เดือน
แน่นอนว่า ถ้าโลกนิ่งทั้ง A -B-C เติบโตในที่ทำงานและเงินเดือนพุ่งช่วงท้าย สูตรเดิมดูสูงกว่า เพราะคำนวณเฉพาะ “5 ปีสุดท้าย”
ส่วน สูตรCARE เฉลี่ยตลอดอาชีพ แม้ปรับเป็นค่าเงินปัจจุบันก็ไม่ไล่ทัน +6% ทุกปี ที่ปลายอาชีพ
ทำให้กลุ่มเพื่อน A-B-C เลยคุยกันว่า อาจต้องคัดค้าน CARE และรณรงค์จน สูตรเดิมถูกคงไว้ ทุกคนดีใจที่ “ปกป้องสิทธิ” ของตนเองและเพื่อนพนักงานได้ แต่ความจริงของชีวิตคือ โลกไม่ได้หยุดนิ่ง จึงมีฉากที่ 2 ที่โลกความจริงไม่แน่นอน
ฉากที่ 2: โลกจริงที่ไม่แน่นอน (Then life happened)
กลุ่มเพื่อน A-B-C ได้รับมรสุมชีวิต ปี 2569 บริษัทประกาศปรับโครงสร้าง—AI และการแข่งขันทางเศรษฐกิจทำให้ต้องลดคน ส่งผลให้
- A ได้อยู่ต่อ และยังขึ้นเงินเดือน 6%/ปี จนเกษียณ (ธ.ค. 2574)
- B ถูกเลิกจ้าง โชคดีได้งานใหม่ แต่เงินเดือนลดลง 13,000 จนเกษียณ
- C ถูกเลิกจ้าง หางานใหม่ไม่ได้ กลายเป็น ฟรีแลนซ์ และ ไม่กล้าส่งต่อ ม.39 เพราะกลัว “ยิ่งส่งยิ่งได้น้อย” ตามสูตรบำนาญเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเกษียณ
- A: ได้บำนาญ 8,418 บาท (เฉลี่ย 5 ปี) — สูงกว่า CARE (7,159) เป็นไปตามที่คาดไว้
- B: ได้บำนาญ 5,919 บาท (เฉลี่ย 5 ปี) — ถ้าเป็น CARE จะ คุ้มครองช่วงเงินเดือนตกตอนท้าย ได้ราว 6,754 บาท… แต่เป็นได้แค่เลขเปรียบเทียบ
- C: ได้บำนาญ 5,686 บาท (เฉลี่ย 5 ปี) — ถ้าเป็น CARE ใกล้เคียง 5,724 บาท
แต่ที่สำคัญ…ภายใต้ CARE น่าจะตัดสินใจส่ง ม.39 ต่อ เพราะ “นำค่าจ้างเดิมมาเฉลี่ยด้วย” ผลคือบำนาญน่าจะอยู่แถว ๆ 6,000–7,000 บาท แทนที่จะหยุดส่งแล้วเสียโอกาส
ทั้งA-B-C มานั่งคุยกันตอนเกษียณ…แล้วเริ่มถามตัวเองว่า
“เราหยุด CARE ไว้ คือความสำเร็จจริงไหม?”
“เราเผื่อหัวใจให้ ‘B’ และ ‘C’—คนที่เจอชีวิตไม่เป็นเส้นตรง—พอหรือยัง?”
เพราะบำนาญสูตรเดิมที่นำเงินเดือนเฉลี่ย 5 ปีสุดท้ายให้รางวัล “คนที่พุ่งแรงในช่วงท้าย” (อย่าง A), แต่ทำให้ “คนที่สะดุดช่วงท้าย” (อย่าง B, C) เสียเปรียบมาก
ดังนั้น สูตรCARE ออกแบบมาเพื่อลด “ความเสี่ยงด้านเวลา”—ชีวิตทำงานจริง ๆ มัก เปลี่ยนงาน/หยุดเลี้ยงลูก/รายได้แกว่ง ไม่ใช่เส้นตรง ไม่ใช่ทุกคนจะได้เพิ่ม และ ไม่ใช่ทุกคนจะได้น้อยลง—มันขึ้นกับเส้นรายได้ของแต่ละคน และ สำนักงานประกันสังคมมีมาตรการชดเชยในช่วงรอยต่อถึงปี 2573 เพื่อคุ้มครองคนที่ใกล้เกษียณ ไม่ให้ได้บำนาญลดลง
สูตร CARE ไม่ทำให้บำนาญลดลง ?
แม้จากการคำนวณ เปรียบเทียบระหว่างการคำนวณบำนาญ สูตรเก่า และ สูตร CARE อาจจะกระทบกับผู้ประกันตนที่รับบำนาญ มาตรา 33 ที่เกษียณในช่วงเปลี่ยนผ่าน หรือ ช่วงรอยต่อ 5 ปี จะมีการชดเชย โดยไม่ให้ผู้ประกันตนได้บำนาญลดลง
ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้ได้รับบำนาญชราภาพรวมทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 850,000 คน ซึ่งการคำนวณบำนาญสูตรใหม่จะมีผู้ได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นประมาณ 570,000 คน และผู้ได้รับบำนาญเท่าเดิมประมาณ 280,000 คน ดังนั้น สูตรใหม่จะไม่ไปลดเงินบำนาญในปัจจุบันแม้แต่รายเดียว
ผู้รับบำนาญใหม่ช่วงรอยต่อการใช้สูตรใหม่ภายใน 5 ปีนี้ ซึ่ง สำนักงานประกันสังคมจะยังคำนวณเปรียบเทียบให้ทั้งสูตรใหม่และสูตรเก่า หากสูตรใหม่คำนวณได้น้อยกว่าสูตรเก่า จะมีการจ่ายชดเชยส่วนต่างให้ตลอดชีวิต
- ผู้ที่เกษียณปี 2569 ชดเชย 100%
- ผู้ที่เกษียณปี 2570 ชดเชย 80%
- ผู้ที่เกษียณปี 2571 ชดเชย 60%
- ผู้ที่เกษียณปี 2572 ชดเชย 40%
- ผู้ที่เกษียณปี 2573 ชดเชย 20%
สูตร Care ไม่แฟร์ต่อคนทำงานต่อเนื่อง เอื้อประโยชน์ให้คนที่เคยทำงานและออกจากระบบ จริงไหม ?
หลักการของสูตร CARE มีความเรียบง่ายและเป็นธรรม ปรับปรุงสูตรบำนาญให้มีความสมดุลกับค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบ โดยสะท้อนค่าจ้างเฉลี่ยตลอดช่วงเวลาการทำงาน ‘ส่งมากได้มาก ส่งน้อยได้น้อย’ ซึ่งเป็นการคำนวณตามมาตรฐานสากล”จึงไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนเคยทำงานต่อเนื่อง และออกนอกระบบ
ดังนั้น หลังจากการชดเชยในช่วงรอยต่อ 5 ปี ของผู้ที่เกษียณที่รับำนาญปี 2569 – 2573 ทำให้ตั้งแต่ปี 2574 ผู้รับนำญทั้งหมด ต้องใช้สูตรใหม่ CARE ซึ่งมีความสมดุลสอดคล้อง กับการส่งเงินสมทบ และเป็นธรรมกับผู้ประกันตนทั้งระบบในอนาคต
ผู้รับบำนาญในอนาคตตามสูตรใหม่ CARE จะได้รับบำนาญขึ้นอยู่กับการส่งเงินสมทบในอนาคตก่อนการขอรับบำนาญในภาพรวม โดยผู้ที่จะขอรับบำนาญภายใน 10 ปีข้างหน้าจะได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8%
ผู้รับบำนาญในอนาคตบางรายอาจได้รับบำนาญน้อยลงเมื่อเทียบกับสูตรเก่า โดยเฉพาะรายที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีสุดท้ายของการส่งเงินสมทบ แต่จะได้รับเงินบำนาญสอดคล้องกับการส่งเงินสมทบตลอดอายุการทำงาน
ข้อดีอีกประการของบำนาญสูตร CARE คือการนำระยะเวลาทุกงวดเดือนของการนำส่งเงินสมทบมาคำนวณบำนาญ โดยจะได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นในอัตราเดือนละ 0.125% เมื่อส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน ซึ่งสูตรเดิมหากผู้ประกันตนส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน จะได้รับบำนาญเพิ่ม 1.5% ต่อเมื่อส่งเงินสมทบครบ ทุกๆ 12 เดือนหรือ 1 ปี โดยใช้ฐานการคำนวณจากเงินเดือนในช่วง 5 ปีสุดท้ายของการทำงาน
สรุป การคิดบำนาญตามสูตรบำนาญ CARE จะสะท้อนการส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนทั้งหมด ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกันตนทั้งระบบ จะไม่มีผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมากแต่ได้เงินบำนาญน้อย และผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบน้อยแต่ได้บำนาญมาก
ส่วนการบังคับใช้คาดว่าภายในปี 2569 จะเริ่มใช้ สูตรบำนาญใหม่ CARE โดยจะนำผลประชาพิจารณ์ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนสูตรบำนาญใหม่ (CARE) นำเข้าบอร์ดประกันสังคมเคาะเสนอแก้กฎกระทรวง และนำไปสู่การกระบวนการแก้กฎกระทรวง และประกาศใช้กฎกระทรวง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:




