ความเคลื่อนไหวล่าสุด
30 มิ.ย. 68 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึง กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่ปรับเพิ่มให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วัน จากเดิมได้รับในอัตราร้อยละ 50 เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนที่ลาออกจากงานหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน และได้รับครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
16 มิ.ย. 68 คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) เห็นชอบหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์ กรณีการบำบัดทดแทนไต และการให้ยา Erythropoietin ของผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในช่วงเวลาที่มีเหตุอันเกิดจากภัยพิบัติ โดยประธานกรรมการการแพทย์ (บอร์ดแพทย์ประกันสังคม) ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป
โดยเป็นการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต และรับยา Erythropoietin ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ หรือเข้ารับการบำบัดทดแทนไตและรับยา Erythropoietin เป็นประจำในสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดังนี้
- ให้ผู้มีสิทธิที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสามารถยื่นเรื่องเกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิ
- ให้ผู้ประกันตนที่ได้รับการฟอกเลือดที่ใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้ง และน้อยกว่าหรือมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามความจำเป็นสามารถยื่นเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้
- เพิ่มอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียมได้เกินอัตราที่กำหนดเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง (เฉพาะรายที่มีหลักฐานแสดงถึงเหตุผลความจำเป็น)
- กรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไต สามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม หรือสถานพยาบาลอื่นที่ผู้ประกันตนสะดวกเข้ารับบริการ
ประกันสังคม เป็นการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตในกลุ่มสมาชิกเพื่อรับผิดชอบการเฉลี่ยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยมีคุณลักษณะ ดังนี้
- 1. เฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข ซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิก
- 2. เงินสมทบที่เก็บไปจะสะสมเป็นกองทุน ให้สิทธิพิเศษเฉพาะผู้ส่งเงินสมทบ (ผู้ประกันตน) เท่านั้น
- 3. การเก็บเงินสมทบถือเป็นภาษีพิเศษ เก็บจากบุคคลที่กำหมายกำหนดเท่านั้น
มีเป้าหมายหลักที่จะทำให้ประกันสังคมสามารถครอบคลุมทุกตัวบุคคลของประชาชนในชาติ (Universal Coverage) ได้ในอนาคต
ประเทศไทยดำเนินการระบบประกันสังคมออกเป็น 2 กองทุน ได้แก่
1. กองทุนประกันสังคม
เป็นกองทุนที่ให้หลักประกันแก่ผู้ประกันตนให้ได้รับประโยชน์ทดแทน เมื่อต้องประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตาย ซึ่งไม่เนื่องจากการทำงาน รวมถึง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน
โดยมีสิทธิประโยชน์ 7 กรณี (ไม่เนื่องจากการทำงาน) ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ว่างงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร และชราภาพ
โดยแบ่งผู้ประกันตนออกเป็น 3 มาตรา ได้แก่
1. ผู้ประกันตน (มาตรา 33) ลูกจ้างผู้ซึ่งทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ได้รับความคุ้มครองทั้ง 7 กรณี
2. ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (มาตรา 39) เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบก่อนออกจากงานไม่น้อยกว่า 12 เดือน แล้วออกจากงานไม่เกิน 6 เดือนนับแต่วันที่ออกจากงาน และต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมต่อ ได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี (ไม่ได้รับกรณีว่างงาน)
3. ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ (มาตรา 40) ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ 39 ได้รับความคุ้มครอง 3 – 5 กรณี ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จ่าย
2. กองทุนเงินทดแทน
เป็นกองทุนที่จ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย ตายหรือสูญหาย อันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โดยไม่คำนึงถึงวัน เวลา และสถานที่ แต่ดูจากสาเหตุ
มีสิทธิประโยชน์ 4 กรณี (เนื่องจากการทำงาน) ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทนรายเดือน (รวม 4 กรณี ได้แก่ หยุดงาน สูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน ทุพพลภาพ และตายหรือสูญหาย) ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน และค่าทำศพ