จากคำแถลงนโยบายของรัฐบาล สรุปนโยบายที่เกี่ยวกับการบริหารงานภาครัฐ ดังนี้
“…การเปลี่ยนบทบาทของรัฐที่เคยเป็นผู้กำกับดูแลที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบ และข้อบังคับ ให้เป็นผู้สนับสนุนที่ปลดล็อคข้อจำกัดของประชาชนสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้และเจริญเติบโต อาทิ การยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็นเช่น การปลดล็อคกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสุราพื้นบ้าน เป็นต้น”
“…รัฐบาลจะใช้การบริหารในรูปแบบของการกระจายอำนาจ (ผู้ว่า CEO) เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการบริหารงานในแต่ละจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ กล่าวคือ จะมีการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดเพื่อสร้างโอกาสและสร้างประโยชน์ให้ประชาชนเป็นสำคัญ สนับสนุนการจัดการปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด โดยรัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการมาเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใส ขจัดช่องโหว่ในการทุจริต ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการท างานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น”
“…สี่ปีข้างหน้าจะเป็นสี่ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศโดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีการดำเนินงานที่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน”
แนวคิดว่าด้วยองค์กร ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการใช้อำนาจในทางที่มิชอบนั้นแม้มีมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญเมื่อระบอบรัฐธรรมนูญและการเมืองแบบตัวแทนกลายมาเป็นรูปแบบทางการปกครองรูปแบบหลักในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปดและต้นศตวรรษที่สิบเก้า เป็นต้นมา
คาดอีก 4 ปี สื่ออนไลน์แข่งเดือด ขณะที่อนาคตสื่อเก่าย่ำแย่ ผลสำรวจชี้คนไทยดูข่าวผ่านสื่อออนไลน์พุ่งถึง 88% ขณะที่คนดูผ่านสื่อเก่าลดลงเรื่อย ๆ สื่อสิ่งพิมพ์น้อยสุด สื่อทีวีคนไทยไม่ถึงครึ่งติดตามดู แม้คนติดตามจากสื่อเก่าจะลดลง แต่ผู้ผลิตรายเดิมผ่านสื่อใหม่ยังได้รับความนิยม
ในสังคมที่เส้นแบ่งระหว่าง “ผลประโยชน์ส่วนรวม” กับ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ยังคลุมเครือ คำถามที่มักมีถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ ใครควรใช้อำนาจรัฐ และใช้อำนาจนั้นเพื่อใคร ในหลายกรณีสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนระหว่างบทบาทในตำแหน่งสาธารณะกับผลประโยชน์ของครอบครัว พรรคพวก หรือเครือข่ายธุรกิจส่วนตัว