ThaiPBS Logo

สถาบันการเมือง

การเลือกวุฒิสมาชิก (สว.) ในปี 2567 เป็นการเลือกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้น แม้ว่าจะมีเจตนารมณ์เพื่อให้มีวุฒิสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากในเรื่องของกฏกติกาในการเลือกตั้ง เพราะเป็นการเลือกโดยผู้สมัคร

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ตัดสินใจ
  • ดำเนินงาน
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ขั้นตอนวางแผน เสนอแผนงานต่างๆ

ตัดสินใจ

กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามรัฐธรรมนูญ 2560

ดำเนินงาน

กกต.ประกาศรับรองเลือกตั้งสว. เมื่อวันนที่ 10 ก.ค. 2567 จำนวน 200 คน และสำรอง 99 คน

ประเมินผล

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีฮั้วเลือก สว.ปี 67 เป็นคดีพิเศษ

ภาพรวม

อ่านเพิ่มเติม

ความเคลื่อนไหวล่าสุด

19 พ.ย. 68  นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน นโยบายการขยายอายุเกษียณราชการว่า ขณะนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หารือกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอขยายอายุเกษียณ จาก 60 ปี เป็น 65 ปี เพราะหากไม่ดำเนินการอีก 10 ปี จากนี้ข้าราชการน้อยลง และเมื่อรัฐบาลขยับอายุเกษียณเป็น 65 ปี ภาคเอกชนก็จะขยับตาม จึงทำให้เศรษฐกิจเป็นไปตามระบบ

18 พ.ย. 68 กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติโหวต 4 ต่อ 3 เลือก ณรงค์ กลั่นวารินทร์ อดีตตุลาการ นั่งเป็นประธาน กกต.คนใหม่ แทน อิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ

จากนั้น สำนักงาน กกต. จะเสนอผลการคัดเลือกต่อประธานวุฒิสภา ให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธาน กกต. พร้อมกับแต่งตั้ง อนันต์ สุวรรณรัตน์ และ ณรงค์ รักร้อย เป็น กกต.

7 พ.ย. 68 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงกับพรรคประชาชน ทุกประการ ตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้แล้วโดยจะยุบสภา ภายใน 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 31 ม.ค. 69

20 ต.ค. 68 วุฒิสภามีมติเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย

  • อนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับคะแนนเห็นด้วย 137 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง จำนวนผู้ลงมติ 167 คน งดออกเสียง 29 คน
  • ณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับคะแนนเห็นด้วย 135 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 32 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน จำนวนผู้ลงมติ 168 คน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่มีข้อแตกต่างกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ ในเรื่องของจำนวนสว. ที่มา และการสังกัดพรรคการเมือง

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กําหนดวุฒิสภามี 2 ช่วง คือ

ช่วงที่ 1 เป็นไปตามบทเฉพาะกาลที่กําหนดให้วุฒิสภามีจํานวน 250 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคําแนะนํา โดยมาจากการดําเนินการจัดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการการเลือกตั้งจํานวน 50 คน และมาจากการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจํานวน 194 คน รวมกับผู้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการ ทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ โดยดำรงตำแหน่ง 5 ปี

ช่วงที่ 2  หลังจากพ้นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกในช่วงแรก กำหนดให้มีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก 200 คน

แต่แทนที่จะมีการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง เปลี่ยนเป็นมาจากการเลือกกันเองของบุคคล ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อาชีพ โดยแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มอาชีพ และขั้นตอนการเลือกตั้งมีหลายระดับ จากระดับอำเภอ สู่ระดับจังหวัดและระดับประเทศ ซึ่งจะได้สว. จำนวน 200 คน

 

คุณสมบัติผู้สมัคร

ผู้ที่สนใจและประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เตรียมความพร้อมตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัคร โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีในวันสมัครรับเลือก

(3) มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี (ไม่ใช้บังคับแก่สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มอัตลักษณ์อื่น ซึ่งสมัครในกลุ่มตามมาตรา 11 (14) และ (15))

(4) ผู้สมัครต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย

  • เป็นบุคคลซึ่งเกิดในอำเภอที่สมัครรับเลือก
  • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในอำเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
  • ทำงานอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
  • เคยทำงานหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณีเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี
  • เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือกเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปีการศึกษา

ผู้สมัครจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561

หากผู้ใดฝ่าฝืน รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือกต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี นอกจากนี้ ผู้ใดรับรองหรือเป็นพยานซึ่งลงลายมือชื่อรับรองเอกสารหรือหลักฐานที่ใช้ประกอบการสมัครเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

 

ลักษณะต้องห้าม

ลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา 3 ประเด็น ดังนี้

  • กรณีเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ออกจากการเป็นสมาชิกกี่วัน
  • กรณีบุคคลดำรงตำแหน่งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่
  • กรณีบุคคลดำรงตำแหน่งคณะกรรมการชุมชน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยคณะกรรมการชุมชน พ.ศ. 2565 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่สอง พ.ศ.2566 ข้อ 16 และ ข้อ 18 วรรคสอง ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ถ้าไม่ ต้องลาออกในวันรับสมัครหรือไม่ และกี่วัน

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (21) กำหนดว่า ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ดังนั้น หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในวันสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา บุคคลซึ่งสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ย่อมถือว่าบุคคลนั้นไม่มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครตามมาตรา 14 (21) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 กำหนดคำนิยามคำว่า “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ซึ่งหมายความว่า (1) นายกรัฐมนตรี (2) รัฐมนตรี (3) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (4) สมาชิกวุฒิสภา (5) ข้าราชการการเมืองอื่นนอกจาก (1) และ (2) ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง (6) ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา กรณีตามข้อหารือเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเทียบเคียงจากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยที่ 5/2543 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2543สรุปลักษณะของ “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ไว้ โดยเป็นบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมายรวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำโดยอยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลของรัฐและมีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย

ดังนั้น บุคคลใดจะมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ต้องพิจารณาตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งนี้ ควรหารือไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อวินิจฉัยว่าตำแหน่งคณะกรรมการชุมชนอยู่ในความหมายของคำว่า “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ตามแนวคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญข้างต้นหรือไม่

 

การแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

ด้วยปรากฏว่ามีบุคคล กลุ่มบุคคล ได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคลที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ก่อนที่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับ

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเรียนว่า ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 เมษายน 2567 และระเบียบดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ดังนั้น เพื่อให้การแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงขอให้ผู้ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาศึกษาและทำความเข้าใจระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 และพึงระมัดระวังในการดำเนินการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบกำหนดด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคล กลุ่มบุคคล ที่ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคลที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาไว้ด้วยแล้ว และหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด จักดำเนินการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดต่อไป

ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ลำดับเหตุการณ์

  • บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน นโยบายการขยายอายุเกษียณราชการว่า ขณะนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หารือกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอขยายอายุเกษียณเป็น65ปี

    19 พ.ย. 2568

  • กกต. มีมติ 4:3 เลือก ณรงค์ กลั่นวารินทร์ อดีตตุลาการ นั่งประธาน กกต.คนใหม่  ดูเพิ่มเติม ›

    18 พ.ย. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าตามข้อตกลงกับพรรคประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ ทำประชามติ และยุบสภา ภายใน 120 วัน ไม่เกิน 31 ม.ค. 69   ดูเพิ่มเติม ›

    7 พ.ย. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง พรรคประชาชน-พรรคภูมิใจไทย ทำ MOA สนับสนุน "อนุทิน" นั่งนายกรัฐมนตรี ระบุไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง  ดูเพิ่มเติม ›

    4 พ.ย. 2568

  • ครม. รับทราบ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไปสู่การปฏิบัติจากการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ

    28 ต.ค. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาลงนามความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา 8 ข้อมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย,นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ สหรัฐอเมริกา เป็นสักขีพยาน   ดูเพิ่มเติม ›

    26 ต.ค. 2568

  • วุฒิสภามีมติเห็นผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 ราย คือ อนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

    20 ต.ค. 2568

  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "ครม. อนุทิน" 36 คน 40 ตำแหน่ง  ดูเพิ่มเติม ›

    19 ก.ย. 2568

  • "อนุทิน" รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ประกาศปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ให้สมกับที่ทรงวางพระราชหฤทัย  ดูเพิ่มเติม ›

    7 ก.ย. 2568

  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32  ดูเพิ่มเติม ›

    7 ก.ย. 2568

  • มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยได้รับคะแนนเสียงจากสภาฯ 311 เสียง ชนะ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ 152 เสียง  ดูเพิ่มเติม ›

    5 ก.ย. 2568

  • ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีคำสั่งให้บรรจุเรื่องระเบียบวาระเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในวันที่ 5 ก.ย.   ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ย. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงนามรับ 5 เงื่อนไขพรรคประชาชน  ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ย. 2568

  • ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาฯ แล้ว คืนอํานาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ ชี้การเมืองสับสนอลหม่าน ต้องรีบดึงความเชื่อมั่นประเทศ ไม่ให้ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ  ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ย. 2568

  • สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ ภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการเรื่องการทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว เหตุพรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาล ส่งให้เป็นเสียงข้างน้อย  ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ย. 2568

  • พรรคประชาชน แถลงสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พร้อมเงื่อนไข 5 ข้อ ยุบสภาภายใน 4 เดือน จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ย. 2568

  • ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาฯ กฤษฎีกา ระบุรัฐบาลรักษาการยุบสภาไม่ได้ โดยยืนยันความเห็นเดิมว่าเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกฯ ชี้หากมีปัญหาสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ  ดูเพิ่มเติม ›

    1 ก.ย. 2568

  • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ระบุรัฐบาลยังมีอำนาจเต็ม ทั้งโยกย้ายข้าราชการ จ่ายงบฉุกเฉิน รวมถึงการยุบสภาฯ

    30 ก.ย. 2568

  • ครม.ประชุมนัดพิเศษ ตั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี  ดูเพิ่มเติม ›

    30 ส.ค. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวม ครม. ทั้งคณะ เนื่องจากฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน   ดูเพิ่มเติม ›

    29 ส.ค. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวันที่ 29 ส.ค. ฟังคำวินิจฉัยคดี แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ปมคลิปเสียงสนทนากับ ฮุนเซน

    13 ส.ค. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขยายเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ออกไปจนถึงวันที่ 4 ส.ค. เป็นครั้งสุดท้าย กรณีคลิปเสียงพูดคุยกับ ฮุน เซน

    30 ก.ค. 2568

  • ที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติเห็นชอบ 165 ต่อ 1 เสียง ให้ ณรงค์ กลั่นวารินทร์ ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนใหม่

    22 ก.ค. 2568

  • ที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติเห็นชอบ 143 ต่อ 17 เสียง ให้ สราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

    22 ก.ค. 2568

  • ที่ประชุมสว.มีมติไม่เห็นด้วยให้ชะลอวาระเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน และกรรมการการ 1 คน

    22 ก.ค. 2568

  • กกต.มีมติให้ดำเนินคดีกับ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ในความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและคดีอาญา กรณีใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” สมัคร สว. ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

    18 ก.ค. 2568

  • ครม.นัดพิเศษ มีมติให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับแรก หากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จะมีรองนายกรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ตามลำดับ

    3 ก.ค. 2568

  • สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

    3 ก.ค. 2568

  • ศาลรธน.รับคำร้องถอดถอน และ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลัง 36 สว.ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย รธน.มาตรา 170 วรรค 3 ประกอบ มาตร 82 ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม กรณีคลิปเสียงสนทน  ดูเพิ่มเติม ›

    1 ก.ค. 2568

  • วุฒิสภามติเห็นชอบ "เพียรศักดิ์ สมบัติทอง" นั่ง ป.ป.ช.ด้วยเสียงข้างมาก 138:2 เสียง

    30 พ.ค. 2568

  • "วุฒิสภา" เดินหน้าโหวตตั้งองค์กรอิสระ-ตุลาการศาล รธน. แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้รอการพิจารณาคดีฮั้ว ส.ว

    30 พ.ค. 2568

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม

    20 พ.ค. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะดูแลดีเอสไอ และหยุดปฏิบัติหน้าที่รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จากกรณีที่ สว. ร้องเรียนว่าแทรกแซง  ดูเพิ่มเติม ›

    14 พ.ค. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องของกลุ่มสว. 92 คนเข้าชื่อยื่นเรื่องให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงหรือไม่

    26 มี.ค. 2568

  • 105 สว. ลงชื่อ​ยื่น ​ป.ป.ช. เอาผิด ​มาตรา 157 "ทวี สอดส่อง" และ "อธิบดีดีเอสไอ" กลั่นแกล้งเรื่องฮั้ว สว.  ดูเพิ่มเติม ›

    12 มี.ค. 2568

  • พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่าคดีฮั้วเลือก สว.กรณีฟอกเงิน ได้ให้นโยบายต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไปแล้วว่าให้ใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เชื่อได้ว่ามีเงินสะพัด 400-500 บาท

    7 มี.ค. 2568

  • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงรับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษฐานสมคบฟอกเงิน โดยมีผู้เห็นชอบ 11 เสียง จากองค์ประชุม 18 เสียง

    6 มี.ค. 2568

  • กลุ่มผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ สว.สำรองกว่า 30 คน นำโดยนายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง ยื่นหนังสือต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อให้สอบจริยธรรม สว.ที่ร่วมลงชื่อไต่สวน

    3 มี.ค. 2568

  • ณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เลื่อนพิจารณาการรับเรื่องการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริต เป็นคดีพิเศษ

    25 ก.พ. 2568

  • คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดย มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา หารือเกี่ยวกับกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีฮั้วเลือกตั้งปี 67

    24 ก.พ. 2568

  • มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวด่วนกรณีที่มีการยื่นเรื่องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีฮั้วเลือก สว.ปี 67 เป็นคดีพิเศษ ระหว่างสัมมนาที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  ดูเพิ่มเติม ›

    21 ก.พ. 2568

  • DSI รับเรื่องกรณี ผู้สมัคร สว. ขอให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ กรณีเชื่อว่าการได้มาซึ่ง สว. ปี 2567 มิชอบด้วยกฎหมาย  ดูเพิ่มเติม ›

    10 ก.พ. 2568

  • การประชุมกมธ.สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะ นัดแรกเพื่อเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ในกรรมาธิการ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าการเลือกตำแหน่งประธาน กมธ.มีสว.สายสีน้ำเงินได้ตำแหน่งถึง 20 คณะ   ดูเพิ่มเติม ›

    25 ก.ย. 2567

  • ที่ประชุมสภามีมติเลือกให้ "มงคล สุระสัจจะ" ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 159 คะแนน ขณะที่ รศ.นันทนา นันทวโรภาส ได้ 19 คะแนน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้ 13 คะแนน โดยมีงดออกเสียง 4 และบัตรเสีย 5  ดูเพิ่มเติม ›

    23 ก.ค. 2567

  • กกต. ประกาศรับรอง สว. ชุดใหม่ 200 คน  ดูเพิ่มเติม ›

    10 ก.ค. 2567

  • กกต. ยังไม่มีการรับรองรายงานผลการเลือก สว. แม้จะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม

    9 ก.ค. 2567

  • เลือก สว. ระดับประเทศ  ดูเพิ่มเติม ›

    26 มิ.ย. 2567

  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติมติเอกฉันท์ คัดเลือก สว.ชุดใหม่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107  ดูเพิ่มเติม ›

    18 มิ.ย. 2567

  • สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รายงานการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด ที่จัดขึ้นในวันที่ 16 มิ.ย. สรุปจำนวนผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัดไประดับประเทศ จำนวน 3,000 ราย เป็นชาย 2,164 คน และเป็นหญิง 836 คน  ดูเพิ่มเติม ›

    16 มิ.ย. 2567

  • สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปจำนวนผู้มีสิทธิเข้ากระบวนการเลือก สว.ระดับอำเภอ 23,645 คน  ดูเพิ่มเติม ›

    10 มิ.ย. 2567

  • เลือก สว. ระดับอำเภอ มีจำนวนผู้มารายงานตัวรอบแรก 43,818 คน โดยชาย 25,459 คน และหญิง 18,359 คน

    9 มิ.ย. 2567

  • รับสมัครผู้ประสงค์อยากเป็น สว.  ดูเพิ่มเติม ›

    20 - 24 พ.ค. 2567

  • กกต. ชี้แจงสื่อกรณีการคัดเลือก สว. ยืนยันได้ครบ 200 คนตามไทม์ไลน์ เผยปรับแก้ระเบียบให้ผู้สมัครแนะนำตัวผ่านโซเชียลได้ แจงแนวทางการปฏิบัติตัวของสื่อยังทำหน้าที่ได้ตามปกติ  ดูเพิ่มเติม ›

    14 พ.ค. 2567

  • กกต. ประกาศวันกำหนดและวันที่รับสมัคร สว.  ดูเพิ่มเติม ›

    13 พ.ค. 2567

  • ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พ.ร.ก. ให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567

    11 พ.ค. 2567

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 12 ตามวาระ 5 ปี

    10 พ.ค. 2567

  • สว. ชุดที่ 12 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2560 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ตามที่ คสช. ถวายคำแนะนำ จำนวน 250 คน มีวาระ 5 ปี

    11 พ.ค. 2562 - 11 พ.ค. 2567

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 11 จากประกาศ คสช. 30/2557 เรื่อง ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง

    24 พ.ค. 2557

  • คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อรัฐประหาร

    22 พ.ค. 2557

  • สว. ชุดที่ 11 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2550 จากการเลือกตั้ง (77 คน - จังหวัดละ 1 คน และมีการตั้ง จ.บึงกาฬ เพิ่มขึ้นมา) และสรรหา (73 คน) จำนวน 150 คน มีวาระ 6 ปี

    มี.ค. 2557- 24 พ.ค. 2557

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 10 ตามวาระ 6 ปี

    มี.ค. 2557

  • สว. ชุดที่ 10 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2550 จากการเลือกตั้ง (76 คน - จังหวัดละ 1 คน) และสรรหา (74 คน) จำนวน 150 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    มี.ค. 2551 - มี.ค. 2557

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 9 จากการที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ก่อรัฐประหาร

    19 ก.ย. 2549

  • สว. ชุดที่ 9 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2540 จากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน จำนวน 200 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    9 พ.ค. 2549 - 19 ก.ย. 2549

  • เลือกตั้ง สว. ครั้งที่สอง (วุฒิสภาชุดที่ 9)

    19 เม.ย. 2549

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 8 ตามวาระ 6 ปี

    22 มี.ค. 2549

  • สว. ชุดที่ 8 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2540 จากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน จำนวน 200 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    22 มี.ค. 2543 - 22 มี.ค. 2549

  • เลือกตั้ง สว. ครั้งแรก (วุฒิสภาชุดที่ 8)

    4 มี.ค. 2543

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 7 ตามวาระ 4 ปี

    22 มี.ค. 2543

  • สว. ชุดที่ 7 กำหนดในรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2538 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 260 คน (2/3 ของจำนวนสส.) มีวาระ 4 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    22 มี.ค. 2539 - 22 มี.ค. 2543

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 6 ตามวาระ 6 ปี

    22 มี.ค. 2539

  • สว. ชุดที่ 6 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2534 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 270 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    22 มี.ค. 2535 - 22 มี.ค. 2539

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 5 จากการที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ก่อรัฐประหาร

    23 ก.พ. 2534

  • สว. ชุดที่ 5 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2521 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 225 คน (ไม่เกิน 3/4 ของจำนวนสส.) มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    22 เม.ย. 2522 - 23 ก.พ. 2534

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 4 จากเหตุุการณ์ 6 ต.ค. 2519 และ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ก่อรัฐประหาร

    6 ต.ค. 2519

  • สว. ชุดที่ 4 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2517 จากการเลือกและแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 100 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    26 ม.ค. 2518 - 6 ต.ค 2519

  • เหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516

    14 ต.ค. 2516

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 3 จากการที่ จอมพลถนอม กิตติขจร รัฐประหารตัวเอง

    17 พ.ย. 2514

  • สว. ชุดที่ 3 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2511 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 120 คน (3 ใน 4 ของจำนวน สส.) มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    4 ก.ค. 2511 - 17 พ.ย. 2514

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 2 จากการที่ จอมพลป. พิบูลสงคราม รัฐประหารตัวเอง

    29 พ.ย. 2494

  • สว. ชุดที่ 2 กำหนดในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2490 จากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จำนวน 100 คน (เท่าจำนวน สส.) มีวาระ 6 ปั  ดูเพิ่มเติม ›

    16 พ.ย. 2490 - 29 พ.ย. 2494

  • สิ้นสุดสมาชิกภาพของ สว. ชุดที่ 1 จากการที่ พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ก่อรัฐประหาร

    8 พ.ย. 2490

  • สว. ชุดที่ 1 กำหนดในรัฐธรรมนูญ 2489 จากการเลือกตั้งโดยทางอ้อมและลับ จำนวน 80 คน มีวาระ 6 ปี  ดูเพิ่มเติม ›

    24 พ.ค. 2489 - 8 พ.ย. 2490

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

การเลือกสว.
เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ 2560 แต่เป็นการเลือกกันเองระหว่างผู้สมัคร

เชิงกระบวนการ

การเลือกสว.ระดับอำเภอ
การเลือกรอบที่ 1 เลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน ผู้ได้คะแนนสูงสุด 1-5 จะเข้าไปเลือกรอบที่ 2 โดยเลือกในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน โดยผู้ได้รับ 3 อันดับแรกจะเป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ
การเลือกสว.ระดับจังหวัด
การเลือกรอบที่ 1 โดยเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยได้ผู้มีคะแนนสูงสุด 1-5 อันดับแรกเหมือนระดับอำเภอ แต่เลือกรอบที่ 2 ผู้ได้รับเลือกสูงสุด 2 อันดับแรก
การเลือกสว.ระดับประเทศ
การเลือกรอบที่ 1 เลือกบุคคลในกลุ่ม 1-40 อันดับแรก และในรอบที่ 2 เลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นสายเดียวกัน 1-10 เป็นสว.

เชิงการเมือง

การมีส่วนร่วม
ผู้สมัครเลือกตั้งเลือกกันเอง ตามกฏกติกาใหม่ โดยไม่ได้เป็นการเลือกตั้งทั่วไปเหมือนในอดีต

อินโฟกราฟิก

Image 0Image 1Image 2

บทความ

ดูทั้งหมด
ตรวจสอบนโยบายหาเสียง “ขายฝัน” หรือทำได้จริง

ตรวจสอบนโยบายหาเสียง “ขายฝัน” หรือทำได้จริง

Fact-Check Thailand 2026 เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy)  ทั้งการตรวจสอบ วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งนโยบายหาเสียง ก่อนตัดสินใจลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง

ความสุจริตเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง สำคัญอย่างไร

ความสุจริตเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง สำคัญอย่างไร

“ความสุจริตเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง” คืออะไร และเหตุใดจึงสำคัญกว่าการมองเพียงแค่เรื่อง “การทุจริต” หรือ “การซื้อเสียง” ซึ่งการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรมจึงไม่เพียงรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย หากยังเป็นหลักศีลธรรมทางการเมืองที่ค้ำจุนความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตย

ระหว่างบรรทัดสุนทรพจน์นายกฯ: การเมืองของการนำนโยบายไปปฏิบัติในประเทศไทย

ระหว่างบรรทัดสุนทรพจน์นายกฯ: การเมืองของการนำนโยบายไปปฏิบัติในประเทศไทย

ไม่เพียงแค่ 'สัญญาณ' ความพร้อมยุบสภา ในวันที่ 12 ธ.ค. ที่นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาประกาศ จนทำให้สังคมต้องถอยกลับมาตั้งหลักวิเคราะห์ไทม์ไลน์สู่การเลือกตั้งกันใหม่ แต่อีกประเด็นสำคัญที่ถูกจับตาคือท่าทีมุมมองต่อการผลักดัน 'นโยบาย' สู่การปฏิบัติ ที่ชวนให้สังคมต้องกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง

จับตา "นิรโทษกรรม" ใน กมธ.กฎหมายสร้างเสริมสันติสุข

จับตา "นิรโทษกรรม" ใน กมธ.กฎหมายสร้างเสริมสันติสุข

กฎหมายสร้างเสริมสันติสุข ขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของ กมธ. วุฒิสภา โดยในขั้นตอนนี้มีการเสนอปรับแก้บางมาตรา ซึ่งประเด็นนิรโทษกรรมความผิดมาตรา 112 ยังเป็นอีกประเด็นสำคัญในการขอพิจารณาปรับแก้ไข

ชนวนความขัดแย้ง จาก กม.สร้างเสริมสันติสุข

ชนวนความขัดแย้ง จาก กม.สร้างเสริมสันติสุข

จากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ มีผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองเป็นจำนวนมาก 'นิรโทษกรรม' ถูกมองว่าจะเป็นอีกจุดเริ่มต้น ที่จะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองนี้ แต่อีกด้านหนึ่งกลับถูกมองว่านี่อาจจะกลายเป็นชนวนซ้ำเติมความขัดแย้งให้รุนแรงกว่าที่เคยเป็น

สร้าง "รัฐสภาเปิด"  เพิ่มอำนาจตรวจสอบของประชาชน

สร้าง "รัฐสภาเปิด" เพิ่มอำนาจตรวจสอบของประชาชน

การเปิดเผยข้อมูลรัฐสภา และพื้นที่ให้ประชาชนร่วมตรวจสอบและตัดสินใจ เป็นปัจจัยพื้นฐานของการสร้าง "รัฐสภาเปิด" (Open Parliament) ตามที่รัฐสภามุ่งหวัง หากแต่การเปิดข้อมูลรัฐสภากลับลักปิดลักเปิด และสร้างพื้นที่ให้ประชาชนได้ไม่เพียงพอ