ความคืบหน้าล่าสุด 17 ก.พ. 68
17 ก.พ. 2568 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ ของปี 2567 ขยายตัว 3.2% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 3.0% ในไตรมาสที่สาม ของปี 2567 (YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ ของปี 2567 ขยายตัวจากไตรมาสที่สาม 0.3 % (QoQ_SA)
รวมทั้งปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5% เพิ่มขึ้นจากการขยายตัว 2.0% ในปี 2566
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงคาดการณ์ว่าจะขยายตัวในช่วง 2.3 – 3.3% มีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชนและ การปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง และการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า
แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และความผันผวนของผลผลิตและระดับราคาสินค้าเกษตร
7 ม.ค. 68 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอเพิ่มขึ้น 0.7% จากงบประมาณปี 68 โดยคาดการณ์รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.92 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ซึ่งขาดดุลงบประมาณลดลงจากปี 2568
งบประมาณปี 69 อยู่ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจไทยปี 69 ขยายตัวได้ 2.3-3.3% (ค่ากลาง 2.8%) อัตราเงินเฟ้อ 0.7-1.7% (ค่ากลาง 1.2%)
โครงสร้างงบประมาณ ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ 2.64 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70% ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 1.23 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.3% ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายลงทุน 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.7% ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 1.51 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.0% ของวงเงินงบประมาณ
19 พ.ย. 67 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2567 ขยายตัว 3.0% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 2.2% ในไตรมาสที่สองของปี 2567 (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2567 ขยายตัวจากไตรมาสที่สอง 1.2% (QoQ_SA) รวม 9 เดือนแรกของปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.3%
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัว 2.6% ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 1.9% ในปี 2566 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.5% ของ GDP
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.3 -3.3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาครัฐ การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ปัจจุบัน การดำเนินนโยบายการคลัง (fiscal policy) เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ. 2561 โดยมีการกำหนดรายละเอียดด้านรายจ่าย ตลอดจนเพดานหนี้สาธารณะ ตามคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังของรัฐ คือ
- หนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 60
- ภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ไม่เกินร้อยละ 35
- หนี้สาธารณะที่ออกด้วยสกุลเงินต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดไม่เกินร้อยละ 10
- ภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้การส่งออกสินค้าและบริการไม่เกินร้อยละ 5
แต่จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินกว่าล้านล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังจึงได้มีมติเห็นชอบขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะจากเดิมที่กำหนดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ต้องไม่เกินร้อยละ 60 เป็นสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ต้องไม่เกินร้อยละ 70 ต่อ GDP เมื่อเดือนก.ย. 2564
การทบทวนกรอบสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งนี้เป็นไปตามความในมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้มีการทบทวนสัดส่วนต่างๆ อย่างน้อยทุกสามปี
การขยายเพดานหนี้สาธารณะ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่อง “กรอบความยั่งยืนทางการคลัง” แต่เรื่องความยั่งยืนทางการคลังสามารถพิจารณาได้หลายมุม โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ยังมีปัจจัยอื่นมาใช้ในการพิจารณาด้วย เช่น แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ มีหน้าที่จัดทำ “แผนการคลังระยะปานกลาง” ซึ่งเป็นแผนแม่บทหลักด้านการคลังและงบประมาณ
ทั้งนี้ กำหนดให้รัฐบาลต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามเดือนนับตั้งแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี และเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ
แผนการคลังระยะปานกลางมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี และอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
- เป้าหมายและนโยบายการคลัง
- สถานะและประมาณการเศรษฐกิจ
- สถานะและประมาณการการคลัง ซึ่งรวมถึงประมาณการรายได้ ประมาณการร่ายจ่าย ดุลการคลัง และการจัดการกับดุลการคลัง
- สถานะหนี้สาธารณะของรัฐบาล
- ภาระผูกพันทางการคลังของรัฐบาล