ตามมติของอนุคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ได้ปรับลดงบงบประมาณหน่วยงานรัฐสภา ปี 2569 ถึง 880.2 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถูกตัดงบ 852.6 ล้านบาท, สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถูกตัดงบ 27.6 ล้านบาท มีโครงการที่โดนตัดงบออกทั้งโครงการ ได้แก่
- งบปรับปรุงศาลาแก้ว (123 ล้านบาท)
- งบปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ CB406 (118 ล้านบาท)
- งบปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์-ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (43 ล้านบาท)
- งบปรับปรุงห้องรับรอง ครม. (13 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่โดนปรับลดงบประมาณ ได้แก่
- งบพัฒนาห้องภาพยนตร์ ถูกลดงบ 70% ซึ่งเปลี่ยนจากห้องภาพยนตร์พร้อมระบบ 4D มาเป็นห้องสารนิเทศทั่วไปสำหรับนักศึกษา-คณะเยี่ยมชม ที่ไม่มีระบบ 3D หรือ 4D ประหยัดงบได้ 126 ล้านบาท
- งบปรับปรุงพื้นที่ห้องครัว ถูกลดงบ 50% เป็นจำนวนเงิน 59 ล้านบาท
- งบจัดซื้อจอ LED ขนาดใหญ่ ถูกลดงบ 80% โดยปรับลดจาก 19 จอ มาเหลือ 4 จอ สามารถประหยัดเงินได้ 57 ล้านบาท
- ห้องจัดเลี้ยง 4 ห้อง ชั้น 1 โซน C ถูกปรับลดงบ 50% เป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท
การตัดงบประมาณนี้เป็นผลพวงมาจาก การเปิดเผยข้อมูลงบประมาณรัฐสภาปี 2569 อย่างละเอียด และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งภาคการเมืองและภาคประชาชนถึงความสมเหตุสมผลในการใช้เงินภาษีประชาชน
กล่าวได้ว่า การเปิดเผยข้อมูลเป็นกระบวนการแรกและกระบวนการสำคัญในการตรวจสอบการดำเนินการ นโยบายและการใช้งบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ
หากแต่ข้อมูลส่วนใหญ่ของภาครัฐยังถูกจัดเก็บอยู่ภายในหน่วยงานหรือระหว่างหน่วยงานเป็นหลัก นอกจากทำให้ยากแก่การตรวจสอบ ยังกีดกันประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม หากมีการเปิดเผยข้อมูลอาจสามารถช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้มากขึ้น เช่นในกรณีตัดงบประมาณปี 2569 ของรัฐสภา
“รัฐสภาเปิด” (Open Parliament)
การเปิดเผยข้อมูลถือเป็นกลไกเบื้องต้นของการสร้างรัฐสภาเปิด ตามหลักการสำคัญ 3 ข้อของรัฐสภาแบบเปิด (Open Parliament) คือ ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม และการรับผิดชอบ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ผ่าน ข้อมูลแบบเปิด เช่น การเผยแพร่ข้อมูลกิจการของรัฐสภา ข้อมูลงบประมาณรัฐสภา ในรูปแบบที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานรัฐสภาได้
กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ กมธ.การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา จัดสัมมนาเรื่อง “WeVis xCitizen Camping Lab : Open Parliament 101” เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2568 ร่วมกับ WeVis ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเทคโนโลยีภาคประชาชน ที่มุ่งเสริมพลังให้ประชาชนมีบทบาททางการเมืองผ่านเทคโนโลยีและข้อมูลเปิด (Open Data) เพื่อเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนร่วมกันออกแบบและเสนอแผนสร้างรัฐสภาเปิด ให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น
ธนิสรา เรืองเดช ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรเทคโนโลยีภาคประชาชน WeVis กล่าวถึงพื้นฐานแนวคิดสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลของรัฐสภาว่า ประชาชนเป็นเจ้าของข้อมูล ที่รัฐสภาต้องเปิดเผย โดยกรอบแนวคิดหลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนมีหลัก 3 ประการ ได้แก่ เปิดให้รู้ (Open to know), เปิดให้ร่วม (Open to participate), และ เปิดให้ทวงถาม (Open to demand/question)
พร้อมทั้งได้นำเสนอแนวปฏิบัติของรัฐสภาในต่างประเทศที่เปิดเผยข้อมูลและเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น เยอรมนีที่ไม่เพียงอาคารรัฐสภาถูกออกแบบก่อสร้างด้วยแนวคิด “ประชาชนอยู่เหนือรัฐสภา อำนาจต้องโปร่งใส” แล้ว ในการดำเนินงานของรัฐสภาต่าง ๆ ประชาชนยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและตรวจสอบได้เกือบทุกกระบวนการ หลายช่องทาง
เช่น Member of Parliament Watch ซึ่งเป็นเว็บไซต์สนทนาระหว่างสมาชิกสภาและประชาชนทั่วไป ที่ประชาชนสามารถถามคำถามกับสมาชิกสภา ให้สมาชิกเข้ามาตอบ ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐสภา และยังสามารถสะท้อนให้เห็นว่าผู้แทนคนใด มีความรับผิดชอบในการชี้แจงประเด็นต่างๆ ต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้เยอรมนียังมี Open Parliament TV ซึ่งเป็นฐานข้อมูลการประชุมสภา ที่อำนวยความสะดวกในการสืบค้นและนำไปวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ ต่อ ซึ่งมีทั้งการบันทึกวิดีโอ การบันทึกการถอดเสียงอย่างละเอียด โดยข้อมูลต่าง ๆ ถูกจัดกลุ่มไว้หลายมิติ สามารถเลือกดูตามผู้พูด พรรคที่สังกัด ช่วงเวลา หรือประเด็นเฉพาะที่สนใจได้
รัฐสภาเปิดไทย ยัง ‘ลักปิดลักเปิด’
ขณะที่รัฐสภาไทยนั้น จากการระดมความเห็นของประชาชน นักเรียน นักศึกษา รวมทั้ง ข้าราชการเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา ที่เข้าร่วมงานสัมมนาพบว่า รัฐสภาเปิดของไทยยังคงมีลักปิดลักเปิด (selective transparency) ทั้ง ๆ ที่ตามหลักแล้ว ข้อมูลคือทรัพยากรสำคัญที่ประชาชนต้องเข้าถึงได้มากและง่ายก็ตาม แต่ข้อมูลที่รัฐสภาเปิดยังไม่ครบถ้วนรอบด้าน และข้อมูลในเว็บไซต์ ที่เผยแพร่ก็ยังกระจัดกระจาย ไม่สะดวกในการเข้าถึง
ยกตัวอย่างเช่น มีการเปิดเผย ข้อมูลลงมติของ สส. แต่ยังไม่เปิดเผยของ สว. เช่นเดียวกับข้อมูลการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ในเว็บไซต์รัฐสภายังไม่เปิดเผยบันทึกการประชุมของ กมธ. ในการเข้าถึงข้อมูลจึงต้องไปทำเรื่องร้องขอ ซึ่งใช้เวลานาน ล่าช้าไม่ทันการในการตรวจสอบการทำงาน เช่น จากการร้องขอข้อมูลโดย WeVis พบว่าในบางกรณีใช้เวลาถึง 11 เดือน และข้อมูลที่ได้รับมาในรูปแบบ แผ่นซีดี ที่นำไปใช้งานได้ยาก
ในขณะที่ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐสภาบางคนในงานสัมมนาระบุว่า การให้บริการข้อมูลเมื่อมีผู้มาร้องขอ บางครั้งรู้สึกว่าเป็นการเพิ่มภาระงาน และรู้สึกไม่สบายใจว่าเมื่อให้ข้อมูลไปแล้วจะเป็นการทำผิดระเบียบ เกรงว่าอาจถูกลงโทษทางวินัยภายหลัง
จากการสัมมนา นำไปสู่ข้อเสนอการเปิดข้อมูลของรัฐสภาให้เป็นไปตามหลักการ “Open by default” หรือ “เปิดโดยไม่ต้องร้องขอ” และจัดทำระบบฐานข้อมูลให้รวมอยู่ในที่เดียว (One Stop Service) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ ควรกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม กมธ. เหมือนการประชุม สส. สว. เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการลงมติและทราบเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจ
อีกทั้งในประเด็นการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นอีกหลักการสำคัญของรัฐสภาเปิดนั้น จากการระดมความคิดเห็นพบว่า รัฐสภากับประชาชนมีช่องว่างมากกว้างเกินไป และภาพลักษณ์ของรัฐสภาดูเป็นทางการมากเกินไป ตั้งแต่ในระดับกายภาพของอาคารรัฐสภาไปถึงระบบกลไกของการทำงาน
การออกแบบโครงสร้างแผนผังอาคารของรัฐสภา รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนในบริเวณที่ตั้งของอาคารรัฐสภายังไม่สะดวกต่อการเดินทาง ทำให้รัฐสภาเข้าถึงยาก ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม ร้องเรียน ตรวจสอบการทำงาน หรือแม้แต่เสนอร่างกฎหมาย ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของประชาชนโดยเฉพาะการตัดสินใจในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมหรือใช้พื้นที่ได้ เช่นกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ
ดังนั้นจึงมีข้อเสนอว่า รัฐสภาต้องมีโครงการรัฐสภาสัญจร เข้าหาประชาชนมากขึ้นใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น สร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐสภากับประชาชน เพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียน เปิดพื้นที่ให้ประชาชนทวงถามการทำงานของทั้ง สส. สว. ในประเด็นสำคัญผ่านสื่อมวลชนได้ และลดการใช้ภาษาราชการ ลดลำดับขั้นตอนกลไกหรือพิธีรีตองที่ซับซ้อนลง เพราะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านเข้าไม่ถึงรัฐสภา ไม่กล้าร้องเรียนหรือตรวจสอบการทำงาน
แม้รัฐสภาไทยจะเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถรวมตัวเสนอกฎหมายได้โดยตรงได้ ซึ่งล้ำหน้ากว่าหลายประเทศในเอเชีย แต่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนว่า จะต้องได้รับการพิจารณาโดย สส. ทุกร่างกฎหมาย ที่ผ่านมายังคงเป็นเพียงการเลือกพิจารณาโดยสภาฯ เท่านั้น ต่างจากแคนาดา ที่มีกฎหมายกำหนดว่า ร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชน สภาฯ ต้องรับเข้าพิจารณาทุกฉบับ
อีกทั้ง กมธ. ที่จะพิจารณากฎหมายหลาย ๆ ครั้ง ถูกเลือกจาก สส. ที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่บางประเทศ กมธ. ถูกเลือกมาจากประชาชน ทำให้การเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาร่างกฎหมายในชั้น กมธ. ประชาชนยังมีส่วนร่วมไม่เพียงพอ
และแม้ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ จะกำหนดให้รัฐต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนตรากฎหมาย ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็จริง หากแต่วิธีการออกแบบพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น ยังไม่เอื้อต่อประชาชนเพียงพอต่อการเข้ามามีส่วนร่วม เช่นการสรุปประเด็นของร่างกฎหมายที่จะทำให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ รัฐสภายังต้องสร้างกลไกในการคุ้มครองสร้างความปลอดภัยของผู้ร้องขอข้อมูล ผู้ร้องเรียน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้บริการข้อมูล
ข้อมูลเปิดสู่รัฐสภาเปิด
การเปิดข้อมูลที่รอบด้านครบถ้วน ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพิ่มอำนาจประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และสร้างความโปร่งใส นำไปสู่การมีรัฐสภาเปิดอย่างแท้จริง
ข้อมูลข่าวสารของรัฐสภาจึงต้องเปิดเผยในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลและช่องทางอื่นๆ ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ที่สามารถเข้าถึงและใช้ได้อย่างเสรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย และพร้อมนำไปใช้งาน วิเคราะห์ได้ โดยไม่จำกัดวัตถุประสงค์
ทางด้าน ฉัตร สุภัทรวณิชย์ ประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง รัฐสภาเปิด ว่า อยากให้ภาคประชาสังคมเริ่มเรียนรู้และเข้าใจความสำคัญของรัฐสภาแบบเปิด
หากแต่หลายครั้งที่มีการพูดถึงเรื่องการเปิดเผยข้อมูลนั้นยังติดอยู่ในกรอบหลายอย่าง และรัฐสภาเองก็มีข้อมูลในหลากหลายมิติ ดังนั้นหากเพิ่มให้ประชาชนสามารถรับรู้การเปิดเผยข้อมูลของรัฐสภาได้จะเป็นส่วนที่ดี และสามารถขับเคลื่อนการทำงานด้านต่างๆและสามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้
เช่นเดียวกับ นรเศรษฐ์ ปรัชญากร ประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงการเปิดเผยข้อมูลว่า จะเป็นการเริ่มต้นในการไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐสภากับประชาชน ดังนั้นความเห็นของประชาชนในการออกแบบรัฐสภาที่อยากเห็นให้เป็นรัฐสภาเปิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรัฐสภาไม่ใช่ของนักการเมืองแต่เป็นของประชาชนทุกคน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ระบบข้อมูลไทย “มีแต่ดีไม่พอ” อุปสรรคพัฒนาประเทศ
- 25 ชุดข้อมูลสำคัญ ขจัดคอร์รัปชันภาครัฐ
- ปลดล็อกข้อมูลราชการ สร้างความโปร่งใส




