ระบบ e-Living Will คืออะไร
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 หมวดที่ 1 สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ มาตรา 12 กำหนดว่า บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียง เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือ เพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ และหนังสือแสดงเจตนาแบบอิเลกทรอนิกส์ (e-Living Will) สามารถทำได้ตามพ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562
ระบบ e-Living Will จึงเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนสามารถจัดทำหนังสือแสดงเจตนาฯในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเอง ระบบจะเชื่อมโยงหนังสือแสดงเจตนาฯ ของประชาชนกับระบบบริการสาธารณสุขของสถานพยาบาลและภาคีเครือข่ายที่ขึ้นทะเบียนเข้าใช้ระบบ จะทำให้สามารถสืบค้น จัดเก็บข้อมูลให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยตามที่ได้แสดงเจตนาไว้
ทำไมต้องทำ e-Living Will
เพื่อสื่อสารกับครอบครัว ผู้ตัดสินใจแทนและบุคลากรสาธารณสุข ถึงความต้องการในการรับบริการทางการแพทย์ในระยะสุดท้ายของชีวิต โดยสถานพยาบาล ผู้จัดทำและผู้ตัดสินใจแทนสามารถเข้าถึงได้ง่ายสะดวกและปลอดภัย
ระบบมีความปลอดภัยแค่ไหน
พัฒนาโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ( หน่วยงานรัฐที่มีภารกิจส่งเสริมการทำ Living Will) ใช้ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) โดยการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID ของกรมการปกครองและเชื่อมโยงข้อมูลกับสถานพยาบาลและภาคเครือข่ายที่ขึ้นทะเบียนในระบบ
ทำได้ที่ไหน
ทุกที่ทุกเวลา บนอินเตอร์เน็ต
ผลที่ได้
- ประชาชนสร้างหนังสือแสดงเจตนาฯ จัดเก็บเข้าถึง และได้รับบริการตามเจตนาที่แสดงไว้
- สถานพยบาล ให้บริการ ดูแลสุขภาวะระยะท้ายให้ผู้ป่วยได้ตรงตามเจตนาและเคารพศักดิ์ศรีของคนไข้
- ภาคีเครือข่าย ให้บริการแนะนำการดูแลส่งเสริมให้เกิดการเตรียมตัวตายและการตายดี
- สช. ระบบส่งเสริมและเอื้ออำนวยให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพ เรื่องการแสดงเจตนาตามมาตรา 12 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (รวดเร็ว มั่นคงปลอดภัยและเชื่อถือได้)
ประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
- ระบบสุขภาพลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้โดยไม่ลดคุณภาพและมาตรฐานการดูแล
- สังคม มีสุขภาวะทางปัญญา มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมของชีวิตไว้ล่วงหน้าเพื่อการตายดี
ภญ.เนตรนภิส สุชนวนิช ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ระบุว่าจากการขับเคลื่อนมาตรา 12 ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี มีประชาชนได้จัดทำ LW ทั้งในระบบและนอกบริการสาธารณสุขไปแล้วกว่า 200,000 ฉบับ คิดเป็น 0.3 % ของประชากรไทยทั้งหมดจำนวน 65 ล้านคน
ปัจจุบัน ระบบที่ทำกันอยู่ในเป็นการระบบที่แต่ละส่วนงานได้ทำการออกแบบ ยังไม่มีจุดรวมของเลขที่เอกสารและแหล่งที่เก็บเพื่อค้นหาและนำมาใช้ อีกทั้ง แบบฟอร์มมีความหลากหลาย ขาดมาตรฐานข้อมูลกลาง หลายครั้งที่ต้องใช้วิจารณญาณหรือดุลพินิจในการตีความ ซึ่งอาจทำให้แพทย์ผู้รักษาไม่สามารถดำเนินการตามเจตนารมย์ของผู้ป่วย
นอกจากนั้น ระบบ LW ยังขาดการจัดระบบข้อมูลเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันในยามที่ต้องการ เช่น ภาวะฉุกเฉิน
ภญ.เนตรนภิส กล่าวอีกว่าการพัฒนาให้มีการจัดการระบบสารสนเทศที่สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนและใช้ประโยชน์ข้อมูลการแสดงเจตนารมย์ของประชาชนร่วมกันระหว่างสถานบริการ จะช่วยให้ประชาชนและผู้ป่วยสามารถเข้าถึงระบบบริการตามเจตนาได้และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้สะดวกยิ่งขึ้น
สิทธิการตายดีตามมาตรา 12
- สิทธิของผู้ป่วยตามกฎหมายและแนวปฏิบัติทางการแพทย์ในระดับสากล
- รับรองสิทธิของบุคคลในการทำหนังสือเจตนาไม่ประสงค์รับบริการสาธารณสุข ที่เป็นเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตนหรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย (การดำเนินการตามหนังสือฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง)
- Living will เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ Advance Care Planning และ Palliative care เป็นเครื่องมือสื่อสาร ผู้ป่วย ญาติและผู้ให้การรักษา
แต่คำถามว่าขั้นตอนไหน อายุเท่าไร ควรทำ e-Living will และควรเตรียมตัว ซึ่ง ภญ.เนตรนภิส กล่าวว่าเราสามารถจัดการตัวเองได้ตั้งแต่ช่วงเรียนหนังสือยังไม่จบมาทำงาน ซึ่งการทำแล้วก็สามารถแก้ไขได้ตลอด เพราะในช่วงชีวิตอาจเกิดสถานการณ์ได้ทุกช่วงเวลา
“อยากให้มีการรณรงค์ตั้งแต่ต้น ให้เข้าใจความตายว่าเป็นเรื่องปกติ อยากให้มีการทำ”
ภญ.เนตรนภิส ย้ำว่าการทำ Living will ไม่ได้หมายความว่าทำตอนท้ายของชีวิต แต่ให้เข้าใจว่าเป็นการวางแผนให้กับชีวิต โดยมีเจตนาว่าเราจะไม่เบื่อชีวิต อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยไม่ทราบสิทธิตรงนี้ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งสามารถดำเนินการได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: