แม้ข้อถกเถียง กรณีการขยายอายุเกษียณ ในวงราชการจาก 60 ปีเป็น 65 ปี ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ ภาคเอกชน มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ในการสร้างคุณค่าให้กับผู้สูงอายุ และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
รายงาน ภาวะสังคมไทยไตรมาส สาม ปี2568 ปีที่ 24 ฉบับที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงาน เศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy )และโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เห็นความท้าทาย หลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ที่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า ไทยมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุมากถึง 14.02 ล้านคน หรือคิดเป็น20% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) ภายในปี 2576 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่เพียงเป็นความท้าทายเชิงนโยบาย แต่ยังเปิดโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “เศรษฐกิจสูงวัย” ( Silver Economy) ซึ่งผู้สูงอายุสามารถเป็นได้ทั้งผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้าและบริการ และผู้ผลิตที่นำเอาความรู้ประสบการณ์มาใช้ในการทำงาน
ขณะที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายของผู้สูงอายุจะเติบโตจาก 2.18 ล้านล้านบาท ในปี 2566 เป็น 3.50 ล้านล้านบาท ในปี 2576 โดย 67 % เป็นมูลค่าเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจสามารถสร้างแบบจำลองธุรกิจใหม่ (New Business Model)ที่สร้างรายได้ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุ
เปลี่ยนประสบการณ์ “ผู้สูงอายุ”เป็นรายได้
การจ้างแรงงานสูงอายุที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มงานพื้นฐานในโรงงานอุตสาหกรรมงานทำความสะอาด งานบริการโรงแรม และงานบริการ และจำหน่ายสินค้าส่ง – ค้าปลีก ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะสูง ขาดความยืดหยุ่น และ ผู้สูงอายุ ไม่สามารถนำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาต่อยอด และอาจไม่ตรงกับความต้องการหรือวิถีดำเนินชีวิต รวมถึงข้อจำกัดด้านอัตราตำแหน่งที่เปิดรับและระยะเวลา ในการทำงาน
แต่ปัจจุบัน โอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้แก่ผู้สูงวัยที่ยังคงมีศักยภาพ ให้ผู้สูงอายุสามารถเลือกงาน และเวลาที่ต้องการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
อาทิ แกร็บวัยเก๋า ภายใต้บริษัทแกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ให้เล็งเห็นและสนับสนุนโอกาสการสร้างรายได้ พร้อมทั้งส่งเสริมคุณค่าของตัวเองในผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงสามารถทำงานได้ ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์คนขับรถยนต์เพื่อให้บริการรับ – ส่งผู้โดยสาร หรือจัดส่งอาหารหรือพัสดุบนแพลตฟอร์ม
ที่ผ่านมาสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในการจัดอบรมทักษะการใช้แอปพลิเคชัน โดยในปี 2565 มีผู้สูงอายุสมัครเข้าร่วม 3,700 คน และเพิ่มเป็นกว่า 1 หมื่นคน ในปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินการและเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับผู้ขับสูงวัยมากขึ้น
เปิดพื้นที่ผู้สูงอายุ เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่น่าสนใจ ที่เรียกว่า “ บริการเช่าลุง เช่ายาย ของ JoyLife” ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุผ่านการเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ โดยเปิดพื้นที่ให้บุคคลทั่วไปสามารถขอรับคำแนะนำ แลกเปลี่ยนมุมมองชีวิต หรือขอกำลังใจจากผู้สูงวัยที่มีประสบการณ์ชีวิต และ มีทัศนคติเชิงบวก รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ การทำบุญ การออกกำลังกาย อันเป็นการสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคมมากยิ่งขึ้น
โดยในประเทศญี่ปุ่นมีธุรกิจในลักษณะเดียวกัน คือ การเช่าลุง(Ossan Rental) ซึ่งผู้สูงอายุบางคนสามารถสร้างรายได้มากกว่า 27,000 บาทต่อเดือน โดยธุรกิจการจ้างงานผู้สูงอายุรูปแบบใหม่นี้ สะท้อนให้เห็นว่า การทำธุรกิจกับผู้สูงวัยไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าหรือบริการเพื่อตอบสนองผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถนำคุณค่าของผู้สูงอายุมาตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มอื่นในสังคมได้ด้วย
“เพื่อน”ผู้สูงวัยดูแลสุขภาพกาย
จากปัญหาด้านสุขภาพภาระพึ่งพิง และการอยู่ลำพัง กำลังเป็น ความท้าทายใหญ่ของสังคม ทำให้โอกาสของธุรกิจดูแลสุขภาพกายและการบริหารมีมากขึ้น โดยเฉพาะการมีผู้ดูแลชั่วคราวที่เข้ามาตอบโจทย์การอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน อาทิ Go MAMMA ในเครือข่าย Care Connect22 ที่เห็นถึงความลำาบากในการเดินทางของผู้สูงอายุ ปัญหาลูกหลานไม่มีเวลาว่าง และผู้ให้บริการรถสาธารณะที่ยังขาดความเข้าใจในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุ
ธุรกิจจัดให้มีบริการรถแท็กซี่ สำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ตั้งแต่รับจากบ้าน รอระหว่างทำธุระ ไปจนถึงส่งกลับบ้าน สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเดินทางไปพบแพทย์ ทำธุระส่วนตัว หรือเยี่ยมญาติ แต่ไม่สะดวกในการขับรถเองหรือไม่มีผู้ดูแลร่วมเดินทาง
โดยมีคนขับรถที่ผ่านการอบรมหลักสูตรช่วยชีวิต ( CPR) และจิตวิทยาเบื้องต้นที่สามารถดูแลผู้โดยสารสูงวัยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มีการรับส่งผู้สูงอายุแล้วกว่า 500 ราย และกว่า5,000 เที่ยวเดินทาง
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่าง บ้านตัดเล็บสุขภาพ ตลาดน้อย ที่ให้บริการดูแลสุขภาพเล็บโดยพยาบาลวิชาชีพ วัยเกษียณ เป็นผู้ให้บริการตัดเล็บตามหลักทางการแพทย์ เพื่อช่วยรักษาผู้สูงอายุที่มักประสบปัญหาเล็บงอก/งอผิดปกติ รวมถึงผู้สูงอายุป่วยติดเตียงและเสี่ยงติดเชื้อที่ไม่สามารถตัดเล็บได้เอง อาทิ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ทานยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเขตในกรุงเทพฯ และกลุ่มพยาบาลจิตอาสา เพื่อส่งเสริมสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุในชุมชน
“ธุรกิจ” ส่งเสริมสุขภาพจิต พาผู้สูงอายุเที่ยว
แนวโน้มผู้สูงอายุ ต้องอาศัยอย่างโดดเดี่ยว และขาดการมีส่วนร่วมต่าง ๆถึงแม้ว่าไทยจะมีธุรกิจด้านนันทนาการและบริการท่องเที่ยวอยู่มากมาย แต่การจัดกิจกรรมและโปรแกรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด จึงเกิดธุรกิจด้านนันทนาการที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุ
อาทิ ทัวร์สูงวัย หัวใจฟรุ้งฟริ้ง โดยบริษัท ทัวร์ฟ้าใส จำกัด ที่ได้จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ออกแบบสำหรับผู้สูงวัย ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเน้นให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อจำกัดด้านกายภาพ โดยจะมีทีมงานที่ผ่านหลักสูตรการปฐมพยาบาลประจำอย่างน้อย 2 คนต่อกลุ่ม คอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินตลอดจน การรายงานสถานการณ์ระหว่างเดินทางแก่ครอบครัวผ่าน LINE อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและลดความกังวล
นอกจากนี้ ในโปรแกรมยังจัดกิจกรรมสันทนาการที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้ผู้สูงอายุได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนวัยเดียวกัน และมียังแฮปปี้ (YoungHappy) ยังเข้ามามีบทบาทส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการสร้างพื้นที่ให้ผู้สูงวัยได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมทางสังคมด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันทั้งในรูปแบบนอกสถานที่ และออนไลน์
อาทิ คลาสศิลปะ อบรมกายภาพบำบัด โดยมีทั้งที่เสียค่าใช้จ่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดด้านทุนทรัพย์สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมกว่า 6 หมื่นคน ครอบคลุม 74 จังหวัด ดำเนินกิจกรรมไปแล้วกว่า 800 รายการ
นอกจากนี้ยังแฮปปี้ได้จัดโครงการ House to Homestay เปลี่ยนบ้าน สร้างรายได้ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่สนใจ อยากเป็นผู้ประกอบการโฮมสเตย์ ได้เรียนรู้วิธีการปรับปรุงบ้านเพื่อรองรับผู้เข้าพัก การให้บริการและพัฒนาการบริหารจัดการ การเข้าถึงแหล่งทุน ทักษะความรู้ทางด้านการเงินตลอดจนขั้นตอนการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายให้สามารถเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้
แนะสร้างกลไกส่งเสริมผู้สูงวัยเริ่มธุรกิจ
ตัวอย่างข้างต้น สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ควรมีกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนและยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจสูงวัยของไทย ได้แก่ การจัดทำยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจสูงวัยที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (growth engine) รวมทั้งกำหนด หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน
อาทิ กรมกิจการผู้สูงอายุที่เป็นหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาท ทั้งการส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายทุกภาคส่วนในการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ/คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ รวมถึงมีการบริหารจัดการกองทุนผู้สูงอายุ และยังมีศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ต้องสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้ผู้สูงอายุคงอยู่ในตลาดแรงงาน โดยส่งเสริมการฝึกอบรม reskill upskill newskill ในทักษะที่จำเป็น และเป็นที่ต้องการของตลาดตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ การสร้างอาชีพจากความเชี่ยวชาญและ ภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ การสร้างกลไกสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงตลาดงานและสามารถพัฒนาเป็นกำลังแรงงานได้ตลอดช่วงชีวิต ตลอดจนการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและระบบสนับสนุนที่ความจำเป็นในการเริ่มต้นธุรกิจเป็นผู้ประกอบการสูงวัย (Olderpreneur)
รวมถึงพัฒนาฐานข้อมูล ที่ครอบคลุมทั้งข้อมูล สินค้า และบริการ สำหรับผู้สูงอายุที่มีอยู่ในระบบเพื่อเผยแพร่และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน รวมถึงข้อมูลการวิจัยและพัฒนาที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เกิดน้อยกว่าตาย 5 ปีซ้อน เสี่ยงเผชิญวิกฤตประชากร ฉุดเศรษฐกิจประเทศ
- ตายโดดเดี่ยว: ปรากฏการณ์ผู้สูงอายุในสังคมไทย
- เหตุผลต้องสร้างเศรษฐกิจผู้สูงวัย เพราะสังคมสูงวัยระดับสุดยอดของไทย “น่ากลัว”




