สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงาน “แนวทางการบริหารจัดการหนี้สินผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Comp any: AMC)” โดยเปรียบเทียบจากมาตรการในต่างประเทศ เมื่อดูว่าหากรัฐบาลนำมาใช้จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ จากมาตรการที่ประกาศหลักการไปแล้ว
แม้ที่ผ่านมา หน่วยงานอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และกระทรวงการคลัง ช่วยเหลือ “หนี้” ในหลายโครงการ ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ แต่มาตรการซื้อหนี้เสีย ยังไม่ได้ดำเนินการ แม้จะเคยมีการเสนอมาแล้วในรัฐบาลก่อน
ทุกฝ่ายร่วมผลักดันแก้หนี้ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้”
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่รายได้ของครัวเรือนจำนวนมากยังฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง ครัวเรือนกลุ่มเปราะบางยังมีปัญหาในการชำระหนี้และกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงิน จึงได้ร่วมกันดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ขึ้น ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้”
โดยการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจที่จะดำเนินการเพียงครั้งเดียว มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้รายย่อยที่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) ส าหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน และมีวงเงินรวมทุกบัญชีไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568
วัตถุประสงค์ดึงหนี้เสียออกจากสถาบันการเงิน
เมื่อพิจารณากรณีศึกษาในต่างประเทศ พบว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินผ่านกลไกการรับซื้อหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยทั่วไปจะมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายโอนความเสี่ยงด้านเครดิตออกจากสถาบันการเงิน
ที่ผ่านมามีหลายประเทศที่เคยประสบปัญหาคุณภาพสินเชื่อ และแก้ไขปัญหาด้วยกลไกดังกล่าวหลายกรณี สรุปได้ ดังนี้

จากการทบทวนแนวทางการรับซื้อหนี้ของ AMC ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะเป็นการรับซื้อหนี้ของภาคธุรกิจและเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน ยกเว้น KAMCO ของประเทศเกาหลีใต้ ที่มีการรับซื้อหนี้รายย่อยร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ KAMCO ประสบความสำเร็จในการรับซื้อหนี้ส่วนบุคคล คือ การมีแผนช่วยเหลือลูกหนี้หลากหลายโดยใช้ข้อมูลเครดิต (Credit Bureau) ในการบริหารจัดการ และที่สำคัญเป้าหมายหลักของโครงการไม่ได้มุ่งทำกำไรทางการเงิน แต่เน้นแก้ปัญหาสังคม
แนะยกระดับจัดทำฐานข้อมูล
สำหรับประเทศไทย ได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งลูกหนี้ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงเป็นลูกหนี้กลุ่มที่มีหลักประกัน (สินเชื่อบ้าน) โดยกลุ่มลูกหนี้กลุ่มที่ไม่มีหลักประกันมีการเข้าร่วมโครงน้อย
ดังนั้น ความท้าทายของโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ในครั้งนี้ คือ การสนับสนุนหรือสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้เข้าร่วมโครงการให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกหนี้ได้มีช่องทางในการปรับปรุงสถานะหนี้ให้กลับมาสู่หนี้ปกติได้เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ในระยะต่อไป
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ประเทศไทยควรมีการยกระดับฐานข้อมูลหนี้สินครัวเรือนให้ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทุกประเภท ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนให้การปล่อยสินเชื่อใหม่หลังสิ้นสุดโครงการฯ ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามศักยภาพของลูกหนี้อย่างแท้จริง
ที่มา: ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี 2568-69, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:




