ประเทศไทยประกาศเป้าหมาย Net Zero ใหม่ โดยปรับให้เร็วขึ้น 15 ปี โดย ลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050 จากเดิมคือปี 2065 รวมถึงปรับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในแผน NDC 3.0 เป็น 47% ในปี 2035 เมื่อเทียบกับปี 2019
การเดินสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกเร็วขึ้น 15 ปี จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้า พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ กฎหมายโลกร้อย ยังไม่บังคับใช้ กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.68 คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ กฎหมายโลกร้อน เพื่อยกระดับ “ระเบียบฯ ปี 2550” ขึ้นเป็นกฎหมายแม่บทด้าน Climate ของประเทศ รองรับพันธกรณี UNFCCC และเป้าหมาย “คาร์บอนเป็นกลางปี 2593-สุทธิเป็นศูนย์ปี 2608”
กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ไทยมี เครื่องมือรับมือโลกร้อนอย่างเป็นระบบ และเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2050 (พ.ศ. 2093) อย่างเป็นรูปธรรม
แต่จะผลักดันได้แค่ไหน เพราะ อนุทิน ชาวีรกูล นายกรัฐมนตรี ย้ำหลายครั้งว่าจะยุบสภาตามกำหนดเดิม นั่นหมายความว่ารัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือนในการบริหารงาน แต่การพิจารณาพระราชบัญญัติแต่ละฉบับมักจะใช้เวลานานกว่าจะมีผลบังคับใช้ หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ร่างกฎหมายก็มีความเสี่ยงมากที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
แต่หากแกนนำรัฐบาลังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และเห็นว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ก็จะทำให้ร่างพระราบัญญัติได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
กฏหมายมี 14 หมวด 205 มาตรา บริหารโลกร้อน
ร่างกฎหมายโลกร้อน ประกอบด้วย 14 หมวด 205 มาตรา พร้อมบทเฉพาะกาล กำหนดกรอบบริหารจัดการสภาพภูมิอากาศที่ เชื่อมโยง “รัฐ-เอกชน-ประชาชน” เข้าด้วยกัน อย่างเป็นระบบ ตั้งเป้าให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลภายใต้การกำกับของ
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ร่างกฎหมายฯ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นทางการ พร้อมปรับปรุงร่างตามข้อเสนอของ ภาคธุรกิจ เกษตรกร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม
“ขั้นตอนต่อไปคือเสนอเข้าสู่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายมาตรา ก่อนส่งเข้าสู่รัฐสภาเพื่อพิจารณาบังคับใช้โดยเร็ว ลุยETS-ภาษี-CBAM-คาร์บอนเครดิต”
สุชาติ บอกด้วยว่า หนึ่งในหัวใจสำคัญของร่างกฎหมาย คือ การนำกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) มาใช้เพื่อให้ภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตและการค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่เพิ่มภาระต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องมือที่เตรียมบังคับใช้ ได้แก่
ระบบซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)ภาษีคาร์บอนในประเทศมาตรการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ให้เทียบเคียงมาตรฐาน EUระบบคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซและดูดซับคาร์บอน
เครื่องมือเหล่านี้ถือเป็นใบเบิกทางให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก หลังประเทศคู่ค้าหลายแห่ง เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่น เดินหน้ามาตรการคาร์บอนเข้มข้นอย่างจริงจัง
ตั้งคณะกรรมการโลกร้อน 4 คณะ
ร่างกฎหมายโลกร้อนมีการกำหนดให้มีคณะกรรมการ 4 คณะ
- คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอนโยบาย เป้าหมายและมาตรการด้านการลดก๊าซเรือนกระจก เสนอแผนแม่บท แผนลดก๊าซเรือนกระจก และแผนการปรับตัวเสนอแนวทางและท่าทีในการเจรจาในเวทีระหว่างประเทศ
- คณะกรรมการกองทุนภูมิอากาศ มีอำนาจหน้าที่ เช่น กำหนดนโยบายและออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งในการบริหารกิจการของกองทุน และปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นในวัตถุประสงค์ของกองทุน
- คณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน มีอำนาจหน้าที่ เช่น ประเมินผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกองทุน รายงานข้อจำกัดหรืออุปสรรคของการดำเนินกิจการของกองทุน
- คณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2550) โดยเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ เช่น กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจวัดจัดทำ ทวนสอบ และนำส่งรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จัดตั้งกองทุนภูมิอากาศเป็นนิติบุคคล
กำหนดให้จัดตั้งกองทุนภูมิอากาศ โดยมีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ มุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เสมอภาคและเป็นธรรม สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและศักยภาพให้กับประเทศไทยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กำหนดให้เงินและทรัพย์สินของกองทุนมาจากรายได้ต่าง ๆ เช่น เงินรายได้ที่เกิดขึ้นจากระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เงินรายได้ที่เกิดขึ้นจากกลไกการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน เงินค่าธรรมเนียมจากการอนุญาตการใช้คาร์บอนเครดิต เงินรายได้ที่เกิดขึ้นจากมาตรการ หรือกลไกต่าง ๆ เงินอุดหนุน เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับจากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ เงินค่าปรับเป็นพินัย
ทั้งนี้ เงินและทรัพย์สินของกองทุนที่ได้รับดังกล่าว ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย และกำหนดให้กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ เช่น ถือกรรมสิทธิ์มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ ก่อตั้งสิทธิ หรือกระทำนิติกรรมใด ๆ หาประโยชน์จากทรัพย์สินของกองทุน และกระทำการอื่นใดเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
“ฐานข้อมูล– แผนปฏิบัติ”ลดก๊าซเรือนกระจก
กำหนดให้จัดทำฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์จากแหล่งกำเนิดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดกลับโดยธรรมชาติ หรือกิจกรรมของมนุษย์ และปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิตามกรอบระยะเวลาของแผนลดก๊าซเรือนกระจก โดยให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนมีหน้าที่จัดเก็บและรายงานทั้งมูลกิจกรรม เพื่อใช้ในการจัดทำฐานก๊าซเรือนกระจก
กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายฯ จัดทำแผนปฏิบัติการ เรียกว่า “แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ” เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐตามเป้าหมายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยให้สอดคล้องกับแผนแม่บท
กำหนดระบบซื้อขายสิทธิปล่อยก๊าซเรือนกระจก
กำหนดให้มีระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่และอำนาจ เช่น จัดให้มีระบบทะเบียนและบัญชี เพื่อการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับระบบการซื้อขายสิทธิ
ดำเนินการให้นิติบุคคลควบคุมได้รับการจัดสรรสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (โดยวิธีการให้เปล่าหรือการประมูล) ตามแผนการสรรสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนิติบุคคลควบคุมต้องยื่นคำขอเพื่อรับการจัดสรรสิทธิอย่างน้อย 8 เดือน ก่อนวันเริ่มต้นของระยะเวลาจัดสรร
ทั้งนี้ นิติบุคคลควบคุมสามารถโอน รับโอน ซื้อ หรือขาย ซึ่งสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างกันได้ในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือช่องทางที่กำหนดในกฎกระทรวง สามารถนำคาร์บอนเครดิตที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดมายื่นคำขอให้แปลงเป็นสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
และนิติบุคคลควบคุมต้องคืนสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้แก่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดของแต่ละปีดำเนินการ
กลไกการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน
ให้มีกลไกการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน เพื่อจัดการกับการรั่วไหลของคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตสินค้านำเข้าตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยผู้นำเข้าต้องขึ้นทะเบียนและชำระราคาใบรับรองการปรับราคาคาร์บอนของสินค้าที่นำเข้าตามที่กำหนดดังกล่าว เป็นจำนวนเท่ากับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ระบุไว้ในปีปฏิทินก่อนหน้าให้แก่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม ภายใน 5 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดปีปฏิทิน
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าอาจนำหลักฐานการชำระราคาคาร์บอนที่ได้ชำระไปแล้วตามกฎหมายในประเทศผู้ผลิตสินค้าที่นำเข้ามาเพื่อขอลดหย่อนราคาที่ต้องชำระสำหรับใบรับรองการปรับราคาคาร์บอนได้
กำหนดภาษีคาร์บอนจากสินค้า 31 ประเภท
กำหนดให้มีภาษีคาร์บอนที่เรียกเก็บจากสินค้า 31 ประเภท และอาจกำหนดสินค้า อื่น ๆ เพิ่มเติม โดยออกเป็นกฎกระทรวง โดยให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรม หรือผู้นำเข้ามีหน้าที่เสียภาษีตามปริมาณของสินค้าตามพิกัดอัตราภาษีที่กำหนดในกฎกระทรวงไม่เกินอัตราที่ระบุไว้ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (ไม่เกิน 12-120 บาท/หน่วยสินค้า
เช่น น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ภาษีคาร์บอน 80 บาท/ลิตร ดีเซลหมุนเร็ว บี 7ภาษีคาร์บอน 93 บาท/ลิตร) กำหนดการยื่นแบบรายการภาษีและการชำระภาษี
ให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร เป็นผู้เรียกเก็บภาษีคาร์บอน กำหนดให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต และพนักงานศุลกากร มีอำนาจประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมีสิทธิอุทธรณ์กำหนดให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมีสิทธิขอลดหย่อนภาษีได้ และมีสิทธิได้รับคืนเงินภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กำหนดการบังคับชำระภาษีค้าง และกำหนดการจัดเก็บเงินภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่เกิน 10 % ของภาษี
กำหนดกลไก ซื้อ ขาย คาร์บอนเครดิต
กำหนดให้คาร์บอนเครดิตถือเป็นทรัพย์สินและสามารถโอน รับโอน ซื้อ ขาย หรือจำหน่ายโดยประการอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ โดยให้คาร์บอนเครดิตที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ภายในประเทศหรือวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ต้องเป็นคาร์บอนเครดิตจากโครงการการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และได้รับการรับรอง สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
และได้รับอนุญาตตามหลักเกณฑ์และธุรกิจและบริการคาร์บอนเครดิต ทั้งนี้ วิธีการโอน รับโอน ซื้อ ขาย หรือจำหน่ายโดยประการ ซึ่งคาร์บอนเครดิตให้มีผลต่อเมื่อจดทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และผู้ประกอบธุรกิจคาร์บอนเครดิตต้องขึ้นทะเบียนการประกอบธุรกิจคาร์บอนเครดิตกับคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าชเรือนกระจก
จัดทำ“แผนการปรับตัว “รับโลกร้อน”
กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติจัดทำแผนนโยบายเรียกว่า “แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ” เพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริม สนับสนุน และวางแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดความสูญเสียและความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำหรับกรณีที่จังหวัดหรือท้องถิ่นใดได้รับผลกระทบหรือมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้จังหวัดหรือท้องถิ่นนั้นโดยการสนับสนุนของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการระดับจังหวัดหรือท้องถิ่น
ทำมาตรฐาน “เศรษฐกิจสีเขียว”
กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ จัดให้มีมาตรฐานกลางในการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เรียกเรียกว่า “มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจตรงกันและมีจุดยึดโยงให้นำไปใช้อ้างอิงในการประเมินสถานการณ์ดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วางแผนเชิงกลยุทธ์ กำหนดนโยบายและแผนปฏิบัติการ รวมถึงจัดสรรและใช้จ่ายเงินทุนได้อย่างมีมาตรฐานสอดคล้องกัน
นอกจากนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการนำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้
ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 3หมื่น-3แสนบาท
กำหนดความผิดและโทษ สำหรับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ตามระดับความรุนแรงของผลกระทบจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อป้องกันยับยั้งมิให้มีการกระทำ ฝ่าฝืนมาตรการบังคับ และป้องกันมิให้เกิดผลร้ายอันเกิดขึ้นจากการฝ่าฝืนนั้น รวมถึงจูงใจให้บุคคลภายใต้บังคับปฏิบัติตามกฎหมาย ในกรณีต่าง ๆ
เช่น รายงานข้อมูลอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อมูลมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 300,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 3,000 บาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
หากไม่นำส่งรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย ไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ก.ทรัพยากรฯเตรียมจัดรับฟังความเห็น
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคาดว่าต้องใช้งบประมาณในการปฏิบัติตามและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายในระยะ 3 ปีแรก จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ จำนวน 392,513,998 บาท และต้องเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น จำนวน 155 อัตรา
นอกจากนี้ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งได้จัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 แล้ว และได้เสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองกรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวม 77 ฉบับ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:




