โครงการบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (Copernicus Climate Change Service – C3S) ของสหภาพยุโรป (EU) รายงานว่า ทวีปยุโรปตกอยู่ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วที่สุดในโลก และค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิที่สูงขึ้นในแต่ละทศวรรษคือ 0.53°C ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา
แต่ทว่า… อาร์กติกตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วมากกว่ายุโรปเสียอีก ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิที่สูงขึ้นในแต่ละทศวรรษคือ 0.69°C
ทำไม อัตราความร้อนเพิ่มขึ้นจึงแตกต่างกัน?
สาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อนคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่การที่ในแต่ละพื้นที่ทั่วโลกเจอกับอุณหภูมิที่อุ่นเพิ่มขึ้นที่แตกต่างกันไปนั้น เกิดได้จากหลายปัจจัย
โดยทั่วไป พื้นที่ที่เป็นดินมักจะอุ่นกว่ามหาสมุทร เพราะมหาสมุทรมีความสามารถในการดูดซึมความร้อนได้ดีกว่า การเปลี่ยนแปลงของทิศทางลม หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพชั้นบรรยากาศ ก็สามารถนำพาไปสู่ความแตกต่างระหว่างภูมิภาคได้
คุณภาพของอากาศก็สามารถสร้างความแตกต่างได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาสเยอะ จะมีปริมาณของ Atmospheric Aerosols หรือละอองในชั้นบรรยากาศที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณของรังสีแสงอาทิตย์ที่จะมาถึงพื้นผิวโลก เหตุการณ์อย่างนี้จะสามารถช่วยชดเชยสภาวะโลกร้อยที่เกิดขึ้นจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทำไมถึงเป็นยุโรป?
ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา ยุโรปมีค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิที่สูงขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยนของโลก มีหลายปัจจัยที่ช่วยอธิบายเหตุการณ์นี้ได้
- Changing weather patterns การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและการหมุนเวียนของอากาศส่งผลให้ คลื่นความร้อนในยุโรปรุนแรงขึ้นและเกิดถี่ขึ้น มีรายงานว่าจำนวนวันที่ร้อนมากในยุโรปกำลังเพิ่มขึ้น ในปี 2024 เป็นปีที่มีจำนวนวันที่ร้อนมากเป็นอันดับสอง และในช่วงต้นฤดูร้อนของปีนี้ 2025 ได้มีการเหตุการณ์ Heatwaves หรือ คลื่นความร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ในยุโรป
- Reduced air pollution ในอดีต ละอองในชั้นบรรยากาศมีส่วนช่วยลดปริมาณของรังสีแสงอาทิตย์มีมาถึงพื้นผิวโลก แต่ว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ยุโรปมีการติดตั้งการควบคุมคุณภาพอากาศ จึงส่งผลให้การปล่อยมลพิษลดลง ผลลัพธ์ที่ตามมาคือรังสีแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นมาถึงพื้นผิวโลก บวกกับปริมาณก้อนเมฆลดลง ทำให้ทวีปยุโรปร้อนเร็วขึ้น
- Geography ภูมิประเทศของยุโรปมีพื้นที่ที่เชี่ยมต่อกับบริเวณพื้นที่อาร์กติก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงขึ้นเร็วที่สุดในโลก
การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ Arctic ทวีคูณ
สถานการณ์ Arctic Amplification กำลังเกิดขึ้นอยู่ และสถานการณ์นี้หมายถึงการที่พื้นที่อาร์กติกเจอกับสภาวะที่อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นเร็วขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยนโลกหลายเท่า สถานการณ์นี้มีหลายปัจจัยเชื่อมโยงกันอยู่
- Albedo feedback เมื่อโลกร้อน เหตุการณ์หิมะและน้ำแข็งละลายส่งผลให้สามารถเห็นชั้นผิวได้น้ำที่มีสีเข้มมากขึ้น ซึ่งจะสามารถดูดรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มขึ้น เหตุการณ์ลักษณะนี้จะยิ่งทวีคูณสภาวะโลกร้อนและนำไปสู่การละลายของแผ่นน้ำแข็งเพิ่มขึ้น เรียกว่าเป็น feedback loop
- Convection differences ในพื้นที่เขตร้อน Strong convection หรือการนำพาความร้อน หมายถึงการที่อากาศร้านลอยและเข้าไปอยู่ในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการกระจายตัวของความร้อนเป็นแนวตั้ง แต่ในพื้นที่อาร์กติกนั้นมีการนำพาความร้อนที่ต่ำเนื่องจากได้รับความร้อนที่น้อยกว่าจากพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นความร้อนจึงถูกกักเก็บอยู่บนพื้นผิว
- Lapse rate feedback ในพื้นที่ที่เย็นลง อย่างเช่น Arctic อากาศใกล้พื้นผิวโลกจะอุ่นเร็วกว่าอากาศในชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่งผลให้ความร้อนอยู่บนพื้นผิว และเพิ่มความรุนแรงให้กับโลกร้อน
- Water vapor transport รูปแบบการหมุนเวียนของบรรยากาศ มีลักษณะการเคลื่อนย้ายอากาศอุ่นชื้นจากเขตร้อนไปยังขั้วโลก เนื่องจากชั้นบรรยากาศที่อุ่นกว่ามีความสามารถในการกักเก็บความชื้นได้มาก ปริมาณไอน้ำที่เคลื่อนตัวไปยังขั้วโลกจึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะทำให้ภาวะโลกร้อนในอาร์กติกรุนแรงขึ้นไปอีก
มีพื้นที่ไหนในโลกที่ ‘เย็นขึ้น’ ไหม?
นอกจากยุโรปและอาร์กติก ที่อุณหภูมิอุ่นขึ้นเร็วกว่าทั่วโลกแล้ว พื้นที่บนผืนดินหลาย ๆ ที่ก็เจออุณหภูมิที่สูงขึ้นในอันตราความเร็วที่แตกต่างกันไป พื้นที่อื่นๆ นี้ เช่นพื้นที่ที่อยู่สูงทางเหนือของเส้นศูนย์สูตร หรือบริเวณขั้วโลกเหนือ นอกจากอาร์กติก ยังมียุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก และตะวันออกกลางอีกด้วย
ถึงแม้อุณหภูมิของมหาสมุทรจะเจออุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน และมีส่วนของทะเลแอตแลนติกตอนเหนือ ทะเลแปซิฟิกใต้ และมหาสมุทรทางใต้ที่มีสัญญาณของอุณหภูมิที่เย็นลง
การเข้าใจความแตกต่างในแต่ละพื้นที่นั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในเชิงวิทยาศาสตร์ และช่วยให้แต่พื้นที่ได้มีมาตราการรับมือที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
อัพเดทผลกระทบโลกร้อน ไทยปรับตัวได้แค่ไหน?
อุณหภูมิกทม.ระอุใน 25 ปี คาดกว่า 30.5°C ปีละ 290 วัน
โลกแปรปรวนหนักใน 5 ปีจากนี้ไป ฝนถล่มซีกโลกภาคเหนือ-น้ำแข็งละลาย