การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 24 มิ.ย. 68 อนุมัติมาตรการการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนด้วยมาตรการทางภาษี โดยสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนเครื่องจักรประหยัดพลังงาน และสนับสนุนให้บ้านเรือนติดตั้งโซลาร์รูปท็อป ซึ่งสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามมาตรการแรกถึง 31 ธ.ค. 71 และ มาตรการที่ 2 ถึง 31 ธ.ค. 70
มาตรการสนับสนุนดังกล่าว มาจากไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26)
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จึงจัดทำแนวทางการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนด้วยมาตรการทางภาษี ซึ่งสรุปแนวทางการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนด้วยมาตรการทางภาษี คือ กรมสรรพากรสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ.) โดยทุกหน่วยงานเห็นด้วย
แนวทางการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนด้วยมาตรการทางภาษี 2 มาตรการ คือ
- การส่งเสริมการลงทุนและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานด้วยมาตรการทางภาษี
- การส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี
มาตรการส่งเสริมการลงทุนและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานด้วยมาตรการทางภาษี มีเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไปและนิติบุคคล โดสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่าของรายจ่าย
ทั้งนี้ ต้องได้มาและใช้ประโยชน์ภายใน 31 ธ.ค. 71 ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้นับแต่วันประกาศจนถึง 31 ธ.ค. 71
มาตรการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการทางภาษี กลุ่มเป้าหมายเป็นบุคคลธรรมดา สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 200,000 บาท
คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ 90,000 ราย โดมีผลบังคับใช้นับแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้จนถึง 31 ธ.ค. 70
ทั้งนี้ การดำเนินการทั้ง 2 มาตรการข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการสูญเสีย รายได้ของรัฐรวมทั้งสิ้นประมาณ 27,956.35 ล้านบาท
กระทรวงพลังงานคาดว่า การส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในภาคอุตสาหกรรมจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 254,063.22 ล้านบาท ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของประเทศประมาณ 30,268.16 ล้านหน่วยต่อปี ลดการนำเข้า Spot LNG เพื่อผลิตไฟฟ้า 110,188.33 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 15.34 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ในส่วนของการสนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) ในภาคครัวเรือนจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 20,250 ล้านบาท ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของประเทศ ประมาณ 584 ล้านหน่วยต่อปีลดการนำเข้า Spot LNG เพื่อผลิตไฟฟ้า 2,100 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 2.65 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
นอกจากนี้ ยังจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด ลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนการผลิต และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศในระยะยาว
สำหรับกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 มาตรการ ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ตาม มาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2481 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บัญญัติให้เงินได้พึงประเมิน คือ เงินได้ประเภท ต่อไปนี้
- 40 (1) ได้แก่ เงินได้จากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง โบนัส ฯลฯ
- 40 (2) ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ เช่น ค่านายหน้า ค่ารับจ้าง
- 40 (3) ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล
- 40 (4) ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ
- 40 (5) ได้แก่ (ก) การให้เช่าทรัพย์สิน (ข) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน (ค) การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน ซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว
- 40 (6) ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น วิชาชีพกฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี
- 40 (7) ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ
- 40 (8) ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์หรือเงินได้จากการอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในเงินได้ประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 เช่น ขายสินค้าออนไลน์
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
รัฐเน้นส่งเสริม “โซลาร์” แต่ขาดกลไกสนับสนุน