ThaiPBS Logo

มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร

นโยบายพักหนี้เกษตรกร เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระที่มี ต้นเงินคงเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 ก.ย. 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมีเกษตรกรที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว จำนวนกว่า 2.69 ล้านราย

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ตัดสินใจ
  • ดำเนินงาน
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ขั้นตอนวางแผน เสนอแผนงานต่างๆ

ตัดสินใจ

1 ต.ค.66-31 ม.ค. 67 เกษตรกรแจ้งความจำนง แสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่านแอปพลิเคชัน หรือขอคำแนะนำที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา เพื่อทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาเงินกู้

ดำเนินงาน

เกษตรกรเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 จำนวน 1,855,433 ราย จากผู้มีสิทธิ 2,101,794 ราย คิดเป็นต้นเงิน 257,248 ล้านบาท

ประเมินผล

ขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย

ภาพรวม

อ่านเพิ่มเติม

สถานการณ์ล่าสุด 

27 มิ.ย. 68 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) ได้พิจารณาวาระสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก และสร้างความมั่นคงให้เกษตรกรในระยะยาว โดยมีมติเห็นชอบในหลักการ ให้กรมการค้าภายใน ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำมาตรการ 4 โครงการ วงเงินงบประมาณรวม 50,038.67 ล้านบาท

  1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 ให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางตนเอง 1-5 เดือน ได้รับค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยราคาสินเชื่อข้าวหอมมะลิ 13,000 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ 11,500 บาทต่อตัน ข้าวเจ้า 8,000 บาท/ตัน ข้าวปทุมฯ 9,000 บาท/ตัน ข้าวเหนียว 10,000 บาท/ตัน วงเงินงบประมาณจ่ายขาดไม่เกิน 9,305.06 ล้านบาท
  2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน วงเงินจ่ายขาด 656.25 ล้านบาท
  3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2568/69 โรงสีเก็บสต็อก 2-6 เดือน รัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี เป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 642 ล้านบาท
  4. โครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี และส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ โดยให้ความช่วยเหลือเกษตรกร วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 39,435.36 ล้านบาท

รัฐบาลเพื่อไทย มีนโยบายภาคการเกษตรสำคัญใน 3 เรื่อง คือ แก้ปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร แก้ปัญหาที่ดินทำกินและเอกสารสิทธิ์ และปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างมี “นัยสำคัญ” ภายใน 4 ปี

รัฐบาลมีนโยบายพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อย ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินและสนับสนุนการฟื้นตัวของเกษตรกรหลังภาวะวิกฤต COVID-19 และเศรษฐกิจชะลอตัว โดยใน 26 ก.ย. 66 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรและบุคคลที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระที่มี ต้นเงินคงเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 ก.ย. 66 ไม่เกิน 300,000 บาท

เกษตรกรยื่นความประสงค์

เกษตรกรแจ้งความจำนง แสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่านแอปพลิเคชัน หรือ ขอคำแนะนำที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา เพื่อทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาเงินกู้ ใน 1 ต.ค.66 – 31 ม.ค. 67

เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ

  • เป็นลูกหนี้รายคน (เกษตรกรและบุคคล)
  • มีเงินต้นเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท
  • มีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระ (หนี้ค้างชำระ 0-3 เดือน และ หนี้ NPL)

 เกษตรกรที่เข้าเกณฑ์

  • 2.69 ล้านราย คิดเป็น 70% ของลูกหนี้ ธ.ก.ส. คิดเป็นมูลหนี้รวมประมาณ 280,000 ล้านบาท
  • เข้าร่วมโดยสมัครใจ
  • ต้องประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ (มีการประเมินทุกปี ตลอดระยะเวลามาตรการ 3 ปี)

ผู้เข้าร่วมมาตรการที่ประสงค์ชำระดอกเบี้ยค้างเดิมที่เกิดขึ้นก่อนเข้าร่วมมาตรการ ถ้าเป็นหนี้ปกติ ธ.ก.ส. จะเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยในอัตราส่วน 50:50 ของเงินที่นำมาชำระในแต่ละคราว และกรณีเป็นหนี้ค้างชำระ (NPL) ธนาคารจะจัดสรรชำระต้นเงินให้ทั้งจำนวนที่ลูกค้าส่งชำระในแต่ละคราว รวมทั้งสามารถเข้าร่วมมาตรการจูงใจตามโครงการชำระดีมีโชคของ ธ.ก.ส. ได้

ทั้งนี้ การแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ จะต้องเป็นไปตามความสมัครใจของลูกหนี้ โดยแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 จนถึง 31 ม.ค. 2567 รวม 4 เดือน

สำหรับลูกหนี้ที่ประสงค์จะออกจากการเข้าร่วมมาตรการจะต้องแจ้งความประสงค์ต่อ ธ.ก.ส. และต้องเป็นลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี ได้แก่ กรณีลูกหนี้ต้องการขอสินเชื่อใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจกับธนาคาร ซึ่งต้องสละสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการก่อนการยื่นขอสินเชื่อ และกรณีลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการ เช่น การไม่เข้าร่วมการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ประจำปี หรือไม่เข้าร่วมการอบรมและฟื้นฟูการประกอบอาชีพที่ ธ.ก.ส. กำหนด หรือก่อภาระหนี้เพิ่มขึ้นกับสถาบันการเงินอื่นระหว่างเข้าร่วมมาตรการ ธ.ก.ส. จะพิจารณาให้ออกจากมาตรการดังกล่าว

นอกจากการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อย รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับภารกิจในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระหนี้สินเกษตรกรรายย่อยและเพิ่มรายได้เกษตรกร โดยในระหว่างการพักชำระหนี้ ธ.ก.ส. ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาอาชีพ ทั้งอาชีพเดิม อาชีพเสริม และอาชีพใหม่ ภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” โดยร่วมมือกับส่วนงานภายนอกทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีไปใช้เพิ่มมูลค่าผลผลิต การลดต้นทุน การปรับปรุงพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างรายได้ เป้าหมายเกษตรกร 300,000 คนต่อปี

เช่น การส่งเสริมการปลูกผักระยะสั้น อาทิ การปลูกผักบนแคร่ของชุมชนห้วยเสือเต้น จังหวัดขอนแก่น และการปลูกผักสลัดและมะเขือเทศทานสดของฟาร์มศุข จังหวัดศรีสะเกษ ที่ส่งจำหน่ายไปยังโรงแรมหรือโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัด เพื่อเป็นการส่งเสริมการบริโภคท้องถิ่น

ธ.ก.ส. ยังเตรียมสินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ ในการจัดหาปัจจัยการผลิต วงเงินสูงสุด ไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้อย่างมั่นคง หลังจากการพักชำระหนี้

รัฐบาลจะสร้างรายได้ในภาคการเกษตรโดยใช้หลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคการเกษตรควบคู่ไปด้วยกัน จะมีการบูรณาการองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ ใช้การบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยนวัตกรรมเกษตรแม่นยำ (Precision Farming)การวิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น ตลอดจนการหาตลาดให้สินค้าเกษตรได้ขายในราคาที่เหมาะสม สนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ลำดับเหตุการณ์

  • มีรายงานว่า คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต เลื่อนประชุมพิจารณาโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 เพื่อรอ รมว.เกษตรและสหกรณ์ คนใหม่

    30 มิ.ย. 2568

  • คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) อนุมัติ 4 โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 เพื่อพยุงราคาข้าวเปลือก และลดต้นทุนการผลิต ใช้งบ 50,038.67 ล้านบาท

    27 มิ.ย. 2568

  • นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือภาครัฐ เอกชน เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ พร้อมรุกตลาดใน และต่างประเทศ

    13 พ.ค. 2568

  • ครม.รับทราบผลโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิก กฟก. ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ณ 21 มี.ค.68 ประสงค์เข้าร่วม 29,879 ราย ปรับโครงหนี้เสร็จ 19,636 ราย รอทำสัญญา 12,403 ราย เข้าเพิ่มเติม 23,569 ราย

    8 เม.ย. 2568

  • เริ่มโอนเงินงวดแรกเข้าบัญชีเกษตรกรในโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68 ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่/ครัวเรือน หรือ 10,000 บาท รวม4.61 ล้านครัวเรือน

    16 ธ.ค. 2567

  • ครม.เห็นชอบมาตรการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปี 67/68 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่และครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท รวม 4.61 ล้านครัวเรือน

    3 ธ.ค. 2567

  • คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 จำนวน 3 โครงการ วงเงินงบประมาณ 60,085.01 ล้านบาท

    8 พ.ย. 2567

  • ครม.เห็นชอบขยายเวลาแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) ออกไปเป็นระยะเวลา 5 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย. 72

    1 ต.ค. 2567

  • ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรให้กับลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 และระยะที่ 3 เป็นเวลา 2 ปี รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ เพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. โดยใช้งบประมาณปี 2569 และ 2570 รวม 23,172 ล้านบาท

    24 ก.ย. 2567

  • ธ.ก.ส. สรุป. ผู้มีสิทธิร่วมมาตรการพักชำระหนี้ฯ ระยะที่ 1 จำนวน 2,101,794 ราย โดยล่าสุด 31 สิงหาคม 2567 มีเข้าร่วม 1,855,433 ราย

    10 ก.ย. 2567

  • แถลงผลงานครบรอบ 60 วัน รัฐบาลระบุมีจำนวนเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 700,000 ราย   ดูเพิ่มเติม ›

    9 พ.ย. 2566

  • เกษตรกรแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ โดยทุกรายจะมีผลในสัญญาพร้อมกันในวันที่ 1 ต.ค. 2566

    1 ต.ค. 2566 - 31 ม.ค. 2567

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลระยะที่ 1

    26 ก.ย. 2566

  • ธ.ก.ส. ประกาศให้เกษตรกรแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่านแอปพลิเคชัน หรือ ขอคำแนะนำที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา

    26 ก.ย. 2566

  • รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หนึ่งในมาตรการเร่งด่วน คือ พักชำระหนี้กษตรกร

    11 ก.ย. 2566

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

ลูกหนี้รายย่อยที่เป็นเกษตรกร
2.69 ล้านราย คิดเป็น 70% ของลูกหนี้รายย่อยธ.ก.ส. รายละไม่เกิน 300,000 บาท มูลหนี้รวมประมาณ 280,000 ล้านบาท

เชิงกระบวนการ

เปิดเข้าร่วมโดยสมัครใจ
สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีการประเมินทุกปี และมีการฝึกอบรมเพิ่มทักษะหารายได้เพิ่ม

เชิงการเมือง

แก้ปัญหาหนี้เกษตรกร
เป้าหมายแก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อย โดยตั้งเป้าหมายจะมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังเสร็จสิ้นโครงการ

บทความ

ดูทั้งหมด
วิบากกรรมเกษตรกรไทย น้ำดี-ปลูกข้าวได้มาก-แต่ราคาร่วง

วิบากกรรมเกษตรกรไทย น้ำดี-ปลูกข้าวได้มาก-แต่ราคาร่วง

ตลาดข้าวไทยไม่สดใส จากแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกลดลง หลังอินเดีย-เวียดนาม เร่งส่งออกเพิ่มขึ้น สศช.คาดส่งออกลดลง กดดันราคาตกต่ำ ขณะที่ผลผลิตในประเทศอาจล้นตลาดจากปริมาณน้ำดี หนุนเกษตรกรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก

เกษตรกรกว่าครึ่งไร้ที่ทำกิน เกือบ 1 ใน 3 เช่าที่ดิน

เกษตรกรกว่าครึ่งไร้ที่ทำกิน เกือบ 1 ใน 3 เช่าที่ดิน

ผลการสำรวจครัวเรือนภาคเกษตร ย้ำให้เห็นถึงปัญหาเดิม ๆ ของเกษตรกร กว่าครึ่งไร้ที่ทำกิน สัดส่วนเช่าสูงถึง 28.91% ขณะที่พื้นที่เกษตร ใช้ปลูกข้าวมากที่สุด และพบว่ามีการใช้พื้นที่ทำการเกษตรเพิ่มขึ้น

หนี้ ออม ลงทุน: วังวนวงกตสำหรับกลุ่มฐานล่าง

หนี้ ออม ลงทุน: วังวนวงกตสำหรับกลุ่มฐานล่าง

การขยายตัวทางเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่อง ความเหลื่อมล้ำสูงต่อเนื่อง สังคมสูงวัยขึ้นเรื่อย ๆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น การเมืองไม่แก้ปัญหาระยะยาว

ชาวนาทุกข์ซ้ำซาก “ข้าวราคาตก“ ต้องแก้มากกว่าอัดฉีดเงิน

ชาวนาทุกข์ซ้ำซาก “ข้าวราคาตก“ ต้องแก้มากกว่าอัดฉีดเงิน

ข้าวราคาตกต่ำ เป็นปัญหาที่ยากควบคุม เนื่องจากผลิตล้นตลาดและเป็นไปตามกลไกตลาดโลก แต่ผลกระทบกับชาวนาสามารถแก้ไขได้ หากมีมาตรการแก้ปัญหาภาคเกษตรอย่างจริงจัง รัฐบาลต้องจริงจังและมีมาตรการระยะยาวแก้ปัญหาภาคเกษตร ไม่ควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นครั้งคราว

“เปิบข้าว” บทเพลงชีวิตชาวนากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ : นโยบายรัฐบาล คือ เงื่อนไขแห่งความอยู่รอด

“เปิบข้าว” บทเพลงชีวิตชาวนากับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ : นโยบายรัฐบาล คือ เงื่อนไขแห่งความอยู่รอด

ทำอย่างไรก้าวให้พ้น วงจรอุบาทว์ ประชานิยมภาคเกษตร

ทำอย่างไรก้าวให้พ้น วงจรอุบาทว์ ประชานิยมภาคเกษตร

นักวิชาการด้านการเกษตร มองนโยบายพักหนี้เกษตรกรเป็นนโยบายประชานิยม ยิ่งทำให้เป็นหนี้เพิ่ม ไม่ช่วยให้หลุดพ้นความยากจนได้ และยังเป็นกับดักให้คนรอแต่ความช่วยเหลือ แนะรัฐบาลมุ่นเน้นแก้ปัญหาระยะกลาง-ยาว เพิ่มศักยภาพการเกษตรให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก หากต้องการหลุดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง