ตามนโยบายขยายสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สิทธิบัตรทอง 30 บาท ผ่านโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” โดยจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2567 นำร่องใน 4 จังหวัด คือ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส
ผู้ป่วยสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเพื่อเข้ารับการรักษาได้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ที่หน่วยบริการทุกแห่งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชน พร้อมปรับระบบ พัฒนาระบบบริการและเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพ อำนวยความสะดวก ยกระดับการส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
วิธีและขั้นตอนรับบริการ
ผู้ที่เข้ารับบริการใน 4 จังหวัดนำร่อง คือ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส มีวิธีและขั้นตอนการเข้ารับบริการ ตามแนวทางของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดังนี้
- ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ยื่นแสดงตนต่อหน่วยบริการทุกแห่งที่ขึ้นทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งการ Walk-in หรือ นัดคิวออนไลน์ผ่านแอป-ไลน์หมอพร้อม (กรณีเด็กเล็ก ใช้สูติบัตรพร้อมบัตรประชาชนผู้ปกครอง)
- รับการดูแลและรักษาตามขั้นตอนของแต่ละหน่วยบริการ และเมื่อรับบริการเสร็จ ระบบจะบันทึกประวัติการรับบริการโดยอัตโนมัติ
- กรณีที่ผู้ป่วยต้องรับยา สามารถเลือกรับยาได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ ห้องจ่ายยาของโรงพยาบาล ร้านยาใกล้บ้าน หรือ ส่งยาทางไปรษณีย์
- กรณีผู้ป่วยเดิมและมีนัดรับบริการกับทางหน่วยบริการอยู่แล้ว ให้เข้ารับบริการ ณ จุดที่นัดหมายได้เลย (ไม่ต้องทำการตรวจสอบสิทธิและยืนยันตัวตนก่อนเข้ารับบริการ โดยเปลี่ยนเป็น “การยืนยันตัวตนหลังรับบริการ” เมื่อผู้ป่วยรับบริการสิ้นสุดที่จุดใด ยืนยันตัวตนที่จุดนั้นได้เลย)
- กรณีที่เกิดภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิต สามารถใช้สิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐบาลเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตถึงแก่ชีวิตให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชนที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จนพ้นวิกฤตหรือสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยยื่นบัตรประชาชน และแจ้งใช้สิทธิ UCEP
สถานพยาบาลเอกชน 6 ประเภทเข้าร่วม
นอกจากโรงพยาบาลของรัฐ ประชาชนยังสามารถเลือกรับบริการได้ผ่านสถานพยาบาลเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพฯ อีก 6 ประเภท คือ
- ร้านยา
- คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์
- คลินิกเวชกรรม
- คลินิกทันตกรรม
- คลินิกการแพทย์แผนไทย
- คลินิกเทคนิคการแพทย์
เช็กรายชื่อสถานพยาบาล 451 แห่งใน 4 จังหวัด
ปัจจุบันมีหน่วยบริการเข้าร่วมแล้ว 451 แห่ง ใน 4 จังหวัด โดยตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการได้ดังนี้
จังหวัดแพร่ พร้อมให้บริการ 59 หน่วยบริการ
จังหวัดเพชรบุรี พร้อมให้บริการ 53 หน่วยบริการ
จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมให้บริการ 251 หน่วยบริการ
จังหวัดนราธิวาส พร้อมให้บริการ 88 หน่วยบริการ
ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการเอกชน 4 จังหวัดบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ได้ที่
- สายด่วน สปสช. 1330
- เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/Innovative-services-4-provinces
- ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
- Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
กระทรวงสาธารณสุขยังมีแนวทางที่จะเตรียมขยายโครงการฯ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด ภายในเดือนมี.ค. 2567 คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา
สปสช. จะเพิ่มจำนวนร้านยาบริการดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ จากปัจจุบันที่มีอยู่ ประมาณ 2,000 แห่ง ให้เป็น 5,000 แห่งภายในปี 2567 นี้ รวมไปถึงหน่วยบริการทั่วประเทศ เช่น คลินิกทันตแพทย์ 5,000 แห่ง คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น 5,000 แห่ง จะนำเข้ามาในระบบต่อไป