การเปลี่ยนแปลง “โลกใหม่” เป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ เทคโนโลยีดิจิทัล เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว (extreme weather events) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสังคม
สภาพแวดล้อมเหล่านี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศ สังคม และเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่เพียงแต่ประเทศไทย
ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังลงลึกไปถึงวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิต สุขภาพจิต สุขภาพกาย ภายใต้ “เศรษฐกิจยุคใหม่” เป็นวาระการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์ ร่วมกันจัดขึ้นเมื่อ 27-28 พ.ย. 68 โดยกำหนดประเด็นหลัก “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” (New Wealth for Health) เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของปัญหาที่ยกระดับมากขึ้น

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ บอกว่า ความซับซ้อนของปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของ ภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งไทย -กัมพูชา หรือกระทั่งวิกฤตโลกร้อนที่ส่งผลให้เกิด “วิกฤตซ้อนวิกฤต” ที่กระทบทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมไปถึงปัญหาเรื่องของโครงสร้างประชากร ที่มีเด็กเกิดน้อย ขณะที่ผู้สูงอายุมากขึ้นทำให้กำหนด 5 ประเด็นเพื่อพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะ
กระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะ หรือที่เรียกกันว่าขาขึ้น มีด้วยกัน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- การค้นหาประเด็น ซึ่งจะมีการเปิดรับประเด็นจากภาคีเครือข่ายและกลไกที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการศึกษาค้นประเด็นโดย สช. และค้นหาประเด็นจากงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานวิจัยต่าง ๆ
- การกำหนดประเด็นและจัดทำวาระนโยบาย ผ่านการรับฟังความคิดเห็นในทุกระดับ
- คือการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและแสวงหาฉันทมติต่อนโยบายสาธารณะนั้น ๆ ซึ่งในปี 2568 มีด้วยกัน 5 ประเด็นระเบียบวาระ
ผลักดัน 5 ประเด็นสู่นโยบายสาธารณะ
สำหรับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 จำนวน 5 ประเด็น ประกอบด้วย
- การสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย
มีกรอบทิศทางนโยบายในการพลิกโฉมผู้สูงอายุจากกลุ่มเปราะบาง ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ทั้งในฐานะผู้บริโภคสินค้าและบริการ และในฐานะแรงงานหรือผู้ประกอบการ
โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและทุกกลุ่มวัย ซึ่งมีผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ได้กล่าวแสดงถ้อยแถลงร่วมขับเคลื่อนมติ อาทิ สมัชชาสุขภาพจังหวัดพะเยา เครือข่ายคนรุ่นใหม่ Young Buddy
- ระบบสุขภาพเชิงรุกท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์
มีกรอบทิศทางนโยบายที่จะใช้ระบบสุขภาพเป็นยุทธศาสตร์หลัก ในการสร้างความมั่นคงแบบองค์รวม ซึ่งหมายถึงการปรับระบบที่บูรณาการมิติภูมิรัฐศาสตร์เพื่อจัดการความเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง
และการใช้ทูตสุขภาพเป็นกลไกนำในการสร้างเสถียรภาพ ควบคู่กับการเปลี่ยนกติกาที่คลุมเครือ ให้มีโครงสร้าง กติกา และทรัพยากรสนับสนุนเชิงระบบที่ชัดเจน ซึ่งมีผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ได้กล่าวแสดงถ้อยแถลงร่วมขับเคลื่อนมติ อาทิ มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) โรงพยาบาลท่าสองยาง จ.ตาก
- การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
มีกรอบทิศทางนโยบายเพื่อลดผลกระทบต่อโครงสร้างค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม มุ่งให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เข้าถึงและเป็นเจ้าของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดตลอดวงจรชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ
ซึ่งมีผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ได้กล่าวแสดงถ้อยแถลงร่วมขับเคลื่อนมติ อาทิ สมัชชาสุขภาพจังหวัดสระบุรี ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม
- ระบบบริหารจัดการเพื่อสุขภาวะในวิกฤตซ้อนวิกฤต
มีกรอบทิศทางนโยบายในการเสริมสร้างและผลักดันระบบบริหารจัดการเพื่อสุขภาวะในวิกฤตซ้อนวิกฤตอย่างเร่งด่วน ให้มีความเข้มแข็งระดับพื้นที่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอ เขตกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา มีระบบสนับสนุนที่สอดคล้องเชื่อมโยงกันมุ่งเน้นการสร้างศักยภาพคนและทีม และเสริมพลังการมีส่วนร่วม
ผ่านกลไกท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายชุมชน ซึ่งมีผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ได้กล่าวแสดงถ้อยแถลงร่วมขับเคลื่อนมติ อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สมัชชาสุขภาพจังหวัดจันทบุรี
- กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่
มีกรอบทิศทางนโยบายในการสนับสนุนกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่ มีโครงสร้างยืดหยุ่น เป็นอิสระ และได้รับการยอมรับทางกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนพื้นที่กลางในการปรึกษาหารือข้ามภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนแบบมีส่วนร่วมบนฐานของปัญญา
โดยยึดความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งมีผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ได้กล่าวแสดงถ้อยแถลงร่วมขับเคลื่อนมติ อาทิ IHPP สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์

เศรษฐกิจยุคใหม่ เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพ
สัมพันธ์ ศิลปนาฎ ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ครั้งที่ 17 และ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2567-2568 บอกถึง ที่มาของการกำหนด 5 ประเด็นสาธารณะ ว่า มาจากประเด็นหลักที่ตั้งไว้ว่าเศรษฐกิจยุคใหม่
หลายคนเกิดคำถามกับการนำประเด็นเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจยุคใหม่ เกี่ยวข้อง 5 มติ ครอบคลุมทั้งประเด็นพลังงาน สิ่งแวดล้อม การเมือง ความมั่นคง แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเรื่องราวทุกมิติล้วนมีความเกี่ยวพันกันอย่างปฏิเสธไม่ได้
ปัญหาซับซ้อนเพิ่มจาก 3 วาระเป็น 5 วาระ
จากเดิมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เห็นว่าควรจะมี 2-3 ระเบียบวาระ เพื่อผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะ แต่ต้องเพิ่มเป็น 5 ระเบียบวาระ เนื่องจากปัญหาที่มี่ความซับซ้อนและผลกระทบในวงกว้าง เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีทางตามทัน
เมื่อสุขภาพในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของแพทย์หรือโรงพยาบาล แต่ไปถึงทุกคน เริ่มเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ได้ป่วยจากร่างกาย แต่อาจป่วยจากระบบสังคมที่มองไม่เห็น เหล่านี้เป็นโจทย์ที่เราจะต้องช่วยกันคิดและหาวิธีดำเนินการต่อไป
“ปีนี้เราได้เห็นกลไกการขับเคลื่อนของทุกวาระ ที่ถูกผลักดันจากคนข้างล่าง ในระดับพื้นที่ ขึ้นไปสู่ข้างบน เราเห็นเยาวชนเข้าร่วมเยอะมาก รวมถึงกลุ่มสตรีที่เข้ามาร่วมมากขึ้น ที่สำคัญคือตัวเลขผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ถึง 2,010 คน สูงที่สุดในรอบหลายปีทำให้ 5 ประเด็นสาธารณะครอบคลุมปัญหาของเครือข่ายที่นำเสนอมา”
เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ ความท้าทายใหม่
ความท้าทายของการนำเสนอ 5 ประเด็นสาธารณะจากมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่ง โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ บอกว่าในหลายประเด็น สามารถขับเคลื่อนได้ทันทีไม่ต้องรอเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยภาคคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพสามารถนำไปปฏิบัติได้เลย
ขณะที่รัฐบาล ที่มีเวลาทำงานเพียงแค่ 4 เดือน จะนำเอาปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็น Quick Big Win ของรัฐบาล ไปดำเนินการอย่างจริงจัง โดยล่าสุดได้ปักธงนำร่องที่ จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะขยายไปในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดต่อไป รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นประตูหรือ Gateway สู่การติดบุหรี่ธรรมดาและยาเสพติดชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม โสภณ มองถึงความท้าทายของประเด็นนโยบายสาธารณะ ว่าด้วยเรื่องของ “เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพไทย จะพัฒนาอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ: โอกาสและความท้าทายใหม่”
“ประเด็นทางสุขภาพถือเป็นเงื่อนไขนำต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และยังถือเป็นผลลัพธ์ที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ฉะนั้นหากมีการจัดการที่ดีในเรื่องของปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพในกลุ่มประชากรต่าง ๆ โดยเฉพาะประชากรที่ยากจนและเปราะบาง ย่อมทำให้เกิดสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นธรรม มีสภาพเศรษฐกิจที่พัฒนาและเป็นสังคมที่มีสุขภาวะได้”
แม้ว่าประเทศไทยจะมีฐานทุนที่ดี มีศักยภาพ และโอกาสในการพัฒนา ตลอดจนรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยโอกาสนั้น ยังมี ความท้าทายอย่างน้อย 4 ประการ ประกอบด้วย
- การพัฒนาที่สมดุล
คือจะทำอย่างไรให้ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสุขภาพพัฒนาควบคู่กันไปได้อย่างสมดุล การพัฒนาเศรษฐกิจต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ และไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อระบบสุขภาพ
ขณะเดียวกันเศรษฐกิจที่ดีจะนำไปสู่สุขภาพของคน และระบบสุขภาพของไทยที่ดีได้อย่างไร โดยส่วนตัวมองว่าผู้สูงอายุของเราต้องแข็งแรง มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ มีรายได้ และขณะเดียวกันก็ต้องสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ด้วย
- การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้เกิดสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
รวมถึงการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างคุ้มค่า และสามารถลดผลกระทบต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมที่จะมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในประเทศด้วย โดยปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาด
และผลักดันสู่สังคมคาร์บอนต่ำ กำหนดเป้าหมายไว้ว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 หรือ ค.ศ. 2050 ส่วนในงานสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งนี้ ได้เน้นเรื่องความเป็นธรรมในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน นั่นก็คือจะทำอย่างไรให้ประชาชนในประเทศทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทั้งรัฐบาลและเอกชนต้องร่วมมือกันดำเนินการ
เตรียมความพร้อมรับวิกฤต
ปัจจัยที่จะมากระทบต่อเรื่องของเศรษฐกิจและสุขภาพของประเทศไทย เช่น สถานการณ์โรคระบาด ภัยธรรมชาติ โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ลักษณะสังคมที่เปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมือง พฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป
ตลอดจนเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ต้องสามารถจัดการกับปัจจัยที่มากำหนดสุขภาพ หรือ Determinants of health ให้เป็นระบบมากขึ้น
- การพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ประชากรกลุ่มเฉพาะ กลุ่มเปราะบาง ผู้ไร้รัฐไร้สัญชาติ และแรงงานนอกระบบ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นธรรมด้านสุขภาพในทุกมิติให้แก่คนเหล่านี้ทั้งมิติสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพปัญญา และสุขภาพสังคม รวมถึงด้านเศรษฐกิจ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืนของประเทศตามเป้าหมาย SDGs
“รัฐบาลพร้อมผลักดัน เพื่อทำให้เกิดนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพที่โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ร่วมกัน” โสภณ กล่าว
ทั้งนี้ ระเบียบวาระทั้ง 5 ประเด็น เมื่อได้รับฉันทมติจากที่ประชุมแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เพื่อพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้เป็นกรอบหรือทิศทางหลัก ตลอดจนการขับเคลื่อนงานตามนโยบายสาธารณะนั้น ๆ ภายใต้หน้าที่และอำนาจ ต่อไป
ส่วนการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 19 พ.ศ. 2569 จะมี พญ.พรรณพิมล วิปุลากร เป็นประธาน คณะกรรมการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 19 พ.ศ. 2569
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจสูงวัย โอกาสใหม่หลังเกษียณ
- เกิดน้อยกว่าตาย 5 ปีซ้อน เสี่ยงเผชิญวิกฤตประชากร ฉุดเศรษฐกิจประเทศ
- ตายโดดเดี่ยว: ปรากฏการณ์ผู้สูงอายุในสังคมไทย




