ThaiPBS Logo

คาดกนง.ตรึงดอกเบี้ย 2.50% ถึงสิ้นปี 67

6 มิ.ย. 256715:54 น.
คาดกนง.ตรึงดอกเบี้ย 2.50% ถึงสิ้นปี 67
  • โอกาสที่ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยในปี 67 มีน้อยลง เนื่องจากจีดีพีไทยเติบโตดีกว่าคาด และเงินเฟ้อเริ่มปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงสถาบันการเงินได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางแล้ว
  • วิจัยกรุงศรี หั่นประมาณการจีดีพี ทั้งปี 67 เหลือขยายตัว 2.4% เหตุภาคส่งออกเติบโตต่ำ งบประมาณปี 67 ล่าช้า และการลงทุนภาคเอกชนยังอ่อนแอ
แม้ว่ากนง.จะเผชิญกับแรงกดดันจากรัฐบาลให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สำนักวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ กนง.จะไม่ลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 67 หลังเศรษฐกิจไทยแนวโน้มเติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเงินเฟ้อเริ่มกลับมาเป็นบวกขยับเข้ากรอบเป้าหมาย

วิจัยกรุงศรี ประมาณการการดอกเบี้ยนโยบายของไทย หลายปัจจัยบ่งชี้ว่าโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมีน้อยลงอย่างชัดเจน เนื่องจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี (GDP) ไตรมาส 1 ของปี 67 ใกล้เคียงกับที่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประมาณการไว้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปน่าจะทยอยปรับดีขึ้นสอดคล้องกับการประเมินของ ธปท. และหลักการดำเนินนโยบายการเงินที่อาศัยการคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นเครื่องชี้นำ (Outlook-dependent)

ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ตั้งแต่ในช่วงกลาง ปี 2567 และที่สำคัญ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ตลอดจนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ของรัฐหลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวงกว้าง

ดังนั้น วิจัยกรุงศรีจึงคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ก่อนหน้านี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สคช. เปิดเผยรายงานตัวเลขจีดีพีไทย ไตรมาส 1 ปี 67 ขยายตัว 1.5% ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคนอกเกษตรขยายตัวจากบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว  ซึ่งมากกว่าที่ ธปท.ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัว 1% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยล่าสุด ธปท.เตรียมปรับประมาณการจีดีพีใหม่ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นต่อเนื่อง แต่จะฟื้นตัวไม่ทั่วถึง เพราะส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในพื้นที่ท่องเที่ยว

ขณะที่ วิจัยกรุงศรี ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของจีดีพี ปี 2567 จาก 2.7% เหลือ 2.4% สาเหตุสำคัญมาจาก

1. การส่งออกที่อ่อนแอและมีแนวโน้มเติบโตต่ำเพียง 1.8% (จากเดิมคาด +2.5%) ผลจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต ซึ่งทำให้การส่งออกกระจุกตัวในสินค้าประเภทที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง โดยจากการศึกษาของวิจัยกรุงศรีพบว่า ประสิทธิภาพของแรงงาน หลังจากเกิดโรคโควิด-19 ลดลงถึง -1.6% ต่อปี (CAGR) และลดลงชัดเจนในหลายภาคอุตสาหกรรม แตกต่างจากช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นราว 4.2% ต่อปี

นอกจากนี้ ภาคส่งออกยังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทวีความรุนแรงในอนาคต

2. การอนุมัติ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ). งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐในปีนี้มีแนวโน้มหดตัว -1.1% (จากเดิมคาด +2.4%)

3. การลงทุนภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากความอ่อนแอของภาคส่งออกและและความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ แต่เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนบ้างจากภาคบริการที่เติบโตดีหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนในปีนี้เติบโตที่ 3.0% (เดิมคาด 3.3%)

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ตามปัจจัยเชิงวัฏจักร (Cyclical factors) โดยการใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่กลางไตรมาส 2 ของปี ประกอบกับภาคท่องเที่ยวจะยังเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งได้แรงหนุนจากมาตรการวีซ่าฟรีที่ขยายเพิ่มเป็น 93 ประเทศ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะอยู่ที่ 35.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 89% ของช่วงเกิดโควิด-19

ด้านการบริโภคภาคเอกชน แม้ปรับเพิ่มคาดการณ์เป็นขยายตัวที่ 3.4% (เดิมคาด 3.1%) เป็นผลจากการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งถึง 6.9% จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายต่างๆ อาทิ โครงการ Easy E-Receipt เป็นต้น แต่การบริโภคมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อรายได้ภาคเกษตร

ธปท.มองเศรษฐกิจไทยฟื้นไม่ทั่ว กระจุกตัวแค่เมืองท่องเที่ยว

หนี้ครัวเรือนลด “ทางเทคนิค” ต่ำกว่า 91% จากจีดีพีโต

ที่มา : ศูนย์วิจัยกรุงศรี

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

นโยบายการเงิน (Monetary Policy)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินนโยบายการเงินผ่าน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยใช้เครื่องมือหลัก คือ ‘อัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ เพื่อรักษาระดับราคาสินค้าและบริการ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนกระทบกับเศรษฐกิจ โดยกนง.มีการตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ทำให้การกำหนดนโยบายการงินของไทย "ก้าวสู่ยุคใหม่"

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: