ThaiPBS Logo

ธปท.มองเศรษฐกิจไทยฟื้นไม่ทั่ว กระจุกตัวแค่เมืองท่องเที่ยว

3 มิ.ย. 256713:03 น.
ธปท.มองเศรษฐกิจไทยฟื้นไม่ทั่ว กระจุกตัวแค่เมืองท่องเที่ยว
  • เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยหลักจากการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง และการส่งออกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
  • เงินเฟ้อพลิกกลับเป็นบวกในรอบ 6 เดือน จากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ราคาอาหารสดปรับขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังหมดลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งในระยะข้างหน้า ธปท.คาดว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอีก
  • ธปท.เตรียมปรับประมาณการจีดีพีใหม่ หลังไตรมาส 1 ปี 67 บวก 1.5% สูงกว่าคาด แต่ไม่มั่นใจว่าจะยั่งยืน พร้อมประเมินเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง
แบงก์ชาติ เตรียมปรับประมาณการจีดีพี คาดเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องจากเครื่องยนต์ท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่อาจฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง พร้อมจับตาเงินเฟ้อใกล้ชิดหลังพลิกบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เชื่อใกล้ขยับเข้ากรอบล่างของเป้าหมาย 1-3%

สักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทยประจำเดือน เม.ย. 2567 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน (MoM) ตามภาคบริการที่ขยายตัว สอดคล้องกับรายได้ภาคการท่องเที่ยวดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น +4.4% จากเดือนก่อนหน้า ประมาณ 3 ล้านคนในเดือน เม.ย. ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า หลังเทศกาลถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนสิ้นสุดลง และคาดว่าไทยจะได้แรงส่งจากภาคบริการต่อเนื่องในเดือน มิ.ย.

ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคปรับขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1.6% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับขึ้นในทุกหมวด เช่น บริการ สินค้าไม่คงทน สินค้าคงทน เป็นต้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น  6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และ 5.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับขึ้นทั้งการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงด้านก่อสร้าง

การส่งออกสินค้าปรับขึ้นหากไม่รวมทองคำเติบโต  8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4.8% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสินค้าปรับขึ้นในหลายหมวด โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และสินค้าเกษตรปรับขึ้นค่อนข้างเยอะ สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3.5% จากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวภาคส่งออกเป็นไปตามคาดการณ์ของ ธปท. ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำก่อนหน้านี้ แม้จะมีเรื่องปัจจัยเชิบโครงสร้างฉุดรั้งบางอุตสหกรรม แต่ก็มีบางอุตสาหกรรมที่กลับมาฟื้นเป็นปกติ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร เป็นต้น

ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงหดตัว 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายจ่ายการลงทุนของรัฐบาลกลาง 45.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายจ่ายของรัฐบาลกลางตาม พระราชบัญญัติงบประมาณปี 2567 ที่ออกมาล่าช้า แต่ในขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น 102.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากเบิกจ่ายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ด้านตลาดแรงงานภาพรวมปรับดีขึ้น ปัจจัยหลักมาจากภาคบริการจ้างงานเพิ่มขึ้น สะท้อนได้จากจำนวนผู้ประกันตนมาตร 33 ในประกันสังคมเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้รับสิทธิงานปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดการผลิตและการแปรรูป

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยเงินเฟ้อทั่วไปบวก 0.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และบวก 0.54% จากเดือนก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากหมวดอาหารสดตามราคาผักที่ผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศที่ร้อน และเนื้อสุกรที่อุปทานลดลง และจากหมวดพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลจากผลของมาตรการลดภาษีสรรพสามิตที่สิ้นสุดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ไม่รวมอาหารสดและเชื้อเพลิง ทรงตัวเท่าเดือนก่อน

ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวต่อว่า ธปท.เชื่อว่าเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. จะกลับมาเป็นบวกต่อเนื่อง และขยับเข้าสู่กรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งหากมองไปข้างหน้าคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับสูงขึ้นอีก ธปท.จะจับตาดูอย่างใกล้ชิด

เดี๋ยวเรารอตัวเลขสักอาทิตย์หน้า เราคาดว่าน่าจะเป็นบวก แล้วก็จะกลับเข้าขอบล่าง ทั้งปีเราอาจจะมองแค่ 0.6 แต่ถ้าเราดูในช่วงปลายปีเนี่ย เราจะเห็นตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มกลับเข้าสู่กรอบล่าง เพราะฉะนั้นเราทำนโยบายการเงิน เราดูที่แนวโน้มไปข้างหน้า

สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสมดุลโดยดุลการค้าเกินดุล 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลเล็กน้อย 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ พันล้านเห

ขณะที่ค่าเงินบาทเดือน เม.ย.เฉลี่ยอยู่ที่ 36.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ราว 2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสาเหตุหลักมาจากภายนอก โดยตลาดเลื่อนคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้น และบางช่วงก็มีความกังวลในเรื่องสงครามในตะวันออกกลางที่อาจยกระดับความรุนแรง ทำให้สินทรัยพ์ต่าง ๆ มีการเคลื่อนย้ายไปที่เงินดอลลาร์

ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนภาคส่งออกยังคงต้องจับตาดูว่าไทยจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของโลกมากหรือน้อยขนาดไหน

นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และมาตรการภาครัฐที่จะเพิ่มเข้ามา และการฟื้นตัวของการส่งออกและการผลิต รวมถึงความขัดแย้งเรื่องสงครามในต่างประเทศ

สำหรับกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.)  รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หรือ จีดีพี ของไทยไตรมาส 1 ปี 67 เติบโต 1.5% ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท.  ระบุว่า จีดีพีสูงกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ล่าสุด 1%  แต่ก็ต้องรอดูพัฒนาการในช่วงไตรมาส 2 ปี 67 เพราะเป็นจุดที่ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มกลับมาเป็นบวก ธปท.อยากจะเห็นเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ธปท.จะปรับประมาณการณ์จีดีพีใหม่ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาส 1  อย่างไรก็ตามหากดูจากตัวเลขเครื่องมือชี้วัดทั้งหมด เศรษฐกิจไทยน่าจะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แต่จะฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง และส่วนใหญ่กระจุกในพื้นที่ท่องเที่ยว

เป้าหมายนโยบายการเงินปี 67 กรอบเงินเฟ้อ 1-3%

หนี้ครัวเรือนลด “ทางเทคนิค” ต่ำกว่า 91% จากจีดีพีโต

คาดกนง.ลดดอกเบี้ยปลายปี 67 รับเศรษฐกิจชะลอ

 

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

นโยบายการเงิน (Monetary Policy)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินนโยบายการเงินผ่าน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยใช้เครื่องมือหลัก คือ ‘อัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ เพื่อรักษาระดับราคาสินค้าและบริการ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปจนกระทบกับเศรษฐกิจ โดยกนง.มีการตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ทำให้การกำหนดนโยบายการงินของไทย "ก้าวสู่ยุคใหม่"

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

นโยบายการคลัง (Fiscal Policy)

นโยบายการคลัง เป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นหรือชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยใช้เครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาล คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล (รายจ่าย) และการเก็บภาษี (รายได้) รวมถึงการก่อหนี้สาธารณะของรัฐบาล

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: