ThaiPBS Logo

เปิดโครงสร้าง ‘บ้านหลังใหม่’ จัดการอากาศสะอาด

2 ส.ค. 256715:47 น.
เปิดโครงสร้าง ‘บ้านหลังใหม่’ จัดการอากาศสะอาด
การพิจารณา ร่างกฎหมายอากาศสะอาด กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ กับการหลอมรวมเนื้อหาจาก 7 ร่าง เพื่อทำให้เนื้อหาที่ออกมาสมบูรณ์ที่สุดและสามารถออกแบบกลไกการทำงานเพื่อติดตามการป้องกันมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ล่าสุด เว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎร เผยแพร่ บันทึกการประชุมคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ในระเบียบวาระที่ 3 มีรายงานผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณากรอบแนวคิด หลักการสำคัญ และโครงสร้างการบริหารจัดการ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด

บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมาธิการและประธานอนุกรรมาธิการฯ ได้นำเสนอความคืบหน้า ของคณะอนุกรรมาธิการฯ จากการประชุมร่วมกันทั้งหมด 27 ครั้ง นำเสนอกรอบแนวคิด หลักการสำคัญและโครงสร้างของกฎหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในการพิจารณาปรับปรุงเนื้อหา จาก 7 ฉบับ โดยสรุปเป็นประเด็นดัง ต่อไปนี้

 

 

บทเรียน-แนวคิด สำคัญ สู่การออกแบบโครงสร้างการบริหาร 

บทเรียนและแนวคิดการจัดการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในเนื้อหาของ ร่าง พ.ร.บ. จะครอบคลุมมลพิษทางอากาศทุกประเภท ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ PM2.5 แต่ PM2.5 เป็นเพียง Key Drivers ของการทำให้เกิด พ.ร.บ.ฉบับนี้  

  1. การไล่ตรวจจับ Hot Spot ในช่วงฤดูฝุ่น 3 เดือน ไม่ใช่คำตอบในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
  2. การแก้ปัญหาในช่วง 8 เดือนก่อนเผชิญสถานการณ์ฝุ่น ในช่วง 8 เดือน โดยใช้สูตร 8+3+1 คือ 8 เดือนของการทำงานต่อเนื่อง เพื่อลดการเผชิญเหตุในช่วง 3 เดือน ซึ่งหากสามารถจัดการในช่วง 8 เดือนได้ดี จะช่วยแก้ปัญหา ลดความรุนแรง ลดความเสียหาย รวมทั้งลดต้นทุนที่ต้องเสียทุกปี และ 1 เดือนในการฟื้นฟูป่า ฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งมีข้อมูลในบางปีที่พบว่าใช้งบประมาณในส่วนนี้สูง 5-9 % ของ GDP
  3. การแก้ปัญหาฝุ่น มีความซับซ้อน บางเรื่องเกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน ต้องใช้ชุดเครื่องมือในการแก้ปัญหา อย่างน้อย 10 เครื่องมือ เพราะเครื่องมือทางกฎหมายอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหา PM2.5 ได้
  4. ปัญหาฝุ่น PM2.5 มีขนาดและขอบเขตของปัญหาเกินกำลังของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแหล่งกำเนิดมาจากหลากหลายที่มา ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้แบ่งแหล่งกำเนิดมลพิษอากาศออกเป็น 6 Sector (ภาค) ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.นี้ ต้องออกแบบให้เกิดการทำงานร่วมกันหลายกระทรวง รวมทั้งนอกราชอาณาจักร
  5. การกระจายอำนาจ คือ ปัจจัยความสำเร็จของเรื่องนี้ เพื่อสร้างศักยภาพ ความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ตั้งเป้า  แก้ปัญหา “ระบบ-โครงสร้าง” 

คณะอนุกรรมาธิการฯ ชี้ว่า สาเหตุรากฐานของปัญหาฝุ่น PM2.5 คือ ปัญหาเชิงระบบและโครงสร้าง โดยหากเปรียบเทียบปัญหาฝุ่นกับภูเขาน้ำแข็ง ฝุ่น คือ ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ซึ่งการจัดการอย่างการฉีดน้ำดับฝุ่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่ปัญหาสำคัญที่เป็นรากฐานมีอยู่ 3 เรื่องสำคัญ ที่ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ต้องตอบโจทย์ให้ได้ คือ

  1.  ระบบการทำงาน การบริหารภาครัฐ กล่าวคือ ระบบแผน ระบบงบประมาณ กลไกการทำงานข้ามกรม ข้ามกระทรวง ปัญหาข้อจำกัดด้านระเบียบกฎหมายของรัฐ โครงสร้างรัฐที่มีการรวมศูนย์ เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ สะท้อนผ่านการประชุมของ กมธ. หลายครั้ง ที่มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม และสะท้อนปัญหา เช่น มีแผนระดับชาติ แผนบูรณาการ แต่ระบบงบประมาณไม่มีการบูรณาการ เป็นงบ Function (งบประมาณรายจ่ายกระทรวง/หน่วยงาน)
  2. ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงทรัพยากร โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิในที่ดินทำกิน ทรัพยากรในป่า ความมั่นคงด้านสิทธิในที่ดิน โดยเฉพาะในพื้นที่สูง หรือพื้นที่ชุมชนที่อยู่มาก่อน ซึ่งมีการปลูกพืชระยะสั้น เช่น ข้าวโพด ดังนั้น พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ จึงต้องแก้ไขเรื่องสิทธิความมั่นคงในที่ดิน เพื่อนำไปสู่การปรับโครงสร้างการผลิตให้ปลูกพืชยืนต้นและปลูกพืชที่ไม่เผา
  3. ขาดกติกาที่เข้มแข็งในการกำกับระบบตลาดเสรี โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม ทำให้เกิดการขยายพื้นที่การเกษตรขึ้นไปบนพื้นที่เขาและป่าต้นน้ำ พื้นที่สูงในพื้นที่ป่าประเทศเพื่อนบ้าน

 

รวม 7 ร่าง เสมือนออกแบบบ้านหลังใหม่เป็น ‘ร่างฉบับที่ 8’

อนุกรรมาธิการได้นำร่าง พ.ร.บ. 7 ฉบับ มารวมไว้ด้วยกัน เป็นฉบับที่ 8 ซึ่งเปรียบว่าเป็นการออกแบบบ้านหลังใหม่ ที่ประกอบด้วย หลังคาบ้าน เสาบ้าน ห้องของบ้าน กล่าวคือ

  • หลังคาบ้าน เป็น เป้าหมาย คือ Clean Air Based ไม่ใช่ Pollution Based เพราะหากอยู่บนฐานดังกล่าว การจัดการมลพิษ จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่หาก Clean Air Based จะมีขั้นตอนที่ดำเนินงานมากกว่าการจัดการ เฉพาะปลายเหตุ (PM2.5 และมลพิษอื่น ๆ)
  • เสาบ้าน 4 เสา ประกอบด้วย การกระจายอำนาจ สิทธิและหน้าที่ของรัฐ แรงจูงใจและบทลงโทษ และการจัดการร่วม (Co-management)
  • ห้องของบ้าน 4 ห้อง โดยมีแกนกลาง คือ คณะกรรมการและองค์กรขับเคลื่อนการใช้กฎหมาย โดยระบบคณะกรรมการต้องไม่ล้มเหลวเหมือนคณะกรรมการชุดอื่นที่ผ่านมา และปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ (กรมควบคุมมลพิษ) เพื่อรองรับการทำงานในร่าง พ.ร.บ. โดยภายในห้องของบ้านดังกล่าว มีองค์ประกอบ คือ 1. เครื่องมือและกลไกการบริหารจัดการ 2. การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดตามเป้าหมาย Clean Air Based ทั้ง 6 Sector 3. เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ และ 4. เครื่องมือทางกฎหมาย

สรุป 6 แหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศ-เครื่องมือจัดการที่ควรอยู่ใน พ.ร.บ.

คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้แบ่ง การศึกษาแหล่งกำเนิดของฝุ่น โดยแบ่งออกเป็น 6 Sector คือ ภาคเกษตรกรรม ภาคป่าไม้ ภาคอุตสาหกรรม ภาคคมนาคม ภาคฝุ่นควันข้ามแดน และภาคเมือง (โดยในภาคเมืองนี้ ในร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 7 ฉบับ ไม่ได้ระบุถึง แต่คณะอนุกรรมาธิการฯ เล็งเห็นว่า ควรเพิ่มเติมภาคเมือง เพื่อวางระบบบริหารจัดการ)

พร้อมนำเสนอ ข้อมูลในช่วงฤดูฝุ่น ปี 2567 ณ วันที่ 27 พ.ค. โดยมีการเผาในที่โล่งของไทย เป็นพื้นที่หลัก ๆ อยู่ในภาคป่าไม้ (ป่าสงวนและป่าอนุรักษ์) 64% ซึ่งไม่ต่างจากปี 2566 และจากรายงาน 10 ปีย้อนหลัง ภาคเหนือมีการเผาในป่าไม้ 79% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเผาในป่าไม้ 36% และเผาในภาคเกษตร (นาข้าว) 40% แต่ในภาพรวมของภาคเกษตรกรรมมีการเผาในที่โล่ง (Hot Spot) 26.8% แบ่งเป็นข้าว 13% ข้าวโพด 13% และภาคเกษตรอื่น ๆ 8.8% (อ้อย 2%) 

ขณะที่ข้อมูลฝุ่นควันข้ามแดน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 27 พ.ค. 67 ไทยตรวจพบ Hot Spot 1.32 แสนจุด กัมพูชา 1.49 แสนจุด สปป.ลาว 1.73 แสนจุด และเมียนมา 3.32 แสนจุด

โดยการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดทั้ง 6 Sector จะถูกบัญญัติไว้ในร่าง พ.ร.บ. ซึ่งเนื้อหากฎหมายจะกำหนดให้ลักษณะการลดและป้องกันโดยมีเครื่องมือ 4 เครื่องมือ (ห้องของบ้าน 4 ห้อง) โดยแต่ละ Sector อาจใช้เครื่องมือแตกต่างกัน หรือ บางเครื่องมือสามารถใช้ได้ในทุก Sector โดยมีรายละเอียดของแต่ละเครื่องมือ ดังนี้ 

  1.  เครื่องมือบริหาร โดยคณะกรรมการส่วนกลาง พื้นที่ และองค์กรด้านอากาศสะอาด
  2.  เครื่องมือและกลไกบริหารจัดการอากาศสะอาด เช่น มาตรฐานอากาศสะอาด ดัชนีอากาศสะอาด เขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศ เขตประสบมลพิษทางอากาศ และแผนปฏิบัติการทั้งระดับพื้นที่และแผนปฏิบัติการหลักในแต่ละ Sector ที่คณะกรรมการในแต่ละ Sector เป็นผู้กำหนด เป็นต้น
  3. เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น ภาษี ค่าทำเนียม เงินอุดหนุนกองทุน เป็นต้น
  4. เครื่องมือทางกฎหมาย ซึ่งเป็นบทลงโทษทางแพ่ง อาญา และการปรับเป็นพินัย

 

10 เครื่องมือ-กลไก บริหารจัดการอากาศสะอาด

 สำหรับเครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ประกอบด้วย 10 เครื่องมือ ดังนี้

  1. มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัย (Primary Standards)
  2. มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของสาธารณะ (Secondary Standard)
  3. ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI)
  4. ดัชนีคุณภาพอากาศ เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัย (AQHI)
  5. ระบบเฝ้าระวังคาดการณ์ แจ้งเตือนคุณภาพอากาศสะอาด
  6. ระบบ Big Data
  7. ขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศ (หมวด 5 ในร่าง พ.ร.บ.)
  8. เขตประสบมลพิษทางอากาศ ที่กำหนดอยู่ในหมวด 5 จะนำมากำหนดอยู่ในหมวด 3 เครื่องมือและกลไกบริหารจัดการอากาศสะอาด
  9. แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขมลพิษทางอากาศในพื้นที่ โดยให้ในแต่ละจังหวัดจัดทำแผนครอบคลุมการแก้ปัญหาทั้ง 6 Sectors หรือ เฉพาะ Sector ที่จังหวัดนั้น ๆ มีปัญหา ซึ่งแผนปฏิบัติการของแต่ละจังหวัดจะมีความแตกต่างกันตามบริบทของพื้นที่
  10. แผนบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดในแต่ละ Sector มีกฎหมาย องค์กร และคณะกรรมการตามกฎหมายที่มีอยู่เดิม จึงกำหนดแผนบริหารจัดการในแต่ละ Sector ยึดโยงและบูรณาการแผนปฏิบัติการระดับจังหวัด

โดยเครื่องมือบริหารจัดการสำหรับ 6 Sector 10 เครื่องมือ อนุกรรมาธิการฯ จะออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้ในแต่ละ Sector ซึ่งจะปรากฏเนื้อหาในหมวด 4

 

กรอบแนวคิด สู่ โครงร่างกฎหมาย

จากกรอบแนวคิดข้างต้น นำมาสู่โครงร่างของกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วย

  1. บทนิยาม 
  2. หมวด 2 กรรมการและกลไกขับเคลื่อน เพื่อการจัดการอากาศสะอาด ซึ่งกำหนดโครงสร้างบริหาร โดยคณะกรรมกรส่วนกลาง คณะกรรมการระดับพื้นที่ และองค์กรด้านอากาศสะอาด โดยมีองค์กรใหม่ เพื่อรองรับภารกิจที่จะเกิดขึ้นตามร่าง พ.ร.บ. นี้ เพราะโครงสร้างเดิมของกรมควบคุมมลพิษ รวมถึงจำนวนบุคลากร ไม่สามารถรองรับภารกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นได้
  3. หมวด 3 เครื่องมือและกลไกการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด มีทั้งหมด 10 เครื่องมือ รวมทั้งนำหมวด 7 และหมวด 5 เดิม มากำหนดไว้ในหมวด 3
  4. หมวด 4 การลด ป้องกัน และบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด 6 ภาค/สาขา ซึ่งต้องพิจารณาหมวดอีกครั้ง โดยแต่ละภาค จะกำหนดรายละเอียดและรูปแบบคล้ายกันในเรื่องเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ การแก้ไขปัญหา เครื่องมือมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ รวมถึงกำหนดรายละเอียดและรูปแบบเฉพาะที่แตกต่างกันในแต่ละภาค ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ที่คณะอนุกรรมาธิการฯ กำลังพิจารณา อยู่ระหว่างการพิจารณายังคงเนื้อหาของเค้าโครงเดิมบางส่วนของร่าง พ.ร.บ. ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ เพิ่มเติมจากเนื้อหาร่างเดิม เพื่อครอบคลุมระบบการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
  5. หมวด 6 เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่ออากาศสะอาด
  6. หมวด 7 เจ้าพนักงานอากาศสะอาด หมวด 8 ความรับผิดทางแพ่ง หมวด 9 โทษทางอาญา และหมวด 10 มาตรการปรับเป็นพินัย ซึ่งคณะกรรมาธิการได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาอีก 1 คณะ เพื่อพิจารณาเนื้อหาส่วนนี้ให้สอดคล้องกับกลไกและมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายในหมวดอื่น ๆ ตามที่คณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบคิดหลักการสำคัญฯ ปรับปรุงแก้ไข

“บ้านม้งดอยปุย” จ.เชียงใหม่ ตัวอย่างแก้ฝุ่นภาคเกษตร ดัน กองทุนหนุนการเปลี่ยนแปลง

 ตัวอย่างการแก้ปัญหาของพื้นที่ในภาคเกษตรกรรม (หมวด 4) ซึ่งเนื้อหาของร่างประกอบด้วย

  1. แนวทางการจัดการแก้ไขปัญหาการเผาในภาคเกษตร โดย
    • ปรับเปลี่ยนระบบการผลิตเป็นเกษตรไม่เผา จากเดิมปลูกข้าวโพดที่เหลือเศษวัสดุที่สุ่มเสี่ยงต่อการเผาหากขาดการบริหารจัดการที่ดี เปลี่ยนมาเป็นปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น กาแฟ เป็นต้น เนื่องจากพืชเหล่านี้ ไม่มีการเผา เช่น เครือข่ายม้งดอยปุย รวมตัวกันทำแนวกันไฟ 22 กิโลเมตร เปลี่ยนมาปลูกลิ้นจี่ สาลี่ โดยปราศจากไฟที่ลามเข้าพื้นที่
    • หากยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นการผลิตเกษตรที่ไม่เผาไหม้ได้ จะต้องเปลี่ยนการจัดการวัสดุทางการเกษตรเป็นแบบไม่เผา ทำได้ทั้งในแปลง โดยใช้จุลินทรีย์เร่งการย่อยสลาย ทำปุ๋ยหมัก และในส่วนนอกแปลง สามารถทำได้โดยนำไปทำเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้า อาหารสัตว์ ปุ๋ยหมัก เป็นต้น
    • กรณีไม่สามารถทำได้ ก็จะต้องใช้ไฟเท่าที่จำเป็นและมีกติกา (Fire D/Burn Check) รวมถึงมีเป้าหมายว่าต่อไปต้องลดการใช้ไฟที่จำเป็นลง
  1. ระบบหรือกลไกในการสนับสนุนการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาการเผาในภาคเกษตร คือ ในแปลง ระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ระบบหรือกลไกการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง จะอยู่ในหมวดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในหมวด 6 เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น กองทุนใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ระบบน้ำ เงินทุน เครื่องจักร เครื่องเก็บเกี่ยว 

 

กำหนดยุทธศาสตร์แก้ฝุ่นภาคเกษตร ด้วย สูตร 8+3+1 จัดโซนนิ่งเกษตรไม่เผา

แนวคิด สูตร 8+3+1 จากตัวอย่างข้างต้น การปรับเปลี่ยนระบบการผลิตเป็นเกษตรไม่เผา การจัดการวัสดุจะอยู่ในช่วงป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง 8 เดือน ซึ่งฝุ่นแต่ละภาคจะมีการกำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน โดยภาคเกษตร มีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ คือ การจัดโซนนิ่ง การทำระบบเกษตรแบบไม่เผา การทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ การกำหนดมาตรฐานสินค้า PM2.5 Free ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมาย จะช่วยลดปัญหาในช่วงเผชิญเหตุฤดูฝุ่น 3 เดือน และช่วงฟื้นฟูเยียวยา 1 เดือน หลังฤดูฝุ่นผ่านพ้นไป 

อย่างไรก็ตาม ทุก Sector จะมีเนื้อหาเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่หากเป็นเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ได้กับทุก Sector จะปรากฏอยู่ในหมวดที่ 6 เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนรายละเอียดที่เป็นวิธีปฏิบัติจะอยู่ในกฎหมายลำดับรอง

 

ดึงคอนเซ็ปต์ “ผู้ว่าฯ CEO” ยกระดับโครงสร้างบริหารระดับพื้นที่

โครงสร้างการบริหารในระดับพื้นที่ นับเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเป็นพื้นที่หน้างาน ซึ่งรัฐบาล มีคอนเซ็ปต์เรื่อง “ผู้ว่าฯ CEO”  โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ กำลังออกแบบผู้ว่าฯ CEO ว่าจะสามารถแก้ปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างไรบ้าง อีกทั้งในแต่ละจังหวัดจะมีศูนย์ปฏิบัติการด้าน PM2.5 / มลพิษทางอากาศ ซึ่งพบว่าหลายจังหวัดมีศูนย์นี้ และสามารถบริหารจัดการได้ดี ซึ่ง พ.ร.บ.นี้ จะเสริมความเข้มแข็งและออกแบบให้ศูนย์ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีกลไกระดับอำเภอ ตำบล พื้นที่เฉพาะ หมายถึง ระดับต่ำกว่าจังหวัดและเป็นการข้ามเขตปกครอง

ส่วนพื้นที่ที่มีโครงสร้างการบริหารระดับพื้นที่อยู่แล้ว เช่น สภาลมหายใจ เครือข่ายอากาศสะอาด องค์กรภาคธุรกิจ องค์กรชุมชน เครือข่ายภาคธุรกิจ คณะอนุกรรมาธิการฯ จะนำเครือข่ายองค์กรเหล่านี้มาช่วยออกแบบในระดับพื้นที่ โดยชุดเครื่องมือ เพื่อการบริหารระดับพื้นที่ จะปรากฏใน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ในหมวดต่าง ๆ เช่น เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ระบบ Big Data ระบบเฝ้าระวัง 

ขณะที่การกระจายอำนาจ ในการออกแบบโครงสร้างการบริหารระดับพื้นที่ ประกอบด้วย

  1. โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการในแต่ละจังหวัด กำหนดตามความต้องการเหมาะสมของพื้นที่ โดย ร่าง พ.ร.บ. กำหนดองค์ประกอบสำคัญเป็นหลักไว้ แต่รายละเอียดที่คณะกรรมการจังหวัดจะแต่งตั้งเพิ่มเติมว่ามีองค์ประกอบอะไรอีกบ้าง ให้เป็นอำนาจคณะกรรมการจังหวัด ซึ่งบางจังหวัดอาจมีเครือข่ายชาติพันธุ์ เครือข่ายม้ง ก็สามารถแต่งตั้งเพิ่มให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้
  2. กรรมการระดับจังหวัด เป็นผู้จัดทำ “แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด” ในเขตที่รับผิดชอบ โดยมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และภาคเอกชนในพื้นที่ (Bottom-up)
  3. มีมาตรฐานส่วนกลาง ควบคุมการระบาย โดยแต่ละจังหวัดสามารถกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายหรือปล่อยทิ้งอากาศเสียจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้เอง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ บริบท และความต้องการในแต่ละจังหวัด
  4. กรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้ประกาศ “เขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและเขตประสบมลพิษทางอากาศ”

 

อ่านรายละเอียดบึนทึกการประชุมกมธ.อากาศสะอาดฯ ครั้งที่ 19

 

 

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

มลพิษทางอากาศ

รัฐบาลผลักดันร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.....เพื่อบริหารจัดการและควบคุมกิจกรรมที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไฟป่า ที่กระทบต่อสุขภาพคนไทย โดยมีการเสนอถึง 7 ร่างให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: