ThaiPBS Logo

“ปะการังฟอกขาว” รุนแรงทุบสถิติ ลาม 84% ทั่วโลก

30 เม.ย. 256813:03 น.
“ปะการังฟอกขาว” รุนแรงทุบสถิติ ลาม 84% ทั่วโลก
หายนะทางทะเลเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปรากฏการณ์ "ปะการังฟอกขาว" รุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด ปะการังฟอกขาวรุนแรงทั่วโลกครั้งที่ 4 รุนแรงทุบสถิติ กว่า 84% ทั่วโลก ใน 82 ประเทศ กำลังเผชิญกับวิกฤต

สถิติใหม่ = ความรุนแรงใหม่

องค์กร International Coral Reef Initiative (ICRI) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐอเมริกา หรือ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ระบุว่าในปี 2024 โลกกำลังเผชิญกับ สภาวะปะการังฟอกขาวรุนแรงทั่วโลกเป็นครั้งที่ 4  หรือ Fourth Global Coral Bleaching Event และมีประมาณ 82 ประเทศที่โดนผลกระทบอยู่ หรือคิดเป็น 84% ของปะการังทั่วโลกที่กำลังตกอยู่ในภาวะฟอกขาว

ปะการังฟอกขาวครั้งแรก เกิดขึ้นในปี 1998 ซึ่งในปีนั้นมีปะการังโดนฟอกขาวประมาณ 21% ของทั่วโลก ต่อมาเกิดขึ้นครั้งที่ 2 ในปี 2010 มีปะการังฟอกขาวเพิ่มขึ้นเป็น 37% และครั้งที่ 3 เกิดขึ้นระหว่างปี 2014-2017 ซึ่งมีปะการังที่ได้รับผลกระทบถึง 68%

หากดูจากระยะเวลาและเปอร์เซ็นต์ของปะการังที่ได้รับผลกระทบ จะเห็นว่าสถานการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลกนั้นเกิด ‘ถี่ขึ้น’ และ ‘รุนแรงมากขึ้น’ ในช่วงหลัง

นักวิทยาศาสตร์เรียกสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ณ ปัจจุบันว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงส่งผลให้มีการขยายระดับความรุนแรงของสถานการณ์ปะการังฟอกขาวให้มีถึง 5 ระดับ จากเดิมทีที่มีการจำแนกสถานการณ์ไว้แค่ 2 ระดับ

การขยายระดับความรุนแรงใหม่สื่อให้เห็นว่าผลกระทบนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่าจะใช้มาตราฐานเก่าประเมิณสถานการณ์ได้

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวระดับ 2 เป็นเพียงการเตือนถึงความเสี่ยงของปะการังชนิดที่มีความอ่อนไหวต่ออุณหภูมิความร้อน แต่ทว่าระดับ 5 จะหมายถึงการสูญเสียปะการังเป็นวงกว้าง หรือ ปะการังมากกว่า 80% อาจจะตายจากการอยู่ในภาวะฟอกยาวเป็นระยะเวลานาน

องค์กร Global Coral Reef Monitoring Network (GCRMN) หนึ่งในเครือข่ายของ ICRI ซึ่งเป็นหน่วยงานติดตามปะการังโดยตรง คาดการณ์ว่าโลกสูญเสียปะการังไปแล้วมากกว่าครึ่งตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 เป็นต้นมา และระหว่างปี 2009 – 2018 โลกสูญเสียปะการังเพิ่มอีก 14% จากปัจจัยภาวะโลกร้อนและปัจจัยความเสียหายของธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากท้องถิ่น

สภาวะปะการังฟอกขาวรุนแรงทั่วโลกเป็นครั้งนี้ เริ่มต้นจากบริเวณซีกโลกเหนือ (Northern Hemisphere) ในเขตทะเลคาริบเบียนและ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และในช่วงกลางปี 2023 มีการพบปะการังฟอกขาวรุนแรงในซีกโลกใต้ (Southern Hemisphere) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ประเทศบราซิล เม็กซิโก ออสเตรเลีย และฟิจิ เป็นต้น   

สาเหตุหลัก ‘น้ำทะเลร้อนทั่วโลก’

สาเหตุของการเกิดสภาวะปะการังฟอกขาวรุนแรงทั่วโลกในบริเวณกว้างมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมามีการพบเจอสถานการณ์ คลื่นความร้อนในมหาสมุททรที่สูง หรือ Marine Heatwave ในหลายพื้นที่เป็นระยะเวลานาน

ในระหว่างปี 2023 – 2024 เกือบ 10% ของมหาสมุทรทั่วโลกเจอสถิติอุณหภูมิสูงใหม่ มีการคาดการณ์ว่าการกระทำของมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องถึง 50% ที่ทำให้คลื่นความร้อนในมหาสมุทรระหว่างปี 2011 – 2021 สูงขึ้น และหากยังไม่มีการปรับตัว เช่น ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงหรือลดการตัดไม้ทำลายป่า จะทำให้ความถี่ของการเกิดคลื่นความร้อนในท้องทะเลเพิ่มขึ้น 20 – 50%

องค์กรระดับโลกหลาย ๆ แห่ง เห็นตรงกันว่าสิ่งเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล

ในความเป็นจริงปะการังเป็นสัตว์ไม่มีสีหรือมีสีใส ๆ ซึ่งสีสันต่าง ๆ นั้นเกิดจากการที่สาหร่ายที่อาศัยอยู่ข้างในปะการังทำการสังเคราะห์แสง อุณหภูมิน้ำทะเลที่ร้อนขึ้นส่งผลให้สาหร่ายที่เป็นแหล่งอาหารและอาศัยอยู่ในปะการังหลั่งสารพิษและไม่สามารถทำการสังเคราะห์แสงเพื่ออยู่รอดได้ เพราะเหตุนี้ปะการังจึงสูญเสียสีสันต่างๆ

การร่วมมือระหว่างประเทศ 

ถึงแม้เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวมีทิศทางจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นักวิทยาศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถแก้ไขปัญหาและลดความรุนแรงลงได้หากมีการร่วมมือระหว่างรัฐบาล และระดับท้องถิ่น

การช่วยเหลือสถานการณ์ปะการังฟอกขาวและระบบนิเวศต้องอาศัยการร่วมมือจากทั่วโลก ทุกวันนี้โลกกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางชาตินิยมมากขึ้นซึ่งอาจทำให้การร่วมมือระหว่างประเทศเกิดขึ้นได้ยาก ผู้นำต้องมองปัญหาสิ่งแวดล้อมเหนือผลประโยชน์ทางการเมือง ผู้นำและรัฐบาลแต่ละประเทศควรช่วยกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ดูแลของตนเองและพื้นที่ที่อาจไม่ใช่ความรับผิดชอบโดยตรง เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบนี้ไม่มีขอบเขตชายแดนแบ่งแยก

ปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลกเพราะฉะนั้นจะการตั้งหน่วยงานท้องถิ่นในหลาย ๆ ที่เพื่อเก็บข้อมูล สร้างเครือข่าย ทำการทดลองต่างๆ จะเป็นประโยชน์ในวงกว้าง

ทั้งนี้ข้อแนะนำสำหรับหน่วยงานท้องถิ่นที่สามารถทำได้ คือ วางแผนการฟื้นฟูปะการัง ลดมลพิษสู่ท้องทะเล หยุดการประมงที่มากเกินไป (Overfishing) และปรับปรุงและเพาะพันธ์ุปะการัง (Selective Breeding) ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานของปะการังต่อสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนได้ดีขึ้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

ปล่อยก๊าซ CO2 ทั่วโลกพุ่ง ท้าทายเป้าหมาย Net Zero

8 เหตุการณ์ที่คนทั่วโลกโหวต คาดว่าจะเกิดในปี 68

โลกร้อนทุบสถิติ เกิน 1.5 องศาก่อนยุคอุตฯนาน 12 เดือน

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ คือ ปัญหาที่ไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญและพยายามหาทางรับมือแก้ไข โดยรัฐบาลประกาศสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยในปี 2567 ได้เข้าร่วมประชุม COP29 เพื่อแสดงบทบาทความร่วมมือกับประชาคมโลก

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: