คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการกำหนดอัตราค่าจ้าง 400 บาท ทั่วประเทศ โดยกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการค่าจ้างได้ดำเนินการ ดังนี้
1.กำหนดให้สำรวจค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของแรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงานในภาคอุตสาหกรรม ปี 2567 เดือนเม.ย.-มิ.ย. 2567
2.กำหนดให้มีการประชุมหารือผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเดือน พ.ค. 2567
3. สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างเสนอคณะกรรมการค่าจ้างพิจารณากรอบแนวทางและหลักเกณฑ์การทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด เพื่อให้การประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดทุกจังหวัดและคณะอนุกรรมการวิซาการและกลั่นกรองเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอย่างมีหลักวิชาการและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
เดือน พ.ค. -ส.ค. 2567
4.สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างเสนอคณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดทุกจังหวัดและคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองเพื่อทบทวนการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 และเสนอประกาศ คณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ เดือน ก.ย. – ต.ค. 2567
ก่อนหน้านี้ ครม.ได้ปรับขึ้นค่าจ้าง ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้าง โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ในพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง เนื่องจากเป็นเขตพื้นที่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง ซึ่งได้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท หรือปรับเพิ่มในอัตราวันละ 30-55 บาท แล้วแต่เขตพื้นที่ และให้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย 2567 เป็นต้นไป
การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโต โดยตั้งเป้าหมายต้องขึ้นค่าจ้างให้ได้ 400 บาทต่อวัน ทั่วประเทศภายในปีแรก และในปี 2570 จะปรับขึ้นไปให้ถึงในอัตรา 600 บาท ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างจะต้องผ่านการเจรจาในคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่ายก่อน ประกอบด้วย นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน
เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในธุรกิจโรงแรม 10 จังหวัด
นักเศรษฐศาสตร์แนะเพิ่มทักษะ แก้ปัญหารายได้แรงงาน
ค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท : กระทบใคร-กระทบอย่างไร
ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล, การประชุมคณะรัฐมนตรี 14 พ.ค. 2567