ปัญหาการจ่ายหนี้ของ กทม.และ บริษัทบีทีเอสซีที่ดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อ 29 ก.ย. 68 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาคดีหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยสั่งให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมกันชำระค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ส่วนต่อขยาย ให้แก่ BTSC
รายละเอียดคำสั่งดังนี้ มูลหนี้ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท (11,811 ล้านบาท) พร้อมดอกเบี้ย โดยมีที่มา หนี้ค่าจ้าง O&M ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ในช่วง 1 มิ.ย. 64-20 พ.ย. 65 โดยคำสั่งศาลให้ กทม. ต้องชำระหนี้ก้อนนี้ ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร (กทม.) นับตั้งแต่ 2 ม.ค. 67 เป็นต้นมา ได้ประกาศเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย ในอัตรา 15 บาทตลอดสาย สำหรับการเดินทางในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 2 คือช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพื่อช่วยลดภาระหนี้สินของ กทม.ที่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถ ให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC กว่า 32,000 ล้านบาท
กทม.เสนอสภา กทม.เตรียมจ่ายหนี้บีทีเอสซี
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับ Policy Watch ถึงหนี้ค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2) มูลค่า 32,000 ล้านบาท ว่า ทางรัฐบาลและ กทม. ต้องการชำระคืนทั้งหมด เพราะหากปล่อยไว้นานดอกเบี้ยก็จะยิ่งแพงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการจ่าย แต่งบประมาณปี 68 มีไม่พอ ต้องพิจารณาว่าเหลือเท่าไหร่ รวมกับของบประมาณจากปี 69 ที่กำลังจะมาเดือน ต.ค. หากเงินมีมากพอก็จะจ่ายทั้งหมด
อย่างไรก็ตามสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่าง กทม.และบริษัท บีทีเอสกำลังจะสิ้นสุดลงในปี 72 ซึ่ง กทม.อยู่ระหว่างการจ้างบริษัทที่ปรึกษา หาทางออก โดยแนวทางของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่า กทม. เห็นว่าอาจจะเสนอคืนรัฐบาล โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริหารจัดการ แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะพิจารณาอย่างไร
แต่หากรัฐบาลยังให้ กทม.บริหารจัดการต่อไป กทม.จะพิจารณาว่าจะดำเนินการตามรูปแบบไหน หากหมดสัญญาสัมปทานในปี 72 โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษา การเปิดสัมปทานใหม่ตามกฎหมายพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562) เพื่อศึกษาดูว่าควรจะเปิดสัมปทานใหม่รูปแบบ PPP (รัฐและเอกชนร่วมกันพัฒนา) หรือจะมีการต่อสัมปทานเจ้าเดิมต่อหรือไม่
“เรื่องสัญญาสัมปทานบีทีเอส ค่อนข้างมีความซับซ้อนอยู่ เพราะแม้หมดสัญญาสัมปทานปี 72 แต่ยังมีสัญญาจ้างเดินรถจนถึงปี 85 การเปิดสัญญาสัมปทานใหม่ แล้วรายใหม่เข้ามาบริหารอย่างไร มีผลดีหรือผลเสียอย่างไร ต้องรอดูผลศึกษาว่าจะมีแนวทางอย่างไร”
สำหรับผลศึกษาจะออกมาในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 69 จากนั้นจะเสนอกลับไปสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจว่าจะเดินการต่อในรูปแบบไหน
ปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้สินค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เกิดขึ้นแล้ว และยังค้างชำระ โดยแบ่งเป็น ชำระแล้ว (ก้อนที่ 1): 14,476 ล้านบาท (ชำระเมื่อ ธ.ค. 2567 ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด) (ก้อนที่ 2): 11,811 ล้านบาท (ศาลปกครองกลางสั่งจ่าย) และหนี้ที่ยังไม่ฟ้อง (ก้อนที่ 3 และ 4) รวมอีกกว่า 33,104 ล้านบาท (ค่าจ้าง O&M ตั้งแต่ พ.ย. 2564 – พ.ค. 2568)
ศาลปกครอง สั่ง กทม.จ่ายหนี้บีทีเอสซี
ทั้งนี้ เมื่อ 29 ก.ย. 68 ที่ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2505/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 2266/2568 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
โดยผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่งวดเดือนมิถุนายน 2564 ถึงงวดเดือนตุลาคม 2565 ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ตามสัญญา พร้อมดอกเบี้ยคิดคำนวณจนถึงวันฟ้องคดีรวมเป็นเงินจำนวน 11,068,554,611.61 บาท
ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีของศาลปกครองสูงสุด หมายเลขดำที่ อ.2222/2565 หมายเลขแดงที่ อ. 725/2567 เนื่องจากมีคู่กรณีและสัญญาที่พิพาท เป็นอย่างเดียวกัน ดังนั้น ประเด็นเรื่องความสมบูรณ์ของสัญญาที่พิพาทในคดีนี้จึงได้รับการวินิจฉัยชี้ขาดแล้วโดยศาลปกครองสูงสุด และเป็นที่สุดตามมาตรา 73 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
สำหรับประเด็นเรื่องยอดหนี้ตามคำฟ้อง ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ให้แก่ผู้ฟ้องคดีบางส่วนแล้ว แต่ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่ มิ.ย. 64-ต.ค. 65
ทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ที่ต้องชำระให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในฐานะผู้ว่าจ้างและผู้มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดำเนินกิจการทางปกครองดังกล่าว จึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ค่าให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ค้างชำระทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฟ้องคดี
ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกล่าวอ้างการนำสูตรคำนวณในเอกสารแนบท้าย 7 ของสัญญามาใช้ในการคำนวณหนี้เงินและดอกเบี้ยค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงตามสัญญา นั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการปรับค่าจ้างใหม่ตามปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลง ตามข้อ 7.4 ของสัญญา ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงไม่อาจนำสูตรคำนวณในเอกสารแนบท้าย 7 ของสัญญา มาใช้ในการคำนวณหนี้เงินและดอกเบี้ยค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่ต้องชำระให้แก่ผู้ฟ้องคดีได้
ศาลชี้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไม่เกี่ยวกับหนี้ค่าจ้างเดินรถ
ส่วนกรณีการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในส่วนของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 13 คน กรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการขยายอายุสัญญาสัมปทานหรือทำสัญญาเพิ่มเติมให้กับผู้ฟ้องคดีในการประกอบกิจการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร นั้น
เห็นว่า ข้อมูลการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขยายอายุสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชน กทม. แต่ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไม่ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายที่ 1และส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งเป็นคนละสัญญาแยกต่างหากจากสัญญาสัมปทาน การชี้มูลดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อสัญญาที่พิพาทในคดีนี้
ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดี สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,895,049,026.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,771,356,222.15 บาท
สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2จำนวน 8,173,420,912.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 7,848,122,792 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้า รายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาทบวกร้อยละ 1 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วน ตามส่วนของการชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: