รัฐบาลอนุทิน เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง ปี 70-73 พยายามจัดทำงบให้อยู่ระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษา "เครดิต"ของประเทศ แต่ยังไม่สามารถจัดทำงบประมาณแบบ "สมดุล" ที่ไม่ต้องกู้เงินมาสนุบสนุนงบประมาณได้ คาดสิ้นแผนหนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน ตามกฎหมายกำหนดไว้ที่ 70% ของจีดีพี แต่รัฐบาลพยายามจะลดขาดดุลลง
สศช.เตือนรัฐบาลลดภาระหนี้ “นอกงบประมาณ“ หลังจากกน่วยงานรัฐและรัฐบาล เลี่ยงเพดาน “หนี้สาธารณะ“ ด้วยการก่อหนี้ รวมกว่า 8.9 แสนล้านบาท ระบุหากไม่ปรับลด จะทำให้ “ฐานะการคลัง“ไม่อาจรับภาระได้ จากต้องใช้หนี้ ขณะที่รัฐบาลใช้จ่ายมากกว่ารายรับมานาน
ฐานะการคลังไทยมีความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะสูง จากเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เห็นกันทุกปี แต่รอบนี้ IMF ออกมาเตือนรัฐบาล ให้จัดทำงบประมาณแบบสมดุลระยะปานกลาง "ที่น่าเชื่อถือ" ขณะที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือ เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศระยะยาว กระทบนโยบายด้านเศรษฐกิจ
รัฐบาลขยับสัดส่วนการก่อหนี้ ตามมาตรา 50 ตามพ.ร.บ.วินัการเงินการคลัง แต่ที่ผ่านมา นับตั้งแต่โควิด-19 รัฐบาลเริ่มก่อหนี้มากขึ้นด้วยการกู้เงิน นอกจากการกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลแล้ว เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ ทำให้กระทบรายได้ จนทำให้ต้องขยายเพดานก่อหนี้ มีความเสี่ยงด้านความเชื่อมั่น
สัญญาณร้ายหนี้สาธารณะ เริ่มขยับเกินกรอบพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง จากยอดหนี้ล่าสุดเมื่อสิ้นก.ย. 67 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อรายได้เกินกฎหมายที่กำหนดไว้ที่ 35% แม้สัดส่วนต่อจีดีพียังอยู่ในกรอบ
หนี้สาธารณะขยับขึ้นเป็น 65.74% ของจีดีพี จากเพดานตามกฎหมายที่ 70% แต่สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้เสี่ยง แตะ 33.76% จากเพดาน 35% โดยมาจากการปรับงบประมาณและแผนก่อหนี้ ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงท้ายปีงบประมาณ แจกเงิน 10,000 บาท กลุ่มเปราะบาง
รัฐบาลปรับปรุงแผนการก่อหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นอีก 5.6 แสนล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สาธาณะของไทยจะอยู่ที่ 61.29% ของจีดีพี (GDP) โดยในแผนมีการเพิ่มวงเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เป็นผลมาจากงบประมาณปี 67 ที่ล่าช้า ค้ำประกันเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจ รวมถึงขยายวงเงินกู้เสริมสภาพคล่อง กฟผ. และกองทุนน้ำมันฯ
