สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับบริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด (SAB) ทำการสำรวจแรงจูงใจและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับไปยังภูมิลำเนาและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้แรงงานคืนถิ่นสามารถยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อศึกษาสาเหตุของการย้ายถิ่นฐานออกจากภูมิลำเนา ข้อจำกัดในการย้ายกลับ และปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการย้ายกลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง
การสำรวจกำหนดกลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ คนทำงานตอนต้น (อายุ 20 – 35 ปี) ที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ขึ้นไปที่ย้ายเข้าไปทำงานในจังหวัดเศรษฐกิจของภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา จำนวน 2,563 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจ พบว่าสาเหตุที่ทำให้คนทำงานตอนต้นย้ายมาจังหวัดเศรษฐกิจมักเกี่ยวกับเรื่องงาน โดยคนทำงานตอนต้นที่เข้ามาทำงานในจังหวัดเศรษฐกิจส่วนใหญ่ (60.5%) ย้ายมาเพื่อทำงาน ซึ่งกว่าครึ่ง (50.7%) ได้มีการวางแผนไว้ตั้งแต่กำลังศึกษา
ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างอีก 21.5% เริ่มต้นจากการย้ายมาเพื่อศึกษาต่อและเกือบทั้งหมดของกลุ่มนี้ (91.9%) เลือกที่จะทำงานต่อในจังหวัดที่ย้ายเข้ามาเรียน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกอยู่ต่อมาจากการมองเห็นโอกาสในจังหวัดเศรษฐกิจ และมีความเคยชินกับสภาพแวดล้อม/สังคม โดย 64.5% เห็นว่ามีเงินเดือน/สวัสดิการดีกว่า และ 56.7% เห็นว่ามีความคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่นี่
สอดคล้องกับผลการสำรวจเกี่ยวกับสาเหตุที่ย้ายเข้ามาทำงานในจังหวัดเศรษฐกิจ โดยกลุ่มตัวอย่าง 67.5% ย้ายมาทำงานที่นี่เพราะต้องการมีเงินเดือน/สวัสดิการที่ดีขึ้น และ 46.2% ต้องการการเติบโตในสายงาน
ทั้งนี้ หากจำแนกตามลักษณะของอาชีพ พบว่า ปัจจัยสำคัญอันดับแรกของกลุ่มลูกจ้าง คือ ด้านรายได้และสวัสดิการ รองลงมาเป็นด้านโอกาสเติบโตในสายงาน ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ อันดับแรกเป็นด้านเศรษฐกิจ/กำลังซื้อ รองลงมาเป็นด้านคุณภาพชีวิต
เมื่อพิจารณาแนวโน้มการย้ายกลับภูมิลำเนา พบว่า คนทำงานตอนต้นมีแนวโน้มจะย้ายกลับภูมิลำเนาไม่มาก และระยะเวลาในการย้ายกลับค่อนข้างนาน โดยกลุ่มตัวอย่าง 40.3% ระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายกลับหรือไม่ ขณะที่อีก 26.7% ตั้งใจจะตั้งถิ่นฐาน/อยู่ในจังหวัดเศรษฐกิจอย่างถาวร และอีก 33.0% มีแนวโน้มจะย้ายกลับ ซึ่งในกลุ่มนี้ 40.9% มีการกำหนดระยะเวลาที่จะย้ายกลับที่แน่นอน โดยเฉลี่ยประมาณ 10 ปี
หากจำแนกกลุ่มอาชีพ พบว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่ (57.3%) จะย้ายกลับเมื่อเกษียณ ขณะที่กลุ่มพนักงานเอกชนและผู้ประกอบอาชีพอิสระ จะย้ายกลับเมื่อมีเงินเก็บตามเป้าหมาย โดยมีสัดส่วน 78.1% และ 75.3% ตามลำดับ
ขณะที่ อุปสรรคต่อการย้ายกลับภูมิลำเนา พบว่า
1. ความกังวลต่อการสูญเสียความมั่งคั่งและระดับคุณภาพชีวิต โดยกลุ่มตัวอย่าง 63.4% ไม่ต้องการสูญเสียรายได้หรือสวัสดิการที่มีอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มที่เคยทำงานในภูมิลำเนามาก่อน 82.2% ที่มีรายได้ดีขึ้นหลังจากย้ายมาทำงานในจังหวัดเศรษฐกิจ และ 72.9% ระบุว่ามีเหลือให้เก็บออม
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งยังไม่กล้าเสี่ยงเปลี่ยนงานหรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ซึ่งในภาพรวมกลุ่มตัวอย่างค่อนข้าง พึงพอใจกับงานที่ทำอยู่ โดยคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 8.06 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินย้ายกลับภูมิลำเนา

อีกทั้ง 47.1% ยังประเมินว่างาน/ธุรกิจที่ท าในปัจจุบันมีความมั่นคงอยู่แล้ว นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างยังกลัวว่าคุณภาพชีวิตจะแย่ลงหากต้องย้ายกลับภูมิลำเนา ซึ่งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (73.0%) มองว่าคุณภาพชีวิตในจังหวัดปัจจุบันดีกว่าภูมิลำเนา
2. การมีภาระต่าง ๆ อาทิ กลุ่มที่มีบ้านอย ่ในจังหวัดเศรษฐกิจ ทั้งที่เป็นเจ้าของเองและเป็นของครอบครัว มีแนวโน้มจะย้ายกลับภูมิลำเนาเพียง 13.9% ขณะที่กลุ่มที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 41.5% เช่นเดียวกับ กลุ่มที่มีลูกอาศัยอยู่ด้วยในจังหวัดปัจจุบัน ส่วนใหญ่ (41.2%) รู้สึกเฉย ๆ กับการย้ายกลับไปทำงานที่ภูมิลำเนา และอีก 35.0% ไม่อยากกลับ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคำนึงถึงรายได้ที่จะมาดูแลค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก รวมถึงคุณภาพชีวิตของลูก
สัดส่วนของแรงงานตามระดับความผูกพันกับภูมิลำเนา จำแนกตามจำนวนปีที่ย้ายมาอยู่ในจังหวัดเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน การมีภาระทางการเงินทำให้ยังไม่สามารถกลับภูมิลำเนาได้ โดยกลุ่มที่ต้องส่งเงินกลับไปช่วยเหลือครอบครัวในภูมิลำเนายังต้องอยู่เพื่อทำงานหาเงินซึ่งมีระยะเวลาที่จะต้องทำงานในจังหวัดปัจจุบันอีกประมาณ 11.6 ปี ใกล้เคียงกับในกลุ่มที่มีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระซึ่งมีระยะเวลาทำงานเฉลี่ย 11.4 ปี
3. ความผูกพันกับท้องถิ่นที่ลดลง โดยเมื่อแรงงานจากภูมิลำเนามานานจะส่งผลให้ยิ่งมีความผูกพันน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่มักมองว่าจังหวัดปัจจุบันเป็นบ้านมากกว่าภูมิลำเนาเดิม โดยเมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาการอยู่อาศัยในจังหวัดเศรษฐกิจ กับระดับความผูกพันกับภูมิลำเนา พบว่า กลุ่มที่ย้ายมาไม่เกิน 5 ปี มีระดับความผูกพันในระดับปานกลาง–มาก ในสัดส่วนกว่า 90.9%
ขณะที่กลุ่มที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเศรษฐกิจมานาน 21–25 ปี กว่า 87.5% มีความผูกพันในระดับน้อยถึงไม่ผูกพันเลย นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างบางส่วนยังระบุว่า มีปัญหากับครอบครัวในภูมิลำเนา ทำให้ไม่อยากกลับไป รวมถึงบางกลุ่มกลัวต้องเผชิญกับทัศนคติเชิงลบจากคนในภูมิลำเนาของตนเอง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่จะจูงใจให้คนทำงานตอนต้นย้ายกลับไปทำงานในท้องถิ่น ผลสำรวจพบว่าสิ่งสำคัญคือการมีโครงสร้างและการสนับสนุนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีในการรองรับการกลับบ้านเกิดโดยกลุ่มที่ประกอบอาชีพในลักษณะลูกจ้างส่วนใหญ่ (64.1%) ต้องการสวัสดิการพิเศษจากองค์กรสำหรับการกลับไปทำงานในท้องถิ่น ขณะที่กลุ่มอาชีพอิสระต้องการเงินทุนสนับสนุน อาทิ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงินสมทบในการทำธุรกิจ มากที่สุด ที่ 56.2%
นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มยังต้องการขนาดเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมถึงการมีธุรกิจ/มีงานรองรับ ในสัดส่วน 44.1% และ 48.3% ตามลำดับ ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างบางกลุ่มยังต้องการการสนับสนุนด้านองค์ความรู้เพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการลงทุนทำธุรกิจใหม่ในภูมิลำเนาหรือรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว ที่เกือบ 1 ใน 3 ต้องการการฝึกอบรมทักษะ/ที่ปรึกษาแผนธุรกิจ
ขณะเดียวกัน ในด้านคุณภาพชีวิตในภูมิลำเนา พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนไม่น้อย (27.0%) ต้องการให้ระบบการศึกษาในภูมิลำเนามีคุณภาพทัดเทียมกับเมืองใหญ่ อีกทั้ง 18.6% ยังต้องการให้มีระบบขนส่งมวลชนที่ทั่วถึง และ 15.9% ให้ความสำคัญกับการมีประปา ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
หากภาครัฐสามารถยกระดับคุณภาพหรือเพิ่มประสิทธิภาพปัจจัยเหล่านั้นได้ จะมีผลจูงใจแรงงานกว่า 62.9% ให้กลับภูมิลำเนา
ข้อค้นพบข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การทำให้แรงงานในภูมิลำเนามีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากภาครัฐอาจต้องให้ความสำคัญกับการทำให้แรงงานอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ต้น เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดจากปัจจัยผูกมัดต่าง ๆ ของแรงงานหลังจากย้ายออกไปทำงานในจังหวัดเศรษฐกิจแล้ว โดยมีประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการ ได้แก่
1. การพัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจในภูมิลำเนา ซึ่งต้องเร่งขยายผลนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองรอง รวมถึงส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาคที่มีอยู่ให้เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานของการลงทุนในจังหวัดเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานที่มีทักษะ เพื่อสร้างงานที่สามารถสร้างรายได้ที่ใกล้เคียงกับจังหวัดเศรษฐกิจมากขึ้น การเร่งพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจของภูมิภาค ให้เป็นศูนย์กลางของการกระจายความเจริญไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงซึ่งส่วนหนึ่งต้องมีการทบทวนแนวทางการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศในปัจจุบัน และขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเร่งผลักดันให้มีการพัฒนาระบบขนส่งทางรางที่เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ
2. การสร้างแหล่งเงินทุน และการส่งเสริมความรู้ ทักษะในการประกอบอาชีพ ซึ่งมีความสำคัญ โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการกลับไปเริ่มต้นธุรกิจใหม่หรือพัฒนาธุรกิจเดิมของครอบครัว โดยอาจพิจารณาให้มีโครงการหรือกองทุนสำหรับผู้ที่ต้องการกลับไปสร้าง/พัฒนาธุรกิจในบ้านเกิด เพิ่มเติมจากแหล่งเงินทุนที่มีอยู่เดิม พร้อมกับการพัฒนาหลักสูตรที่จำเป็นต่อการเป็นผู้ประกอบการที่เหมาะสมกับยุคสมัย และพัฒนาระบบพี่เลี้ยงให้สามารถดูแลและให้คำปรึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านแผนธุรกิจและการสนับสนุนให้นำองค์ความรู้กลับไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้จริง
3. การยกระดับคุณภาพของระบบสาธารณูปโภค บริการการศึกษาและสาธารณสุขในพื้นที่ซึ่งจะต้องพัฒนาคุณภาพและขยายความครอบคลุมให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีผลต่อทัศนคติต่อคุณภาพชีวิตในภูมิลำเนาของแรงงาน ทั้งการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ไฟฟ้าและประปา และโครงข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงการพัฒนาบริการด้านสุขภาพ และคุณภาพการศึกษา ที่จะช่วยจูงใจให้แรงงานที่มีลูกให้กลับมาทำงานและส่งลูกเรียนในภูมิลำเนา เพื่อให้เป็นแรงงานที่มีทักษะให้กับสถานประกอบการในพื้นที่
4. การส่งเสริมความผูกพันกับบ้านเกิดและสร้างเครือข่ายคนคืนถิ่นในพื้นที่ โดยอาจส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่ดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและความผูกพันกับภูมิลำเนา รวมถึงควรมีการรณรงค์การกลับบ้านอย่างภาคภูมิ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีในการกลับบ้านต่อทั้งตัวแรงงานครอบครัว และชุมชน ตลอดจนสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเครือข่ายคนคืนถิ่นในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการคืนถิ่นในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ รวมถึงโอกาสทางอาชีพ/ธุรกิจ เพื่อให้แรงงานเห็นหนทางในการกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด
ที่มา: แรงงานคืนถิ่น : ทางเลือกที่กลายเป็นโอกาส, รายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาสาม ปี 2568,สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งวชาติ(สศช.)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
- คนไทย 40 ล้านเป็น”ผู้มีงานทำ” ทำอะไรและอยู่ที่ไหน
- เกษตรกรไทยติดกับดักรายได้ต่ำ ไร้เสน่ห์ดึงดูดแรงงานรุ่นใหม่
- แรงงานกลับบ้านเกิด เศรษฐกิจชนบทกำลังเปลี่ยน




