กฎหมายสมรสเท่าเทียมให้มากกว่าสิทธิคู่รัก LGBTQIAN+ ได้จดทะเบียนสมรส เพราะได้นำไปสู่การทบทวนระบบราชการที่จะต้องพัฒนาตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสงคมและนโยบายทางการเมือง รวมทั้งองค์กรอิสระที่ยังออกนโยบายที่ขัดแย้งกับระบบแต่งงานตามกฎหมายไทย
สถานการณ์เหล่านี้ถูกสะท้อนผ่าน งานวิชาการในงานประชุมวิชาการระดับชาติ “ไทย LGBTQIAN+ ศึกษา 2025: ทวน-ท้าความคิด พินิจอนาคต” ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร วันที่ 28 – 29 ส.ค. 2568
ชิติพัทธ์ สุนทรสารทูล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตั้งข้อสังเกตระบบราชการหลังสมรสเท่าเทียมในบทความวิชาการ “การเมืองเรื่องเพศหลากหลาย: ภาพสะท้อนความย้อนแย้งของรัฐและสังคมไทย” ว่า ยังมีความขัดแย้งระหว่างสังคมไทยกับภาคส่วนของรัฐไทย ในมิติส่งเสริมความเท่าเทียมของเพศหลากหลาย ในขณะที่ภาคการเมืองมีท่าทีตอบสนองมากขึ้นต่อประเด็นเพศหลากหลาย โดยเฉพาะการผ่านร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม และพรรคการเมืองต่าง ๆ ออกมาสนับสนุนความหลากหลายทางเพศผ่านนโยบายและร่วมกิจกรรมงานไพรด์
หากแต่ภาคส่วนของระบบราชการกลับยังคงมีแนวโน้มอนุรักษนิยม มีโครงสร้างที่แข็งตัว และปรับตัวล่าช้า เกิดทางตันในการนำเสนอและพัฒนานโยบายโดยภาคการเมือง
เห็นได้จาก สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีวินิจฉัยในวันที่ 17 พ.ย. 2564 ก่อนมี กฎหมายสมรสเท่าเทียมว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 ที่ระบุว่ามีเฉพาะชายกับหญิงเท่านั้นที่มีสิทธิจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และยังพิจารณาว่าการสมรสสร้างครอบครัวเป็นไปเพื่อการมีลูกสืบวงศ์ตระกูล และมีค่านิยมที่แบ่งเพศตามเพศกำเนิดชาย-หญิงเท่านั้น
นอกจากนี้ ชิติพัทธ์ สุนทรสารทูล ยังตั้งข้อสังเกตว่า การปรับตัวของระบบราชการต่อความหลากหลายทางเพศมีลักษณะเชิงรับ (reactive) เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่บังคับใช้ มิใช่จากความมุ่งมั่นภายในองค์กรต่อความหลากหลายทางเพศ การปรับตัวโดยถูกบังคับเช่นนี้จึงมักไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง
แนวปฏิบัติของระบบราชการยังคงตอกย้ำค่านิยมที่มีเพียง 2 เพศ ชาย-หญิง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ระเบียบการแต่งกายของข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยังกำหนดตามเพศกำเนิด ชาย-หญิง
ค่านิยมของระบบราชการนี้บีบบังคับให้กลุ่มเพศหลากหลายต้องแสดงออกให้สอดคล้องกับแบบแผนทางเพศที่รัฐยอมรับ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้ อาจกล่าวได้ว่ารัฐราชการมีลักษณะ “ฟอกรุ้ง” (rainbow washing) หรือ “ฟอกสีชมพู” (pink washing) ซึ่งรัฐหยิบยกสิทธิของกลุ่มเพศหลากหลายขึ้นมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและภาพลักษณ์บนเวทีนานาชาติ โดยไม่ได้จัดการกับความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างภายในประเทศอย่างแท้จริง
ชิติพัทธ์ เสนอว่า ความเท่าเทียมของกลุ่มเพศหลากหลายในประเทศไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมภาคราชการ หากไม่มีการพัฒนาระบบราชการ กฎหมายของเพศหลากหลาย เช่นสมรสเท่าเทียมจะเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น
เพื่อผ่าทางตันของระบบราชการ นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายใน 4 ด้าน ได้แก่
- การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทั้งการบริหารและการบริการที่คำนึงถึงความหลากหลายทางเพศมากขึ้นและเพิ่มการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนและภาคประชาสังคม
- การพัฒนาความสามารถในการทำงาน ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุน การเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง มีระบบการทำงานที่เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ
- การปรับเปลี่ยนบรรทัดฐาน ปรับปรุงข้อกำหนด กฎระเบียบโดยคำนึงถึงความหลากหลายทางเพศ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรกับความหลากหลายทางเพศ
- การพัฒนาทัศนคติ ในหน่วยงานราชการต้องมีโครงการอบรม ให้ข้าราชการเดิมและบรรจุใหม่เรียนรู้และเข้าใจความหลากหลายทางเพศมากขึ้น และเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ
เร่งสร้างไทยให้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับ LGBTQIAN+ โลก
ในงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ ปีเตอร์ เอ. แจ็กสัน มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวปาฐกถาว่า ประเทศไทยมีทิศทางยอมรับ LGBTQIAN+ ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดสมรสเท่าเทียม ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกเกิดความตึงเครียดเกี่ยวกับสิทธิและสถานภาพของ LGBTOAN+ เนื่องจากประเทศมหาอำนาจ กำลังต่อต้านความหลากหลายทางเพศอย่างเข้มข้นขึ้น เช่นประเทศจีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ประเทศไทยได้เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้กับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศจากหลายประเทศผู้ซึ่งเผชิญกับความตึงเครียด และถูกเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรงในประเทศของตน
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะเร่งผลิตความรู้ด้าน LGBTOAN+ ศึกษา เพื่อสนับสนุนความเคลื่อนไหว ทลายอคติและสร้างการยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาคลังเก็บเอกสารสำคัญ ด้านประวัติศาสตร์ LGBTQIAN+ เพื่อบันทึกให้เห็นถึงต่อสู้และความสำเร็จของกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่ม LGBTQIAN+ ในประเทศไทย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สิทธิของพ่อแม่ LGBTIQAN+ จะเป็นอย่างไร ภายหลังประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม
- LGBTQIAN+ ทำไงหน่วยงานรัฐยังไม่ทบทวนกม.ตาม ‘สมรสเท่าเทียม’
- สิทธิ์ยาข้ามเพศ “บัตรทอง” ก้าวสำคัญที่ต้องจับตา