เนื่องจากกฎหมายการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐที่มีอยู่ คือ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีข้อจำกัดและเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล แม้จะเป็นกฎหมายที่ก้าวหน้ามาก แต่ก็เมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา และด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีช่องทางเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่หยุดนิ่ง กฎหมายการเข้าถึงข้อมูลของรัฐจึงต้องพัฒนาตาม
กฎหมายนี้ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2562 เพื่อสอดคล้องไปกับ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในรูปแบบดิจิทัลให้เข้าถึงง่ายขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เนื่องจากภาครัฐพยายามพัฒนาตนเองเป็นภาครัฐแบบเปิด (Open Government) ดำเนินการข้อมูลเปิด (Open Data) เปิดเผยข้อมูลพื้นฐาน ผลงานและการดำเนินการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนรับรู้ เพื่อความโปร่งใส
เห็นได้จากในปี 2561 คณะรัฐมนตรี มีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ดำเนินการเข้าร่วมเป็นสมาชิก Open Government Partnership (OGP) และก่อตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในปีเดียวกัน ให้เป็นหน่วยงานกลางเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) ซึ่งประเทศไทยผ่านเกณฑ์เข้าร่วม Open Government Partnership ได้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2568
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้รอบด้าน สะดวกสบาย เนื่องจากกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการที่ใช้อยู่ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ
จากกฎหมายที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแม้จะถูกปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล เพิ่มช่องทางเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการให้บริการ ทำให้แต่ละหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกันในการให้บริการข้อมูลข่าวสาร
ประชาชนจึงยังเข้าถึงข้อมูลได้ไม่เพียงพอและไม่สะดวก เพราะยังมีอีกหลายข้อมูลข่าวสารสำคัญ ที่หากประชาชนต้องการเข้าถึง ต้องเดินทางไปยื่นคำขอที่สำนักงาน ต้องติดต่อและขอรับเอกสารหลักฐานที่สำนักงานด้วยตนเอง ซึ่งตามขั้นตอนของระบบราชการทำให้ผู้ที่ทำเรื่องขอข้อมูลต้องรอนาน
ขณะเดียวกัน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 15 กำหนดไว้ว่า เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจไม่เปิดเผยข้อมูลได้ หากเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแล้วนำไปสู่ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลัง ซึ่งการตีความว่าอะไรคือความมั่นคง เป็นการกำหนดขอบเขตที่สามารถตีความได้กว้างมาก
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่มักตีความและเลือกที่จะไม่เปิดเผยข้อมูล และผลักภาระให้แก่ผู้ร้องขอไปใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อให้ได้เข้าถึงข้อมูล แม้ว่าตามหลักการพื้นฐานแล้ว การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ คือ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” และ ผู้ขอไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียหรือประโยชน์เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารที่ขอ กลายเป็น “ปกปิดเป็นหลัก เปิดเผยเป็นข้อยกเว้น”
ดังจะเห็นได้จากการศึกษาของ เขมภัทร ทฤษฎิคุณ นักวิจัยอาวุโสด้านกฎหมายเพื่อการพัฒนา ทีดีอาร์ไอ พบว่า ตั้งแต่ปี 2560 – 2565 จำนวนคำขออุทธรณ์เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี และนับตั้งแต่ปี 2558 – 2565 มีคำขออุทธรณ์เฉลี่ยปีละ 458 คำขอ ซึ่งคำร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐเห็นว่า ประชาชนผู้ร้องขอไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารดังกล่าว
นอกจากนี้ ข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลของกฎหมายนี้ ยังไม่ครอบคลุมไปถึงบางหน่วยงานของรัฐ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอัยการ มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษา รวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลเอกชน ที่ได้รับงบประมาณจากรัฐ หรือได้ใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินหรืออำนาจของรัฐ เช่น
- ได้รับมอบให้ใช้อำนาจแทนหน่วยงานรัฐ หรือใช้ทรัพยากรของรัฐ
- ได้รับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ
- ได้ทำสัญญาร่วมลงทุนกับหน่วยงานของรัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน
- มีหน่วยงานของรัฐมีทุนหรือถือหุ้นอยู่ด้วย
- รับบริจาคและได้รับสิทธิลดหย่อนหรือ ยกเว้นภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร
จากข้อมูลข่าวสารราชการ สู่ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ
จากการเสนอ ร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ โดย สส. วรภพ วิริยะโรจน์ จากพรรคก้าวไกลขณะนั้น หากแต่ร่างนี้ยังคงค้างการพิจารณาในสภาฯ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
หากร่างกฎหมายนี้ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติทั้งหมดออกเป็นกฎหมาย จะเป็นการยกเลิกกฎหมายเดิมคือ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ซึ่ง “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ” ที่เข้ามาแทนที่หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่ผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบหรือตรวจดูได้โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอ เพื่อให้เห็นว่าข้อมูลข่าวสารของรัฐและราชการเป็นของประชาชนที่ประชาชนต้องเข้าถึงได้
ไม่เพียงครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งเอกชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับภาครัฐโดยตรงจะต้องเปิดเผยข้อมูล เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการรับทราบและตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐ เพื่อป้องกันปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ยังกำหนดให้หน่วยงานที่ถูกกำหนดในกฎหมาย ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะประเภทต่าง ๆ เพื่อลดเงื่อนไขในการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ลง เช่น
- สัญญาของหน่วยงานของรัฐ
- วาระการประชุม บันทึกการประชุม รายงานการประชุม บันทึกภาพและเสียงของการประชุม ชวเลข เอกสารประกอบการ นำเสนอในที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการที่แต่งตั้ง โดยกฎหมายหรือโดยมติคณะรัฐมนตรี รวมถึง ผลการลงมติและความคิดเห็นของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ หรือคณะกรรมการเป็นรายบุคคล
- ข้อมูลข่าวสารของราชการในทุกขั้นตอนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณรายรับ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ การใช้และบริหารเงินแผ่นดิน การใช้และบริหารทรัพย์สินของทาง ราชการ งบการเงินและการเงินการคลังของหน่วยงานของรัฐ
- ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการ บริหารพัสดุภาครัฐ กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงิน การคลังของรัฐ และกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณ
- ข้อมูลสถิติที่หน่วยงานของรัฐรวบรวม ครอบครอง หรือวิเคราะห์จากการใช้อำนาจหรือ หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐนั้น รายงานประจำปี ผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ รายงาน การศึกษาและวิจัยและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ร่างแผนงาน ร่างโครงการ ร่างขอบเขต ของงาน ร่างสัญญา ร่างคำของบประมาณ และ เอกสารประกอบร่างพระราชบัญญัติและร่าง กฎหมายลำดับรองต่าง ๆ ที่ส่งต่อหรือเปิดเผย ต่อหน่วยงานอื่นหรือบุคคลภายนอก
- ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในทุกขั้นตอนการดำเนินการ ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข และสิทธิผู้บริโภค
- ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน การประเมินผล ผลสำรวจ และข้อมูลการมีส่วนร่วมของประชาชน ต่อหน่วยงานของรัฐ ที่ผู้ให้ข้อมูลไม่ได้ต้องการ ให้ปกปิดต่อสาธารณะ
- อัตรากำลังบุคลากรเจ้าหน้าที่ของรัฐ ความรับผิดชอบ เป้าหมาย ผลงานตามเป้าหมาย ตามโครงสร้างของหน่วยงานของรัฐ ตำแหน่งงานว่าง หรือที่เปิดรับของหน่วยงานของรัฐ
- นโยบายการตั้งราคาหรือค่าบริการ และนโยบายการพิจารณาส่วนลดราคาหรือ ค่าบริการของหน่วยงานของรัฐ
- ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับที่ดิน ทะเบียนที่ดิน ประเภทที่ดิน พิกัดและตำแหน่งที่ดิน การครอบครอง และแผนที่
ร่างกฎหมายใหม่นี้ยังกำหนดอีกด้วยว่า สำหรับ ข้อมูลสาธารณะเหล่านี้ หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่จัดทำและเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงของคนทุกกลุ่มโดยเร็วที่สุด ซึ่งความรวดเร็วในการเปิดเผยและความถี่ในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือน โดยคำนึงถึงความสะดวกของประชาชน ในการนำข้อมูลข่าวสารสาธารณะไปใช้งานต่อได้ดีที่สุด รวมทั้งกำหนดให้มีการจัดทำทะเบียนและจัดเก็บรักษาเอกสารข้อมูลข่าวสารเป็นจดหมายเหตุเพื่อการสืบค้นภายหลัง
การแก้กฎหมายเพื่อปลดล็อกข้อมูลสาธารณะ ถือได้ว่าเป็นการสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เปิดเผยข้อมูลภาครัฐยกระดับ Open Government สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล ที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ก.ย. 68 ว่าจะเร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบควบคู่กับการผลักดันการเปิดเผยข้อมูลเปิดของภาครัฐ และจะเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้นรัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องร่างกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้อง ที่จะกลายเป็นการเริ่มต้นใหม่ เพราะร่างกฎหมายดังกล่าวค้างอยู่ในสภาฯ มาตั้งแต่ก่อนรัฐบาลจะเป็นของอนุทิน ชาญวีรกูล
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- 25 ชุดข้อมูลสำคัญ ขจัดคอร์รัปชันภาครัฐ
- ยกเครื่องกลไกปราบทุจริตโครงการรัฐ
- ปัญหาการทุจริต สามารถแก้ไขได้หรือไม่?




