เมื่อโลกใกล้เข้าสู่จุดเดือด จากสภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เช่น ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล และอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมของมนุษย์
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จึงได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Commitment) ขององค์กรภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก หรือระบบ SET Carbon เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการ จัดเก็บ และคำนวณข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมทางธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมาจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ของการใช้ข้อมูล พร้อมลดกระบวนการทำงานของ บริษัทจดทะเบียน (บจ.)
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ระบบ SET Carbon จะยกระดับคุณภาพข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ของ บจ. เพื่อให้ผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนและติดตามการเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจ และธุรกิจใช้วางแผนจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนลดต้นทุนและกระบวนการของ บจ.
ข้อมูลจากระบบ SET ESG Data Platform พบว่า ในปี 2567 มี บจ. เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและได้รับการทวนสอบแล้ว 266 บริษัท หรือ 32% ของ บจ.ทั้งหมด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ บจ. เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมาจากมาตรการสนับสนุนการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) และการเตรียมพร้อมของ บจ. สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่างๆ
สำหรับการพัฒนาระบบ SET Carbon ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน โดยในปีนี้ 67 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลพลังงานระดับประเทศ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้ความรู้แก่ บจ. ด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบ SET Carbon เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายและแนวทางบริหารจัดการด้านพลังงานที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วน รวมทั้งเปิดรับพันธมิตรอื่น ๆ ในการพัฒนายกระดับคุณภาพและการใช้ข้อมูล ESG เพื่อการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่อไป
ขณะที่ กฟผ. จะให้ความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลด้านพลังงานและกลไกทางเศรษฐศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการตัดสินใจของผู้ลงทุน ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ที่ผ่านมา กฟผ. ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์จากมาตรฐาน The International Tracking Standard (I-TRACK) หรือชื่อเดิม The International REC Standard (I-REC) ให้เป็นผู้รับรอง (Local Issuer) โดยผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนของไทยได้มีการขอออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) แล้วกว่า 20 ล้านใบรับรอง ตามการขยายตัวเพิ่มขึ้นของตลาดการซื้อขาย REC ในทุกปี และความต้องการของบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในการเข้าถึงพลังงานสะอาด
สำหรับระบบ SET Carbon จะจัดการข้อมูลโดยแยกเป็นกลุ่มรายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions Inventory) ครอบคลุมการใช้พลังงานและทรัพยากรในกิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ โดยจำแนกข้อมูลตามกลุ่มอุตสาหกรรม และสามารถจัดทำรายงานในรูปแบบ Dashboard (กระดานสรุปข้อมูล) ตลอดจนสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น อาทิ SET ESG Data Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงหน่วยงานที่เป็นเจ้าของข้อมูลการใช้พลังงานและทรัพยากร ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาระบบต้นแบบ (prototype) โดยมี บจ. นำร่อง 20 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมร่วมทดสอบ ก่อนเปิดใช้อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสแรกปี 2568
ในเฟสแรกจะเน้น บจ. ที่สนใจใช้เครื่องมือจัดทำและเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากกิจกรรมขององค์กร) และขอบเขตที่ 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน) พร้อมทวนสอบข้อมูลก๊าซเรือนกระจกตามข้อกำหนดของ 56-1 One Report และจะขยายไปสู่ขอบเขตที่ 3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากห่วงโซ่คุณค่า) ของ บจ. ในเฟสต่อไป บจ. ที่สนใจ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ไทยเสี่ยงเผชิญ “ภัยแล้งสลับน้ำท่วม”รุนแรง ฉุดเศรษฐกิจประเทศ