การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 26 พ.ย. 68 มีมติเห็นอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัย
อ่านเพิ่มเติม: ติดโซลาร์รูฟท็อปลดหย่อนภาษี 2 แสน เหมาะกับใคร?
ความเป็นมาของมาตรการ
รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม อันจะช่วยให้ประเทศไทยมีความยั่งยืนด้านพลังงานและสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) เห็นควรดำเนินการออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัย ตามมติคณะรัฐมนตรี (24 มิ.ย. 68)
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้เชิญ กค. (กรมสรรพากรและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ประชุมทบทวนแนวทางการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัยด้วยมาตรการภาษี เมื่อ 30 ก.ค. 68 โดยมอบหมายให้กรมสรรพากร พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
- ควรขยายระยะเวลาสิ้นสุดจาก 31 ธ.ค. 70 เป็น 31 ธ.ค. 71 เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาสิ้นสุดของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
- ควรเปลี่ยนแปลงหลักฐานประกอบการใช้สิทธิจากใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มแบบเต็มรูป (ในรูปแบบกระดาษหรือ e-Tax Invoice) เป็น e-Tax Invoice เท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่กรมสรรพากรในการตรวจสอบ
- ควรให้การไฟฟ้านครหลวง และการไฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งข้อมูลการอนุญาตเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าในแต่ละปีให้กรมสรรพากรในวันที่ 15 ม.ค. ของปีถัดไป
รายละเอียดมาตรการลดหย่อนภาษี
กรมสรรพากรได้ดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ
ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง หรือวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานเป็นจำนวน 50% ของเงินได้ดังกล่าว (หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า)
ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้ออุปกรณ์และค่าติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 200,000 บาท โดยต้องมีหลักฐานใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธ.ค. 71 มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
| มาตรการภาษี | การได้รับสิทธิประโยชน์ | หมายเหตุ |
| 1. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (ร่างมาตรา 4) | • บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง หรือวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งได้รับการรับรองฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานระดับ 5 ดาว จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของเงินได้ดังกล่าว (หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า) ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2571
• การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ต้องจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง หรือวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานดังกล่าวให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องได้รับใบกำกับภาษีที่ได้จัดทำโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) |
• เฉพาะบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร เช่น ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจการค้าและบริการ โดยเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักรและอุปกรณ์ ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน |
| 2. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัย (ร่างมาตรา 3) | • บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้ออุปกรณ์และค่าติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ดาดฟ้า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดบนอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟน. หรือ กฟภ. ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 200,000 บาทตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2571
• การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าซื้ออุปกรณ์และค่าติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) จำนวนไม่เกิน 1 ระบบตลอดระยะเวลาดังกล่าว และได้ 1 ครั้ง ในปีภาษีที่เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าสำเร็จ โดยต้องไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน • การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา ต้องจ่ายเป็นค่าซื้ออุปกรณ์และค่าติดตั้งระบบ Solar Rooftop ให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องได้รับใบกำกับภาษีที่ได้จัดทำโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) |
• เดิมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัย โดยกำหนดระยะเวลามาตรการ ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2570 และกำหนดเงื่อนไขการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ โดยต้องมีหลักฐานใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (ในรูปแบบกระดาษหรือ e-Tax Invoice) |
| 3. เงื่อนไขการใช้สิทธิยกเว้นภาษี (ร่างมาตรา 5) | • บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องไม่นำค่าใช้จ่ายไปใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรฉบับอื่นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และต้องไม่นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปใช้ในกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน |
คาดสูญรายได้จาก 2 มาตรการกว่า 3 หมื่นล้าน
กรมสรรพากรได้จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยคาดว่ามาตรการทางภาษีดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ ดังนี้
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและการอนุรักษ์พลังงาน จะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้รวมประมาณ 25,260 ล้านบาท โดยเฉลี่ย 4 ปี ปีละประมาณ 6,315 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมประมาณ 450 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละประมาณ 131 ล้านบาท) และภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 24,810 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละประมาณ 6,200 ล้านบาท)
แต่จะทำให้การลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 220,000 ล้านบาท การใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศลดลงประมาณ 25,000 ล้านหน่วยต่อปี ซึ่งทำให้ต้นทุนการนำเข้า Spot LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าลดลง 86,000 ล้านบาท และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงประมาณ 11 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้านอยู่อาศัย จะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารวมประมาณ 3,600 ล้านบาท โดยเฉลี่ย 4 ปี ปีละประมาณ 900 ล้านบาท แต่จะทำให้การลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,250 ล้านบาท การจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 450 ตำแหน่ง ค่าไฟฟ้าในครัวเรือนลดลง 585 ล้านหน่วยต่อปี การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงปีละ 0.28 ล้านตัน และการนำเข้าLNG เพื่อผลิตไฟฟ้าลดลงปีละ 94,000 ตัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:





