สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ “ทักก้า” (THACCA-Thailand Creative Content Agency) ตั้งขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2567 ดำเนินการโดย คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ภายใต้การดูแลของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งสำนักงาน “ทักก้า” ยังไม่มีสถานะเป็นทางการตามกฎหมาย
เนื่องจากคราวรัฐบาลเศรษฐา ได้ยกร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ พ.ศ. … ขึ้นเพื่อก่อตั้ง THACCA อย่างเป็นทางการ ผ่านประชาพิจารณ์เสร็จสิ้นแล้ว ช่วงวันที่ 1–30 เม.ย. 2567 แต่จากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ทำให้การจัดตั้งเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้นำร่าง พ.ร.บ. นี้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2567 ซึ่งก็ยังคงดำเนินไปอย่างล่าช้าเช่นกัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2568 ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ออกมาแถลงว่า ร่างกฎหมายนี้กำลังรอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา คาดว่าจะผ่านร่างกฎหมายได้ภายในช่วงต้นปี 2569
หาก THACCA ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อันเป็นมรดกรัฐบาลประยุทธ จันทรโอชา ที่ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2561 จะยุบรวมเข้ากับ THACCA และภารกิจการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์จากสำนักงาน ป.ย.ป. ทั้งหมดจะถูกโอนมาที่นี่
“ซอฟต์พาวเวอร์” กับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์”
ทั้ง “ซอฟต์พาวเวอร์” กับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” มีความหมายต่างกันในหลักวิชาการ
“ซอฟต์พาวเวอร์” (soft power) คือแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่าด้วย “อำนาจ” ในการโน้มน้าวให้ผู้ถูกกระทำเต็มใจทำตามสิ่งที่ผู้ใช้อำนาจต้องการ ด้วยวิธีการละมุนละม่อม เช่น วัฒนธรรมบริโภค กระแสpop culture ตรงกันข้ามกับ การใช้ “อำนาจบีบบังคับ” (hard power) เช่น อำนาจทางการทหาร
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (creative economy) คือ ระบบการผลิต การแลกเปลี่ยน และการใช้ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่นำเอากับวัฒนธรรม ภูมิปัญญา เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น งานฝีมือ หัตถกรรม แฟชั่น ดนตรี ศิลปะ ภาพยนตร์ อาหาร ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จำนวนมากเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ได้รับการจดลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า
แต่สำหรับรัฐบาล 2 คำนี้ถูกใช้สลับกันไปมา ตั้งแต่เป็นเรือธงของพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง และเป็นนโยบายยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ให้ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อปี สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง สร้างเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มูลค่า 4 ล้านล้านบาทต่อปี โดยแบ่งออกเป็น 3 โครงการคือ
- โครงการ “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์” หรือ One Family One Soft Power (OFOS) ที่สร้างแพลตฟอร์มการฝึกอบรมให้กับประชาชนเพื่อยกระดับทักษะเดิม (Re-skill) เพิ่มเติมทักษะใหม่ (Up-skill)
- สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์
- การทูตทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Cultural Diplomacy) ใช้กลไกทางการทูตเพื่อพาเอกชนไทยไปเปิดตลาดด้านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ทั่วโลก
งบประมาณ THACCA มาจากไหน
สำหรับงบประมาณประจำปี 2569 รัฐบาลจะใช้ขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์เป็นจำนวนถึง 4,044.5 ล้านบาท มากกว่างบประมาณปีที่แล้วราว 2 เท่า ซึ่งงบประมาณประจำปี 2568 เป็นจำนวน 2.1 พันล้านบาท งบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นงบประมาณสำหรับ THACCA
หากร่าง พ.ร.บ. THACCA ผ่าน THACCA จะมีรายได้เพิ่มขึ้น จากกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (กองทุน THACCA) ที่จะได้รับเงินจากหลายทาง ได้แก่
- เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
- เงินอุดหนุนจากรัฐบาลผ่านงบประมาณแผ่นดิน
- เงินที่คณะรัฐมนตรีโดยข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายให้โอนมาเป็นของกองทุน
- เงินรายได้จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
- ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามอัตราที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
- ผลตอบแทนหรือรายได้จากการลงทุน การร่วมทุน หรือการให้การส่งเสริมของสำนักงานหรือกองทุน รวมถึงผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นของสำนักงานหรือกองทุน
- เงินบริจาค
- เงินค่าปรับเป็นพินัยตามกฎหมาย
- เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือที่กองทุนได้รับตามกฎหมาย รวมถึงเงินตามสัญญา
- ผลประโยชน์จากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
เงินและทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นของสำนักงาน THACCA โดยไม่ต้องส่งให้กระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และคณะรัฐมนตรียังสามารถเห็นชอบให้โอนทรัพย์สินจากกองทุนอื่น ๆ มาเป็นของกองทุนของ THACCA ได้ด้วย ตามมาตรา 55
เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการเงินนอกงบประมาณเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของประเทศ ให้คณะรัฐมนตรีโดยข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายมีอำนาจโอนเงินหรือทรัพย์สินจากทุนหมุนเวียนดังต่อไปนี้ มาเป็นของกองทุนตามจำนวนที่กำหนด
กองทุนที่ระบุในกฎหมายได้แก่
- กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
- กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
- กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ
- กองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
- กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย
- กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม
- ทุนหมุนเวียนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์
ดังนั้น หากร่างกฎหมายผ่าน อาจเกิดปัญหาการแย่งชิงงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ตามมา เพราะ THACCA มีลักษณะควบรวมกิจการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์และดึงงบประมาณทรัพยากรจากองค์กรหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ มาไว้ที่องค์กรตน ทั้งๆ ที่กองทุนในองค์กรต่างๆ ก็ถูกตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. เช่นเดียวกับกองทุน THACCA
จนเป็นที่น่าสังเกตว่า นี่คือสาเหตุที่ทำให้ร่างกฎหมาย THACCA พิจารณาไม่แล้วเสร็จสักที
ผลงาน THACCA ที่ผ่านมา
THACCA มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นคณะกรรมการสูงสุด ประชุมเพื่อผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เฉลี่ย 2 ครั้งต่อปี และแบ่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 14 คณะ ด้วยความพยายามจะผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้
- อุตสาหกรรมด้านศิลปะ
- อุตสาหกรรมด้านหนังสือ
- อุตสาหกรรมด้านการออกแบบ
- อุตสาหกรรมด้านแฟชั่น
- อุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล
- อุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ สารคดี และแอนิเมชัน
- อุตสาหกรรมด้านอาหาร
- อุตสาหกรรมด้านเกม
- อุตสาหกรรมด้านดนตรี
- อุตสาหกรรมด้านศิลปะการแสดง
- อุตสาหกรรมด้านละครและซีรีส์
- อุตสาหกรรมด้านกีฬา
- อุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว
- คณะอนุกรรมการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์เพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- คณะอนุกรรมการอำนวยการจัดการประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power Forum)
ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า ที่รอร่างกฎหมายผ่าน THACCA ได้ผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลายด้าน ในลักษณะสะพานเชื่อมภาครัฐกับเอกชน ศิลปิน ผู้ผลิต และอีเวนต์ต่างๆ การจัดประชุม และประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์เป็นหลัก เช่น
วันที่ 28–30 มิ.ย. 2567 THACCA จัดงาน “ทักก้า สแปลช” (THACCA Splash) เป็นงานประชุมนานาชาติเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยให้การท่องเที่ยวเป็นตัวชูโรง ร่วมมือกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้านต่างๆ เช่น การออกแบบสินค้าของที่ระลึกและของฝาก การสอดแทรกเนื้อหาหนังสือ บรรยายสถานที่ต่างๆ ให้ดึงดูดใจ ส่งเสริมการถ่ายภาพยนตร์ในโลเคชันของประเทศไทยที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งด้านกีฬา ด้วยการจัดแพ็กเกจการเรียนมวยไทยพร้อมการท่องเที่ยว
วันที่ 24 ก.พ. 2568 THACCA และบริษัท Melco Resort & Entertainment ร่วมจัดงานเสวนาด้านซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย ในหัวข้อ “Global Soft Power Talks: The New Rules of Soft Power”ซึ่ง Melco เป็นบริษัทเจ้าของและผู้พัฒนารีสอร์ตครบวงจรจากมาเก๊า ที่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สวนสนุก ไนต์คลับ และ กาสิโน ซึ่งเป็นความร่วมมือในช่วงเวลาเดียวกับที่ ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex)
วันที่ 19 มี.ค. 2568 จากการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติครั้งที่ 1/2568 นายกรัฐมนตรีแพทองธาร สนับสนุนให้รัฐมนตรีสวมกางเกงลายประจำจังหวัด ให้จับสีให้แมตช์กับเสื้อสูทชุดที่ใส่ เพื่อสนับสนุนภูมิปัญญาชาวบ้านในการออกแบบของจังหวัดต่างๆ
วันที่ 18 – 21 มิ.ย. 2568 จัดงาน SPLASH THACCA 2025 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อแสดงสินค้า ผลงาน และบริการของผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรมทั้ง 13 ด้าน โดย THACCA เป็นผู้คัดเลือก
และในแต่ละคณะอนุกรรมการของ THACCA ได้ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในลักษณะจัดอบรมหลักสูตร แก้กฎหมายมาตรการทางภาษี และ เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆ ที่เอกชนได้ทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น
อุตสาหกรรมดนตรี
21 ก.พ. 2568 คณะอุตสาหกรรมดนตรี นำเสนอโครงการ “Talent Everywhere” ในที่ประชุมคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ประกอบด้วย 5 กิจกรรมย่อย คือ
- เปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับดนตรีเปิดหมวกนำร่อง 5 จังหวัด
- จัดหลักสูตรออนไลน์ อบรมความเป็นศิลปินเบื้องต้น 10 หลักสูตรฟรี
- จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปโดยแบ่งเป็น 6 กิจกรรม และ 5 กิจกรรมโรดโชว์
- ทำค่าย “Music Boost Camp” อบรมเพื่อพัฒนาทักษะทางดนตรีสำหรับเยาวชนมากกว่า 500 คนทั่วใน 10 จังหวัด ซึ่งค่ายครั้งที่ 1 ถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 มิ.ย. 2568 ที่มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี
- จัดเวทีการแสดงความสามารถเพื่อสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่
อุตสาหกรรมแฟชั่น
ได้จัดการฝึกอบรม การย้อมผ้าคราม การปักลายผ้า การออกแบบเสื้อผ้า การแต่งหน้า ตลอด พ.ศ. 2567
อุตสาหกรรมการออกแบบ
เสนอแนวคิดมาตรการทางภาษี (TETDC-Tax Exemption for Thai Designer’s Client) ลดหย่อนภาษีให้กับผู้ว่าจ้างสถาปนิกนักออกแบบไทย ซึ่งเป็นการส่งเสริมการจ้างงาน และเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
อุตสาหกรรมเกม
คณะฯ ร่วมมือกับ “Gamescom Asia” ซึ่งเป็นมหกรรมเกมระดับนานาชาติ และ Thailand Game show งานมหกรรมเกมยิ่งใหญ่ประจำปี จัดงานที่ประเทศไทยที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค. 2568 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน
วันที่ 26 พ.ค. 2568 ร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ศูนย์นวัตกรรมการออกแบบดิจิทัลและเทคโนโลยี สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย ทำโครงการเวิร์กชอป “OFOS GAME” พัฒนาทักษะด้านเกม 4 หลักสูตร โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ได้แก่
- พัฒนาเกมเบื้องต้นใน Unreal Engine สร้างเกมสามมิติที่มีระบบและภาพสมจริง
- พัฒนาทักษะการเขียนบท ออกแบบตัวละคร ออกแบบเกมแนวเล่าเรื่องและ “วิชวลโนเวล” (Visual Novel)
- พัฒนาศักยภาพการสื่อสาร การวิเคราะห์บท และการสร้างอารมณ์ผ่านเสียงเพื่อสร้างนักพากย์เกม
- เปิดพื้นที่ทดลองสร้างเกมและหารายได้จากแพลตฟอร์มโรบล็อกซ์ (Roblox)
อุตสาหกรรมหนังสือ
วันที่ 20 – 25 ก.พ. 2567 คณะฯ ร่วมมือกับสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยจัดทำ “โครงการแปลหนังสือไทยเพื่อเผยแพร่สู่ต่างประเทศ” ซึ่งได้เข้าร่วมมหกรรมหนังสือนานาชาติไทเป 2024 “Taipei International Book Exhibition” (TIBE) 2024 ซึ่งเป็นมหกรรมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นตลาดซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลกภาษาจีน
โดยคณะฯ ได้นำหนังสือจำนวนมากกว่า 140 เล่ม แปลเรื่องย่อเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนทำเป็นแคตตาล็อกซื้อ-ขายลิขสิทธิ์ รวมทั้งนำเสนอเนื้อหาในหนังสือกับโปรดิวเซอร์จากไต้หวัน เพื่อดัดแปลงเป็นสื่ออื่นๆ และเปิดพื้นที่จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างสำนักพิมพ์ไทยกับไต้หวัน
วันที่ 4 – 9 ก.พ. 2568 เข้าร่วมงานมหกรรมหนังสือนานาชาติไทเป 2025 โดยคัดสรรหนังสือแนวลึกลับ ระทึกขวัญ สืบสวน สยองขวัญ ความเชื่อและสิ่งเหนือธรรมชาติ ในวัฒนธรรมไทย นำเสนอในธีม “Mystical Thailand”
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน
ทำโครงการส่งออกภาพยนตร์ไทยไปเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ จัดกิจกรรมเสวนาอบรมนักเรียนนักศึกษาโดยใช้ชื่อว่า “ฟิล์มแคมป์” 4 ค่าย ทั่วประเทศ แล้วส่งภาพยนตร์ฝีมือนักเรียนเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ
วันที่ 4-19 ม.ค. 2568 ร่วมมือกับ กระทรวงวัฒนธรรม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ และ วารสารศิลปะ “Happening mag” จัดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง” ครั้งที่ 3 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หัวลำโพง และ สวนลุมพินี
วันที่ 11 เม.ย. 2025 ได้ร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม ทุ่มงบ 220 ล้านบาท สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี แอนิเมชัน และหนังสั้น ที่จะต้องแสดงอัตลักษณ์ไทยอย่างชัดเจน มี 88 โครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้ว
วันที่ 27 มี.ค. 2568 เปิดพื้นที่หารือระหว่างศิลปิน ภาครัฐและเอกชน ร่างกฎหมายภาพยนตร์ฉบับใหม่ ซึ่งได้รับมติเห็นชอบจาก ครม. เตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ เช่น ยุบบอร์ดเซนเซอร์ ยกเลิกระบบการจัดเรตโดยรัฐ ยกเลิกใบอนุญาตโรงภาพยนตร์ เปลี่ยนเป็นระบบจดแจ้ง และจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย แยกภาพยนตร์ออกจากเกม เพราะกฎหมายเดิม พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ครอบคลุมถึงกิจการเกมเข้าไปด้วยในฐานะ “วีดิทัศน์”
ด้านศิลปะ
คณะฯ และกรมศุลการกร ได้ร่วมกันจัดทำร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ปลอดภาษีนำเข้างานศิลปะ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งเก็บและจัดแสดงงานศิลปะที่สำคัญ โดยกำหนดให้พื้นที่ปลอดภาษีอากรประเภทหอศิลป์ต้องจัดแสดงผลงานศิลปินไทยด้วย เพื่อสนับสนุนศิลปินภายในประเทศ
บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าซื้องานศิลปะ มาหักลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 100,000 บาทต่อปีเพื่อสนับสนุนการซื้อ
ศิลปินสามารถหักค่าใช้จ่ายจากรายได้สูงสุดถึงร้อยละ 60 จากเดิมร้อยละ 30 เพื่อกระตุ้นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้มากขึ้น
นอกจากนี้คณะฯ ยังร่วมมือกับ กรมศุลการ กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ผลักดันมาตรการปรับลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้างานศิลปะเพื่อจำหน่าย เพื่อดึงดูดนักสะสมและผู้จัดนิทรรศการให้เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการแสดงและเก็บรักษาผลงานศิลปะ
THACCA ในขวบปีแรก
เพราะ “ซอฟท์พาวเวอร์” นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น หากแต่ต้องอาศัยเวลายาวนานในการบ่มเพาะและหลายปัจจัยมาประกอบ เช่น วัฒนธรรมและทรัพยากรที่มีภายในประเทศ นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน สังคมที่ความเปิดกว้าง และค่านิยมของแต่ละประเทศ การเริ่มต้นทำงานในขวบปีแรกของ THACCA จึงเป็นการปลดล็อคกฎหมาย จัดอีเวนต์ เปิดตัวโปรเจค และร่วมฉลองความสำเร็จของศิลปินที่ประสบความสำเร็จจากการเคี่ยวกรำทำงานมาก่อนจะมีรัฐบาลนี้
ดังนั้นจึงไม่อาจนิยามได้ว่านโยบายซอฟท์พาวเวอร์ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว หากวัดตามเป้าหมายว่าจะเพิ่มรายได้ให้ทุกครัวเรือนมีไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อปี หรือสร้างเม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านบาทต่อปี
แต่ถือได้ว่า THACCA เป็นความพยายามเริ่มต้นที่ดีของรัฐบาลที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้ศิลปินและคนทำงาน คนรุ่นใหม่ สามารถเข้าถึงแหล่งทุน หลักสูตรพัฒนาตนเอง เข้าถึงตลาดสากลและการบริการของภาครัฐ รวมทั้งมีมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการกำหนดทิศทางวงการและอุตสาหกรรมของตนเอง
หรือในอีกความหมายหนึ่ง THACCA เป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาลในการดึงคนทำงานศิลปะ คนทำงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และคนรุ่นใหม่มาเป็นพันธมิตร สร้างเครือข่ายผ่านการบรรจุเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ เพื่อผลิตงานศิลปะและงานสร้างสรรค์ภายใต้ร่มโครงการของรัฐบาล
แต่การขับเคลื่อนซอฟท์พาวเวอร์จะเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นกับกฎหมายที่จะเป็นกลไกให้หน่วยงานที่ดูแลมีอำนาจดำเนินการได้ ซึ่งหากไม่สามารถผลักดันออกมาเป็นกฎหมายได้ นโยบายนี้ก็ไม่ต่างจากนโยบายอื่นของรัฐบาล เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายก็สิ้นสุดลง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ดันซอฟท์พาวเวอร์อาหารไทย กลยุทธ์ต้องชัด ระบบนิเวศต้องมี
ชูเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทางรอดอุตสาหกรรมสิ่งทอ
หนังไทยไปไกลแค่ไหน? หลังมีพรบ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่