นโยบาย “Premium Clinic” หรือ “คลินิกบริการพิเศษ” ของกระทรวงสาธารณสุข กำลังเป็นที่จับตาในแวดวงสาธารณสุขและสังคมไทย ล่าสุด กรมการแพทย์ประกาศเดินหน้าขยายบริการไปยังโรงพยาบาลสังกัดหลายแห่งในปีงบประมาณ 2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความแออัด ลดระยะเวลารอคอย และเพิ่มรายได้ให้แก่โรงพยาบาลรัฐ ผ่านกลไก “การร่วมจ่าย (Co-payment)” ของผู้ป่วย
แม้แนวคิดนี้จะถูกนำเสนอในมิติของ “การเพิ่มทางเลือก” และ “ยกระดับมาตรฐานบริการ” แต่คำถามที่ยังคงค้างคาในสังคมคือ นี่คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่สะดวกขึ้น หรือคือการเปิดประตูสู่ความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพที่ซ่อนอยู่ภายใน?
กรมการแพทย์ย้ำว่า คลินิกพิเศษไม่ได้ตั้งขึ้นเพียงเพื่อหารายได้ แต่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มประชาชนที่ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับบริการที่รวดเร็วและไม่ต้องรอนาน โรงพยาบาลและสถาบันชั้นนำที่เข้าร่วม เช่น โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ สถาบันโรคผิวหนัง และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ต่างนำเสนอรูปแบบการบริการที่ทันสมัย ตั้งแต่ศูนย์โรคตาระดับกึ่งเอกชนใจกลางกรุงเทพฯ ไปจนถึงการตรวจสุขภาพแบบ One Stop Service
ขั้นตอนจัดทำระเบียบ Premium Clinic
- แต่งตั้ง คณะกรรมการอำนวยการ และ คณะอนุกรรมการ Premium Clinic
- คณะกรรมการเสนอร่างระเบียบ/ประกาศที่เกี่ยวข้อง 5 ฉบับ ได้แก่
- ระเบียบ Premium Clinic
- ประกาศนโยบาย
- ประกาศอัตราค่าบริการ
- ประกาศอัตราค่าตอบแทน (ภายใต้ P4P)
- ประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
เริ่มนำร่องปี 2568 แบ่งเป็นสองเฟส
- เฟสแรก (กรกฎาคม 2568) โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี และโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี
- เฟสสอง (สิงหาคม – ตุลาคม 2568) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลลำปาง, โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต, ศูนย์การแพทย์นนทบุรี, โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ
คณะกรรมการฯ จะติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงระเบียบจนถึงเดือนตุลาคม 2568 เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมาย
ขณะที่ล่าสุด กรมการแพทย์ ขานรับนโยบาย Premium Clinic โดยใช้โรงพยาบาลและสถาบันเฉพาะทางเป็นหน่วยนำร่อง เช่น
- โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) – ศูนย์โรคตา สาขาสุขุมวิท 42 (เอกมัย) เปิดบริการแบบกึ่งเอกชน
- สถาบันโรคผิวหนัง – ศูนย์บริการสู่ความเป็นเลิศ (Premium Clinic) ตรวจ วินิจฉัย รักษา และป้องกัน
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ – Premium Check Up Clinic แบบ One Stop Service ตรวจคัดกรองมะเร็งหลายชนิด
ขยาย Premium Clinic ปี 2569 จำนวน 7 แห่ง
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การให้บริการในหน่วยงานเหล่านี้มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษา ลดขั้นตอนและระยะเวลารอคอย
ทั้งนี้ มีแผนขยาย Premium Clinic ในปีงบประมาณ 2569 จำนวน 7 หน่วยงานในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี, สถาบันประสาทวิทยา, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และสถาบันโรคทรวงอก
ในมุมของรัฐ การจัดเก็บค่าบริการพิเศษเหล่านี้ช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ระบบ สามารถนำไปเสริมศักยภาพด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์ รวมถึงลดภาระงบประมาณแผ่นดินในระยะยาว
ความจำเป็นของนโยบายพรีเมี่ยมคลินิก
ปัญหาหลักของโรงพยาบาลรัฐไทยคือจำนวนผู้ป่วยที่ล้นเกินความสามารถของระบบ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และจังหวัดที่มีโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไปที่เป็นศูนย์บริการสำคัญ การรอคิวตรวจรักษานานทำให้ผู้ป่วยบางรายเลือกไปใช้บริการเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่สะดวกและรวดเร็ว
การจัดตั้ง Premium Clinic ช่วยแยกผู้ป่วยกลุ่มที่สามารถจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมออกจากระบบหลัก ทำให้ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพทั่วไปหรือบัตรทองได้รับบริการเร็วขึ้น ลดความแออัดและปรับสมดุลทรัพยากรบุคลากร
รายได้จากการให้บริการ Premium Clinic จะถูกนำเข้าสู่ เงินบำรุงโรงพยาบาล และสามารถจัดสรรตามระบบ P4P (Pay for Performance) เพื่อใช้พัฒนาบริการและเสริมศักยภาพของหน่วยบริการ ทั้งยังสามารถนำไปจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสนับสนุนโครงการสุขภาพอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการบริหารจัดการรายได้ภายในระบบสาธารณสุข
ทั้งยังตอบสนองความต้องการของผู้มีรายได้และชาวต่างชาติ เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการเข้ารับบริการ โดยเฉพาะผู้ที่มีเวลาจำกัดและสามารถจ่ายค่าบริการได้ การมีคลินิกพิเศษตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ ลดระยะเวลารอคิว และให้บริการในเวลาราชการ
- โรงพยาบาลนำร่อง 8 แห่งให้บริการ Premium Clinic เฉลี่ย ผู้ป่วยต่อวัน 30–50 ราย
- รายได้เสริมเฉลี่ย 5–10% ของงบประมาณประจำปี
- ระยะเวลารอคิวผู้ป่วยทั่วไปลดลงเฉลี่ย 30–45 นาที
ขณะที่ข้อเสนอให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ร่วมจ่ายในระบบบัตรทอง จากเวทีรับฟังความเห็น (ร่าง) ประกาศการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2569 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ กล่าวว่า แม้การร่วมจ่ายยังไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล แต่แนวทางหนึ่งที่กระทรวงเตรียมเดินหน้าคือ “พรีเมียมคลินิก” ในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งจะให้บริการแบบพิเศษกับประชาชนที่มีกำลังจ่าย และนำรายได้ส่วนเกินกลับมาเสริมระบบหลักประกันสุขภาพ
“ศิริราชทำพรีเมียมคลินิกแล้วมีกำไร เรากำลังสำรวจโรงพยาบาลอื่นๆ ที่พร้อมดำเนินการ เพื่อยกระดับบริการโดยไม่กระทบประชาชนที่มีรายได้น้อย” สมศักดิ์กล่าว
คำถามด้านความเท่าเทียม
แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการและภาคประชาสังคมบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า Premium Clinic อาจเป็นการแบ่งชั้นผู้ป่วยอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ที่มีรายได้สามารถซื้อบริการที่สะดวกและรวดเร็ว ขณะที่ประชาชนทั่วไปยังต้องรอคิวในระบบปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการตอกย้ำความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่แล้วในสังคมไทย
แม้จะไม่คัดค้านโยบาย “พรีเมียมคลินิก” ของกระทรวงสาธารณสุข แต่ นางสุภาพร ถิ่นวัฒนากูล จากเครือข่ายประชาชนผู้รักระบบหลักประกันสุขภาพ มองว่าการเปิดคลินิกพรีเมียม เป็นเรื่องการเพิ่มรายได้ให้กับโรงพยาบาลมากกว่าการสร้างทางเลือกให้ประชาชนเข้าถึงบริการ แต่ถ้าหากไม่สามารถแก้ปัญหาการเข้าถึงบริการของทุกกลุ่มได้ก็เป็นห่วงว่าเรื่องนี้จะเป็นความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงในระบบสุขภาพ
ส่วนกรณีการบริหารจัดการงบประมาณของโรงพยาบาลหลายแห่งขาดความคล่องตัว จึงเป็นที่มาของการเปิดพรีเมียมคลินิกเพื่อหารายได้ เธอบอกว่าภาระนี้ไม่ควรตกอยู่กับประชาชน แต่การแก้ปัญหาควรมุ่งไปที่การกระจายบุคลากรทางการแพทย์ให้เหมาะสม เพื่อให้บริการครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มมากขึ้น
แม้โรงพยาบาลใหญ่ในสังกัด สธ. จะมีคลินิกพรีเมียมอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีนโยบายชัดเจนเหมือนในครั้งนี้ ทำให้ภาคประชาชนต้องเรียกร้องเรื่องการเข้าถึงบริการ เนื่องจากทรัพยากรโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ถูกใช้ร่วมกันระหว่างบริการทั่วไปและคลินิกพรีเมียม
ประเด็นนี้สะท้อนคำถามเชิงโครงสร้างว่า หากรัฐเลือกลงทุนกับบริการพิเศษที่มีการร่วมจ่าย จะทำให้การพัฒนาบริการพื้นฐานที่ประชาชนส่วนใหญ่พึ่งพาอยู่ ถูกละเลยหรือไม่
ในเชิงนโยบาย สาระสำคัญของ Premium Clinic อยู่ที่การสร้าง สมดุลระหว่างสิทธิพื้นฐานกับบริการเสริม รัฐบาลจำเป็นต้องยืนยันว่า การมีคลินิกพิเศษจะไม่ทำให้การดูแลผู้ป่วยในระบบหลักบกพร่อง หรือทำให้บุคลากรทางการแพทย์ไหลไปทำงานเฉพาะในบริการที่มีรายได้สูงกว่า
หากสามารถออกแบบให้รายได้จาก Premium Clinic ถูกนำมาสนับสนุนการพัฒนาระบบปกติจริง ๆ นโยบายนี้อาจกลายเป็น “เครื่องมือเพิ่มทรัพยากร” ที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ในที่สุด แต่หากขาดกลไกตรวจสอบ ก็มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเพียง “ช่องทางพิเศษ” ของคนบางกลุ่ม
นโยบาย Premium Clinic ของกระทรวงสาธารณสุข จึงอยู่บนเส้นแบ่ง ระหว่าง “การเพิ่มทางเลือก” และ “การสร้างความเหลื่อมล้ำ” รัฐจะจัดการอย่างไรให้คลินิกพิเศษไม่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเป็นเพียง “ผู้ป่วยชั้นสอง” ในระบบสาธารณสุขไทย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: