กฎหมายภาคประชาชน เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ช่วยให้ประชาชนสามารถส่งเสียงสะท้อนปัญหาและความต้องการไปถึงสภาฯ โดยตรง ไม่จำเป็นต้องรอการตัดสินใจจากผู้แทนอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ในอดีตที่ผ่านมา ก็สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายจากภาคประชาชนก่อให้เกิดการพิจารณาประเด็นใหม่ ๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมตามมาได้จริง
ปัจจุบันมีกฎหมายภาคประชาชนหลายฉบับที่อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อตาม พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. 2564 ซึ่งต้องอาศัยเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน สำหรับการเสนอ “ร่าง พ.ร.บ.” และไม่น้อยกว่า 50,000 เสียง สำหรับการเสนอ “ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม” เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
การลงชื่อสนับสนุนนี้จึงไม่ใช่การแสดงเจตจำนงเท่านั้น แต่รวมไปถึงการใช้สิทธิและสร้างมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศ และผลักดันประเด็นให้ได้รับการพิจารณาในระดับนโยบาย Policy Watch ชวนพิจารณารายละเอียด 6 ร่างกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้าชื่อให้ครบตามกำหนดเพื่อยื่นเข้าสภา ด้วยความหวังให้เกิดกฎหมายเป็นรูปธรรมออกมา และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในมิติต่าง ๆ ต่อไป
1. ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ (หรือ ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครอง Sex Worker)
ผู้เสนอ
มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ และเครือข่ายภาคประชาสังคม
เหตุผล
คุ้มครองเพื่อให้ผู้ให้บริการทางเพศ เข้าถึงสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ เข้าถึงสวัสดิการสังคมเช่นเดียวกับแรงงานอื่น คุ้มครองการทำงานบริการเพศให้มีมาตรฐานและปลอดภัย โดยผ่านการตรา พ.ร.บ. ฉบับนี้ขึ้นมาใหม่ และยกเลิก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากกำหนดความผิดทางอาญาแก่ผู้ให้บริการทางเพศ ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิของตนเองจากการถูกล่วงละเมิดหรือถูกเอาเปรียบและเลือกปฏิบัติได้
ใจความสำคัญ
- ผู้บริการทางเพศย่อมได้รับความคุ้มครอง ในด้านศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และจากการถูกเลือกปฏิบัติ
- ผู้ให้บริการทางเพศอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ให้บริการทางเพศ มีสิทธิเข้ารับการอบรม ได้รับค่าตอบแทนเหมาะสม
- ผู้ให้หรือผู้ใช้บริการทางเพศ สามารถปฏิเสธการให้หรือการใช้บริการทางเพศได้
- ผู้ให้บริการทางเพศ มีสิทธิได้รับบริการต่าง ๆ เช่น สวัสดิการด้านสุขภาพ เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคม ร้องเรียนและขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์คุ้มครอง
- สถานประกอบกิจการทางเพศ ต้องได้รับการอนุญาต ต้องไม่ใกล้ชิดศาสนสถาน สถานศึกษา โรงพยาบาล ต้องไม่รบกวนชุมชน และห้องให้บริการทางเพศต้องมีอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ
- ผู้ใช้บริการทางเพศต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- มี “คณะกรรมการคุ้มครองการให้บริการทางเพศ” และ “คณะกรรมการคุ้มครองการให้บริการทางเพศจังหวัด”
- จัดตั้ง “ศูนย์คุ้มครองการให้บริการทางเพศ” เพื่อฝึกอบรมและให้การช่วยเหลือ
- กำหนดโทษ หากใช้บริการทางเพศบุคคลอายุ 15 ปีแต่ยังไม่ถึง 18 ปี จำคุก 4 – 20 ปี ปรับ 80,000 – 400,000 บาท และหากใช้บริการทางเพศบุคคลอายุไม่ถึง 15 ปี จำคุก 5 – 20 ปี ปรับ 100,000 – 400,000 บาท
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อ่าน ร่าง พ.ร.บ. Sex Worker
2. ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
ผู้เสนอ
เครือข่ายต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ประเทศไทย (Coalition against Gender-based Violence Thailand – CaGBV) จาก 13 องค์กรภาคประชาสังคม
เหตุผล
ปรับปรุง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ที่มีมาแต่เดิม เนื่องจาก พ.ร.บ. ดังกล่าว อิงกับหลักการรักษาสถาบันครอบครัว (เช่น ม.15 ว่าด้วยมาตรการช่วยเหลือสามีภริยาและบุคคลในครอบครัวให้ปรองดองกัน) ไม่ให้ความสำคัญกับการนำมาตรการทางกฎหมายอาญามาบังคับใช้ กำหนดโทษกระทำความรุนแรงจากคนในครอบครัวต่ำกว่าความรุนแรงจากคนนอกครอบครัวทั้งที่เป็นฐานความผิดเดียวกัน (เช่น ม.4 ระบุ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท) เปิดช่องให้มีการยอมความได้โดยไม่รัดกุม และขาดมาตรการยับยั้งการกระทำผิดซ้ำและมาตรการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่มีประสิทธิภาพ
ใจความสำคัญ
- ความรุนแรงในครอบครัวที่เป็นความผิดอาญา ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา ต่างจากฉบับเดิมที่ระบุโทษเจาะจงไว้ที่ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ซึ่งเบากว่าความผิดลักษณะเดียวกันจากบุคคลอื่นนอกครอบครัว และขยายอายุความให้เป็นไปตามกฎหมายอาญานั้น (ส่งผลให้มีอายุความได้ตั้งแต่ตั้งแต่ 3 เดือน – 20 ปี) ต่างจากเดิมที่มีอายุความ 3 เดือน
- หากกระทำผิดซ้ำ ศาลมีอำนาจเพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง
- ยกเลิกอำนาจศาลในการสั่งให้ใช้วิธีอื่นแทนการลงโทษทางอาญาแก่ผู้กระทำผิด เพื่อลดการเปิดช่องว่างทางกฎหมายให้ผู้กระทำผิดรอดจากการลงโทษอาญา
- เมื่อรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ถูกกระทำภายใน 24 ชั่วโมง
- การยอมความ เป็นไปตามกฎหมายอาญา ต้องกำหนดเงื่อนไขให้รัดกุม เป็นไปเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของผู้ถูกกระทำ และได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกกระทำ โดยกำหนดให้มีนักวิชาชีพสาขาอื่น เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณากำหนดรายละเอียดของเงื่อนไขและระยะเวลาบังคับใช้ของบันทึกข้อตกลงก่อนการยอมความ
- ผู้ถูกกระทำ มีมาตรการคุ้มครองสวัสดิภาพ ความปลอดภัย ตลอดกระบวนการทางกฎหมาย
- มีมาตรการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้ความรุนแรงควบคู่ไปกับกระบวนทางอาญา เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้เกิดความรุนแรงซ้ำ ต่างจากฉบับเดิมที่ไม่ได้ระบุไว้
- พนักงานสอบสวนมีหน้าที่แจ้งผู้ถูกกระทำทราบถึงสิทธิที่จะมีนักวิชาชีพหรือบุคคลอื่นอยู่ร่วมในการสอบปากคำ และเพิ่มแนวทางการสอบปากคำผู้ถูกกระทำที่มีความละเอียดอ่อน
- เพิ่ม “คณะทำงานสหวิชาชีพ” และ “ผู้จัดการรายกรณี” เพื่อให้บริการที่รอบด้านและต่อเนื่องแก่ผู้ถูกกระทำ
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อ่านร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
3. ร่าง พ.ร.บ. รับรองการกำหนดเจตจำนงในอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพ และคุณลักษณะทางเพศของบุคคล (หรือร่าง พ.ร.บ. รับรองเพศ)
ผู้เสนอ
องค์กรอินเตอร์เซ็กส์ประเทศไทย (Intersex Thailand) และภาคีเครือข่ายคณะทำงานผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม
เหตุผล
รับรองสิทธิในการกำหนดอัตลักษณ์ทางเพศด้วยตนเอง และคุ้มครองบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะบุคคลข้ามเพศ (Transgender) บุคคลนอนไบนารี (Non-Binary : มีสำนึกทางเพศและเพศสภาพนอกระบบสองเพศ คือ เพศสภาพหญิงหรือชาย) และบุคคลอินเตอร์เซ็กส์ (Intersex : มีคุณลักษณะทางเพศที่หลากหลายโดยธรรมชาติ) ที่ยังคงเผชิญปัญหาอคติ และการเลือกปฏิบัติในมิติต่าง ๆ ซึ่งมาจากข้อมูลประวัติทะเบียนราษฎรของไทย กำหนดให้การจำแนกเพศของบุคคล เครื่องหมายเพศสถานะ (Gender Marker) และคำนำหน้านาม ที่ระบุในเอกสารราชการมีเพียงเพศหญิงและเพศชายเท่านั้น
ใจความสำคัญ
- มีสิทธิในร่างกายของตนโดยบริบูรณ์ ได้รับการคุ้มครองและรับรองการกำหนดเจตจำนงในอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ (Gender Identity) การแสดงออกทางเพศสภาพ (Gender Expression) และคุณลักษณะทางเพศ (Sex Characteristic) และต้องได้รับการรับรองโดยบันทึกไว้ในเอกสารราชการ
- อายุ 18 ปีขึ้นไป ยื่นคำร้องขอรับรองเพศได้เลย แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม (บิดามารดาหรือผู้ปกครอง) ก่อน
- ห้ามมิให้นายทะเบียนขอเอกสารทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัย สามารถอ้างการแสดงออกทางเพศ คนใกล้ชิดยืนยัน หรือการเปลี่ยนชื่อในประวัติทะเบียนราษฎรได้
- การเปลี่ยนแปลงเพศ (Sex) และเครื่องหมายระบุเพศสภาพ (Gender Marker) ในเอกสารราชการ มี 3 ประเภท ได้แก่
- เพศชาย (Male/M)
- เพศหญิง (Female/F)
- เพศสภาพนอกระบบสองเพศ (X)
- สลักการเปลี่ยนแปลงไว้ หลังใบสูติบัตร และแถบบันทึกข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน
- บุคคลที่ระบุเพศสภาพนอกระบบสองเพศ (X) มีสิทธิใช้คำนำหน้านามบุคคลว่า “นาม”
- เด็กที่เป็นอินเตอร์เซ็กส์ ห้ามไม่ให้มีการใช้กระบวนการแทรกแซงทางการแพทย์จนกว่าเด็กจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง หรือถ้ามีเหตุจำเป็นด้านสวัสดิภาพ-สุขภาวะ ต้องแทรกแซงเท่าที่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อพัฒนาการของต่อมเพศหรือระบบสืบพันธุ์ และห้าไม่ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมและนายทะเบียนกำหนดเพศของเด็กในประวัติทะเบียนราษฎร จนกว่าเด็กจะมีความสามารถให้ยินยอมโดยชัดแจ้ง กรณีมีเหตุจำเป็นสามารถระบุเพศชาย (M) หรือเพศหญิง (F) ได้
- รับรองสิทธิต่าง ๆ เช่น สิทธิได้รับความคุ้มครองโดยไม่แบ่งแยก-กีดกัน สิทธิลาเพื่อคลอดบุตร สิทธิในการเข้าถึงการทำแท้งอย่างปลอดภัย
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อ่าน ร่าง พ.ร.บ. รับรองเพศ
4. ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้ (หรือร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีป่าไม้-ที่ดิน)
ผู้เสนอ
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส. หรือ P-Move) และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการจัดสรรที่ดิน
เหตุผล
นิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและป่าไม้ เช่น ไม่มีที่ทำกินและที่อยู่ โดนดำเนินคดีทั้งที่อาศัยมาก่อนการประกาศเขตพื้นที่ของรัฐ และมีประวัติอาชญากรรมติดตัว รวมถึงคืนสิทธิในที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเป็นที่ดินของรัฐ
ใจความสำคัญ
- การกระทำบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำลาย หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย แก่ที่ดินที่รัฐมนตรีประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ เขตวนอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เขตที่หวงห้ามของรัฐหรือเขตที่ดินของรัฐตามกฎหมายทุกประเภท ให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิด
- ไม่ใช่ทุกการกระทำที่ผิดกฎหมายในข้อที่ 1 ที่จะได้รับการนิรโทษกรรม แต่ต้องเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย ดังนี้
- ประมวลกฎหมายที่ดิน 2497 : ม.9 (1) (3), ม.108 และ ม.108 ตรี
- พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 : ม.29, ม.29 ทวิ, ม.54, ม.55 และ ม.72 ตรี
- พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ 2504 : ม.16 (1) (2), ม.24, ม.25, ม.26 และ ม.27
- พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ 2562 : ม.19 (1) (2), ม.41 และ ม.42
- พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 : ม.14 และ ม.31
- พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 : ม.53 วรรคหนึ่ง, ม.55 (2) (5), ม.67 (2), ม.96, ม.99, ม.100 และ ม.103
- พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 : ม.97
- กฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับที่ดินของรัฐ
- ไม่ใช่ทุกคนที่กระทำในข้อที่ 1 และผิดตามกฎหมายในข้อที่ 2 จะได้รับการนิรโทษกรรม แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
- บุคคลที่ทำความผิดภายใต้คำสั่ง คสช. ที่ 64/2557, 66/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 9/2562
- บุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามมติ ครม. เมื่อ 2 มิ.ย. 2553 เรื่อง แนวทางการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล
- บุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามมติ ครม. เมื่อ 3 ส.ค. 2553 เรื่อง แนวทางการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง
- บุคคลที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุดต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้รับไว้เป็นกรณีที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหา และให้ชะลอการดำเนินคดี
- บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาของรัฐ และถูกดำเนินคดีโดยรัฐ
- บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาตามมติ ครม. เมื่อ 30 มิ.ย. 2541 เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้
- บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาตามมติ ครม. เมื่อ 11 พ.ค. 2542 เรื่องผลการเจรจาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรภาคเหนือ
- บุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินคดีของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน ตามที่คณะกรรมการนิรโทษกรรมกำหนด
- มี “คณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัด” และ “คณะกรรมการนิรโทษกรรม”
- บุคคลที่มีความประสงค์จะรับการนิรโทษกรรม ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัด ณ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดในเขตท้องที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่ พ.ร.บ. นี้ มีผลบังคับใช้ และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดรวบรวม ตรวจสอบ กลั่นกรอง ส่งรายชื่อให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมจังหวัด ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอ
- หากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้
- คดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานอัยการยุติการสอบสวนและมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง
- คดีที่ยังไม่ได้ยื่นฟ้องต่อศาล ให้พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี
- คดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว ให้อัยการถอนฟ้องและศาลอนุญาต
- คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี
- คดีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้การลงโทษสิ้นสุดและปล่อยตัว
- คดีที่อยู่ระหว่างการคุมประพฤติหรือพักการลงโทษ ให้พ้นจากการคุมประพฤติหรือพักการลงโทษ
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อ่าน ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีป่าไม้-ที่ดิน
5. ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหาร ราชการเชียงใหม่มหานคร (หรือร่าง พ.ร.บ. เชียงใหม่มหานคร)
ผู้เสนอ
ภาคประชาชนชาวเชียงใหม่
เหตุผล
เพิ่มการกระจายอำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถพึ่งตนเองและตัดสินใจในกิจการของตัวเองได้ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการบริการสาธารณะ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงพัฒนาจังหวัดที่มีความพร้อมให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ โดยคำนึงถึงเจตนารมรณ์ของประชาชนในจังหวัดนั้น (ในกรณีนี้คือเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเรียกร้องการกระจายอำนาจมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความพร้อมในทรัพยากรด้านต่าง ๆ เช่น ธรรมชาติ วัฒนธรรม และคน)
ก่อนหน้านี้ คณะทำงานเคยยื่นร่าง พ.ร.บ. เชียงใหม่มหานคร ให้กับสภาในปี 2556 ก่อนจะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2557 ส่งผลให้ร่างดังกล่าวถูกปัดตกในสมัยรัฐบาล คสช.
ใจความสำคัญ
- ให้มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการ การกระจายงบประมาณ ภารกิจการบริการสาธารณะ ข้าราชการบุคลากร และอำนาจการบริหารตัดสินใจจากส่วนกลาง ให้จังหวัดเชียงใหม่
- เปลี่ยนชื่อ “จังหวัดเชียงใหม่” เป็น “เชียงใหม่มหานคร”
- มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มหานคร และสภาเชียงใหม่มหานคร วาระ 4 ปี โดยยกเลิกการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ จากกระทรวงมหาดไทย
- มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 2 ระดับ ได้แก่ ระดับบนและระดับล่าง
- ระดับบน ได้แก่ เชียงใหม่มหานคร มีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะเฉพาะภารกิจที่กระทบต่อประชาชนทั้งพื้นที่ (ยกเลิก อบจ. เดิม)
- ระดับล่าง ได้แก่ เทศบาล และ อบต. มีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะที่ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อน
- มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนัน เหมือนเดิม ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่
- มีสภาพลเมืองไม่น้อยกว่า 200 คน มีฐานะเท่าเทียมผู้ว่าเชียงใหม่มหานคร และสภาเชียงใหม่มหานคร โดยมาจากสภาพลเมืองในเขตปกครองท้อนถิ่นระดับล่าง องค์กรสาธารณประโยชน์ ตัวแทนกลุ่มวิชาชีพ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้สมัครจากการขึ้นทะเบียนและเลือกกันเอง
- มีอำนาจจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล ภาษีมรดก และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เข้าเชียงใหม่มหานคร 50% และส่งเข้ากระทรวงการคลัง 50%
- จัดให้มีการสอบถามความเห็นของพลเมือง ในกรณี
- ดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพลเมืองอย่างรุนแรงด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพ วิถีชีวิต
- พลเมืองไม่น้อยกว่า 5,000 คน เข้าชื่อร้องขอให้ดำเนินการสอบถามความคิดเห็นของพลเมืองในเรื่องบริการสาธารณะหรือกำหนดนโยบาย
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
อ่าน ร่าง พ.ร.บ. เชียงใหม่มหานคร
6. ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทวงคืนอำนาจประชาชน ถอดถอนองค์กรอิสระ
ผู้เสนอ
ทีมงาน iTAX
เหตุผล
เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ตัดสิทธิ์ประชาชนในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่เคยมีในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และปี 2550 ออกไป ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรอิสระได้ จึงควรมีกลไกที่ประชาชนสามารถเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ ซึ่งหลักการนี้จะสร้างสมดุลและความยึดโยงระหว่างองค์กรอิสระและประชาชน รวมถึงส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดรับชอบต่อประชาชน
ใจความสำคัญ
- สส. สว. หรือสมาชิกสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่า กรรมการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ซึ่งคือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 หมวด 12) ผู้ใดร่ำรวยผิดปกติ ทุจริต ใช้อำนาจขัดกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐาน ถ้าประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้เสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะไต่สวน
- หลักการคล้ายรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และปี 2550 ที่ประชาชน 50,000 และ 20,000 คนตามลำดับ สามารถเข้าชื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ ในขณะที่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ประชาชน 20,000 คนสามารถเข้าชื่อถอดถอนได้เฉพาะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เท่านั้น (ตาม ม.236)
ลงชื่อและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
- แอปพลิเคชัน iTAX
อ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทวงคืนอำนาจประชาชน ถอดถอนองค์กรอิสระ
อ้างอิง
ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครอง Sex Worker
ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
- Change DV Law
- ภาคประชาชนเสนอกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ดูแลผู้เสียหายให้ปลอดภัย ไม่เน้นให้กลับไปอยู่ด้วยกัน – iLaw
- เครือข่ายต่อต้านความรุนแรงฯ ยื่นริเริ่มร่างพ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัว คุ้มครองผู้เสียหายรอบด้าน เอาผิดผู้กระทำอย่างจริงจัง – iLaw
ร่าง พ.ร.บ. รับรองเพศ
- Intersex Thailand เสนอร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศฯ คุ้มครองสิทธิอินเตอร์เซ็ก คนข้ามเพศ และนอนไบนารี
- ชวนลงชื่อเสนอพ.ร.บ.รับรองเพศฯ ฉบับภาคประชาชน เปลี่ยนคำนำหน้า-เอกสารราชการ ไม่ต้องใบรับรองแพทย์ – iLaw
- ถ้าเธอเป๊ะ ฉันก็ต้องเป๊ะ! 4 ร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศสภาพ | The Active
ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมคดีป่าไม้-ที่ดิน
- ชวนลงชื่อเสนอนิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้ ความหวังชาวบ้านหลักล้านคน – iLaw
- นิรโทษกรรม ‘คดีป่าไม้-ที่ดิน’ ล้างมลทิน คืนสิทธิประชาชน | The Active
ร่าง พ.ร.บ. เชียงใหม่มหานคร
- เปิดร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร รวบรวม 10,000 ชื่อ ขอเลือกตั้งผู้ว่าฯ จัดการตัวเอง – iLaw
- ทำไม ร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร คือทางออกของกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น คุยกับ ‘ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ’ | ประชาไท
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทวงคืนอำนาจประชาชน ถอดถอนองค์กรอิสระ
- iTAX ชวนลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560
- iTAX ชวนลงชื่อเสนอร่าง #แก้รัฐธรรมนูญ เข้ารัฐสภา คืนอำนาจประชาชน เข้าชื่อถอดถอนองค์กรอิสระ – iLaw
- รัฐธรรมนูญ 60 ไม่ให้อำนาจประชาชนเข้าชื่อถอดถอน ส.ส. ส.ว. เหมือนยี่สิบปีก่อน – iLaw
อื่น ๆ