ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) บางแห่ง ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs เฉพาะกลุ่ม ภายใต้ชื่อโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งในช่วงเริ่มต้น การช่วยเหลือจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และธุรกิจการเงินที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อยแต่ไม่ได้รับเงินฝาก (Non-bank) ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์
โครงการนี้ใช้เงินจากการที่รัฐบาล ปรับลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ของสถาบันการเงิน ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% ต่อปีเป็นการชั่วคราว และสถาบันการเงินจะสมทบเงินอีกส่วนให้ในโครงการ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า มาตรการนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ภาครัฐและเอกชนจึงร่วมกันออกโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี โดยเป็นลูกหนี้จำนวน 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การแก้หนี้ที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะ (upskill/reskill) และเสริมสร้างรายได้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งเป็นอีกด้านที่รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและยกระดับรายได้ของครัวเรือนให้ดียิ่งขึ้น โดยรัฐบาลหวังให้ยอดหนี้เสียและหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) เริ่มปรับลดลงภายในสิ้นปี 67
“สิ่งที่จะช่วยนี้เราจะไม่ละเว้นในสิ่งที่เป็น Moral hazard สิ่งที่จะทำให้วินัยการเงินการคลัง ทั้งภาครัฐ ภาคสถาบันการเงิน และภาคประชาชน จะต้องคำนึงถึงว่า เมื่อท่านจะไปใช้จ่าย ท่านมีภาระต้องคืน เพราะเป็นภาระทางสังคมที่ทุกคนจะต้องร่วมกัน ที่เรามองเนี่ย เพราะเราเชื่อมั่นสนิทใจว่า ท่านประสบความลำบาก ไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้ เราจึงช่วย แต่เราก็ไม่อยากสนับสนุนให้ว่า ที่เราช่วยเนี่ย เพราะท่านไม่จ่าย”
เงื่อนไขเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้
มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินหนี้ไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทั้งบ้าน รถ และสถานประกอบการไว้ได้ โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดเงินต้น ซึ่งมีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่
- ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดนี้จะนำไปตัดเงินต้น
- พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ
ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น
สำหรับคุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
1. มีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด โดยพิจารณาแยกวงเงินตามประเภทสินเชื่อต่อสถาบันการเงิน ดังนี้
- สินเชื่อบ้าน / บ้านแลกเงิน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท
- สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
- กรณีสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต หากมีหนี้บ้านหรือรถที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น สามารถพิจารณาเข้ามาตรการรวมหนี้ได้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรับได้ โดยวงเงินเมื่อรวมแล้วไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนด
2. เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 ม.ค. 67
3. มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ต.ค. 67 อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
- เป็นหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน และได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65
เงื่อนไขของการเข้าร่วมมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์”
1. ลูกหนี้ไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกที่เข้าร่วมมาตรการ ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม
2. ลูกหนี้รับทราบว่า จะมีการรายงานข้อมูลต่อเครดิตบูโร (NCB) ถึงการเข้าร่วมมาตรการ
3. หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่มาตรการกำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน ลูกหนี้จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้ในระหว่างที่เข้ามาตรการ
4. หากสัญญาสินเชื่อมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมในการเข้าร่วมมาตรการและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่
มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ” เป็นการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เพื่อเปลี่ยนสถานะจากหนี้เสียเป็นปิดจบหนี้ และให้ลูกหนี้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ โดยรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ คือ ลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน ซึ่งลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่ายและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น
สำหรับคุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” ได้
1. ลูกหนี้บุคคลธรรมดา ที่มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน (NPL) ณ วันที่ 31 ต.ค. 67
2. มีภาระหนี้ต่อบัญชี ไม่เกิน 5,000 บาท โดยไม่จำกัดประเภทสินเชื่อ (สามารถเข้าร่วมมาตรการได้มากกว่า 1 บัญชี)
ในระยะต่อไป ผู้ประกอบธุรกิจกลุ่ม Non-Bank อื่น ๆ จะมีความช่วยเหลือออกมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างไป เพื่อผลักดันให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรมใน
วงกว้างและครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้น
ขึ้นตอนการลงทะเบียนแก้หนี้
ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สามารถศึกษารายละเอียดของมาตรการและลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo โดยจะเปิดตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.67 เวลา 8.30 น. จนถึงวันที่ 28 ก.พ. 68 เวลา 23.59 น. ซึ่งมีขั้นตอนการลงทะเบียนดังนี้
1. เข้าเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/khunsoo ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.67
2. ตรวจสอบรายละเอียดมาตรการ คุณสมบัติ และเงื่อนไขการเข้าร่วมก่อนลงทะเบียน จากนั้นกดยอมรับ
3. สมัครเข้าใช้ระบบด้วยอีเมล หรือ ThaID โดยแสกนคิวอาร์โค้ด บนแอปพลิเคชัน ThaID เพื่อยืนยันตัวตน
4. กรอกข้อมูลลงทะเบียนให้ครบถ้วน ได้แก่ ชื่อ-สกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรติดต่อ อีเมล
5. ส่งคำขอแก้หนี้ โดยกดเลือก ผู้ให้บริการที่ต้องมาช่วย และผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเข้าร่วม หากมีผู้ให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเข้าร่วมมากกว่า 1 แห่ง/ประเภท สามารถกดเพิ่มได้
6. ลงทะเบียนเสร็จสิ้น ลูกหนี้เก็บหมายเลขคำร้องไว้ เพื่อติดตามสถานะการลงทะเบียน
7. เจ้าหนี้จะเริ่มติดต่อกลับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 68 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม หากลูกหนี้มรข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ BOT contact center ของ ธปท. โทร 1213 หรือ call center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการและกดเบอร์ต่อ 99
ชื่อสถาบันการเงินและ Non-Bank ที่ร่วมโครงการ
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- ยืดเวลาชำระหนี้ต้มยำกุ้ง สิ่งที่ต้องแลกกับอุ้มหนี้รายย่อย
- คนไทยชำระหนี้ได้ลดลง บีบกู้เงินนอกระบบมากขึ้น
- แก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ต้องใช้นโยบายเพิ่มรายได้