ThaiPBS Logo

สารบัญประกอบ

    แก้กฎหมายประมง พาไทยเสี่ยงเจอ”ใบเหลือง” กระทบเจรจา FTA

    22 มี.ค. 256714:34 น.
    แก้กฎหมายประมง พาไทยเสี่ยงเจอ”ใบเหลือง” กระทบเจรจา FTA

    สารบัญประกอบ

      ไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงอีกครั้ง หลังรัฐบาลเดินหน้าแก้กฎหมายประมง จากนโยบาย "ทวงคืนเจ้าสมุทร" ของพรรคเพื่อไทย โดยมีการแก้กฎระเบียบหลายด้าน โดยยูอีจับตาสถานการณ์ด้านการทำประมงที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ไทยกลับไปสู่จุดเดิม ในเรื่อง "IUU" และทำให้การเจรจา FTA กับอียูล้มเหลว

      สำนักข่าวต่างประเทศ เทเลกราฟ รายงานว่า อุตสาหกรรมประมงของประเทศไทยกำลังเสี่ยงถูกใบเหลืองจากสหภาพยุโรปอีกครั้ง จากการที่ฝ่ายนิติบัญญัติของไทยกำลังร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งจะลดความเข้มงวดในการคุ้มครองแรงงานบนเรือประมงขนาดใหญ่

      โดยโฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ให้สัมภาษณ์กับเทเลกราฟว่า สินค้าอาหารทะเลของไทยอาจถูกนำออกจากชั้นขายของในซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศตะวันตก หากยังเดินหน้าร่างกฎหมายลดการปกป้องแรงงานเรือประมง โดยใบเหลืองที่ไทยเคยได้รับครั้งแรกเมื่อปี 2558 หรือมาตรการคว่ำบาตรอื่น ๆ อาจถูกนำมาใช้กับไทยได้

      รายงานของ มูลนิธิความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม (EJF) ระบุว่า ในปี 2555 ไทยเคยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าราว 2.9 แสนล้านบาทต่อปี ต่อมาในปี 2564 ไทยตกลงมาอยู่ที่อันดับ 13 มีมูลค่าส่งออก 1.96 แสนล้านบาทต่อปี หรือลดลงกว่า 32% จากปี 2555

      สาเหตุมาจากประชากรปลาที่ลดลง ผลจากการทำประมงเกินขนาดและผิดกฎหมาย รวมทั้งค่าน้ำมันสูงขึ้น และการกวดขันไม่ให้เรือไทยทำประมงในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่น

      นอกจากนี้ในรายงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมายยังขาดการรายงาน และไร้การควบคุม มีการทำประมงประเภททำลายล้าง และไม่ยั่งยืน รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของอุตสาหกรรมประมงไทยที่มีภาพลักษณ์ที่ไม่สู้ดีนักในสายตาของประเทศที่นำเข้าอาหารทะเล โดยมองว่าอาหารทะเลของไทยขาดความโปร่งใส และเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวพันกับปัญหาดังกล่าว

      ในปี 2564 ประเทศที่นำเข้าอาหารทะเลไทย 10 อันดับแรก มีสัดส่วนมูลค่า 75.9% ของมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลทั้งหมดของไทย  แม้ปัจจุบันประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปจะนำเข้าอาหารทะเลจากไทยเพียงสัดส่วน 5.6% แต่มูลค่าการส่งออกนั้นลดลงถึง 55.6% จากในปี 2557 หรือ 1 ปี ก่อนที่คณะกรรมมาธิการยุโรป จะให้ “ใบเหลือง” กับประเทศไทย

      ขณะนั้นสหภาพยุโรปนำเข้าอาหารทะเลจากไทยในสัดส่วนกว่า 12.6% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และราคาส่งออกเฉลี่ยก็ยังสูงกว่าประเทศเทียบเคียง อาทิ จีน ออสเตรเลีย และแคนาดา

      คณะกรรมมาธิการยุโรป ได้ปลด “ใบเหลือง” กับประเทศไทย ในปี 2562 หลังจากรัฐบาลไทยและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้มีการลงทุนและปฏิรูปที่สำคัญ

      ทั้งนี้กฎหมายการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Regulation) ของสหภาพยุโรปกำหนดให้ประเทศที่เคยได้รับใบเหลืองสามารถได้นับใบเหลืองอีกครั้ง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายได้ตามสัญญา

      ดั้งนั้น EJF จึงมองว่าประเทศไทยควรพยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการได้รับใบเหลืองอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศคู่ค้าสำคัญต่าง ๆ ของประเทศไทยหันมาให้ความสำคัฐกับความโปร่งใสและการสืบทวนย้อนกลับแหล่งที่มาของอาหารทะเลมากขึ้น

      ข้อเสนอจากภาคธุรกิจประมงอาจทำให้ประเทศไทยเสี่ยงจะสูญเสียตลาดอาหารทะเลมูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากประเทศคู่ค้า 6 ประเทศและสหภาพยุโรป ที่กำลังมีข้อบังคับด้านความโปร่งใส และการสืบทวนย้อนกลับแหล่งที่มาเพิ่มเติม ซึ่งในปี 2564 ไทยส่งออกอาหารไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวในสัดส่วนเกือบ 60%

      ยังไม่นับว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจำกัดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการใช้แรงงานบังคับอย่างเข้มขี้น เช่น คำสั่งกักสินค้าของสำนักงานศุลกากรและป้องกันพรมแดนสหรัฐอเมริกา กฎหมายการใช้แรงงานบังคับของสหภาพยุโรปที่ใกล้ร่างแล้วเสร็จ

      อย่างไรก็ตาม EJF ประเมินว่า อุตสาหกรรมประมงจะได้รับผลกระทบรุนแรง หากประเทศไทยไม่ให้ความสำคัญกับการสืบทวนย้อนกลับแหล่งที่มาของอาหารทะเล ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ต่างหันมาสร้างมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น การที่ภาคประมงพาณิชย์เสนอให้ยกเลิกนโยบายฯ เป็นการกระทำที่ขาดวิสัยทัศน์เชิงสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสังคมในระยะยาว และจะสร้างประโยชน์ให้กลุ่มคนเพียง 20% ของอุตสาหกรรมประมงทั้งหมด ชาวประมงพื้นบ้านและชุมชนชายฝั่งจะเสียเปรียบ ความเป็นอยู่ และความมั่นคงทางอาหารของผู้คนหลายพันรายจะตกอยู่ในความเสี่ยง

      แถลงการณ์ของโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป นับเป็นการโต้ตอบอย่างดุเดือดต่อท่าทีของรัฐบาลไทยที่อ้างมาตลอดว่าการแก้ไขกฎหมายประมงจะไม่กระทบกับการค้า หรือถ้าจะกระทบก็เพียงแค่ 6% ของการส่งออกอาหารทะเลทั้งหมด โดยเพิกเฉยข้อเท็จจริงว่าขณะนี้ประเทศกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป ซึ่งประมงเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของร่าง FTA โดยรัฐบาลคาดว่าจะเจรจาเสร็จภายในปี 2568

      นโยบายที่เกี่ยวข้อง

      ประมง

      รัฐบาลประกาศนโยบาย "จะฟื้นชีวิตอุตสาหกรรมประมงให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประชาชนอีกครั้งด้วยการแก้ไขข้อกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมอันเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลให้อยู่กับประเทศอย่างยั่งยืน" โดยจะแก้กฎหมายที่รัฐบาลก่อนตกลงไว้กับสหภาพยุโรป (EU)

      • 1
      • 2
      • 3
      • 4
      • 5

      การค้า

      นโยบายการค้าของไทย เผชิญกับความท้าทายมากขึ้น จากสงครามการค้า ทำให้มีความเสี่ยงจากการแยกตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งทำให้ไทยต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐ-จีน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามดำเนินนโยบายเป็นกลางและประสานผลประโยชน์ทุกฝ่าย

      • 1
      • 2
      • 3
      • 4
      • 5

      ผู้เขียน: