เป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน และเป็นหนี้ล้นพ้นตัว คือสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของคนไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ โดยไตรมาส 2 ของปี 2567 หนี้ครัวเรือนไทยทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 89.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่คาดว่าจะไม่สร้างรายได้
โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" เป็นมหกรรมแก้หนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจ SMEs ด้วยการตัดเงินต้น พักดอกเบี้ย 3 ปี และปิดจบหนี้ แต่โครงการนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ขึ้นกับประเภทของลูกหนี้ ดังนั้นยังมีข้อสงสัยอีกมากเกี่ยวกับเงื่อนไขและลูกหนี้จะได้อะไร และได้ประโยชน์จริงหรือ?
“คุณสู้ เราช่วย” โครงการแก้หนี้รายย่อย 2.1 ล้านบัญชี ยอดหนี้รวม 8.9 แสนล้านบาท ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ธุรกิจขนาดเล็ก SMEs โดยจะลดต้นและพักดอกเบี้ยนาน 3 ปี เปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 67
“ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย” เป็นปัญหาเศรษฐกิจที่พูดถึงกันมาก โดยแง่ของเศรษฐกิจมหภาค วัดจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ดังนั้นในหลายประเทศจึงมีกระบวนการลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) หรือ Debt deleveraging ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีการต่างกัน และล่าสุดรัฐบาลพยายามหามาตรการลดหนี้
เครดิตบูโร กางข้อมูลหนุนมาตรการแก้หนี้ของรัฐบาล ระบุหนี้ครัวเรือนรวม 13.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.5% ขณะที่หนี้เสียพุ่งเป็น 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.8% สินหนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต ไม่ขยับ แต่หนี้เอสเอ็มอี (SMEs) พุ่ง 20%
มาตรการ "ลดภาระหนี้ของลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก" หรือ มาตรการกึ่งพักหนี้ สำหรับสินเชื่อบ้าน-รถยนต์-เอสเอ็มอี กำลังเพิ่มความเสี่ยงให้กับประเทศ ไม่ใช่ความเสี่ยงเรื่องเม็ดเงินที่ต้องเข้าไปใช้ในมาตรการ แต่เป็นความเสี่ยงจากการสร้างวัฒนธรรมเบี้ยวหนี้ หรือ Moral Hazard ที่จะส่งผลกระทบระยะยาว
ลูกหนี้รายย่อยเฮ! สมาคมธนาคารจับมือภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับลูกหนี้รายย่อย สินเชื่อบ้าน รถยนต์ และเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ที่มีปัญหาชำระหนี้ หากร่วมมาตรการตามเงื่อนไขจะยกเว้นดอกเบี้ย
หนี้เสียไทยยังคงเป็นปัญหาที่เรื้อรังต่อเนื่อง แม้จะมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น ล่าสุดข้อมูลเครดิตบูโร เผยหนี้เสียไตรมาส 1 ปี 2567 ปรับเพิ่มขึ้นทั้งระบบภาคธุรกิจ และบุคคคลธรรมดา