นโยบายด้านสุขภาพจิต คือ 1 ใน 12 เรื่อง ของนโยบายยกระดับ 30 บาทพลัส ได้วางกรอบนโยบายการพัฒนางานสุขภาพจิต ประจำปีงบประมาณ 2567 ไว้ 8 ด้าน ดังนี้
1. ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานสุขภาพจิต ตามโครงการพระราชดำริ/เฉลิมพระเกียรติที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบรมวงศานุวงศ์ เช่น
- โครงการ TO BE NUMBER ONE
- โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
- โครงการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร
- โครงการส่งเสริมพัฒนาการและ สุขภาพจิตเด็กและเยาวชนในชุมชนในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
2. ส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตเด็กและเยาวชน
- พัฒนาทักษะชีวิตและความฉลาด 7 Qs ได้แก่ Intelligence – Emotional – Creativity – Moral – Play – Adversity – Social Quotient เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตอย่างมี คุณภาพ มีความรอบรู้เท่าทันปัญหาและภัยคุกคามทางสุขภาพจิต
- ส่งเสริมการกระตุ้นพัฒนาการเด็กปฐมวัยเชิงรับและเชิงรุกเพื่อการเข้าถึงอย่างครอบคลุม
- ป้องกันปัญหาการล้อเลียนรังแกกันในโรงเรียน (Bullying)
- เน้นดูแลเด็กที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตให้ได้รับการค้นหาและได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เด็กที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชได้รับการ ดูแลคุ้มครองอย่างถูกต้อง เท่าเทียม และทั่วถึงต่อเนื่อง จนหายทุเลา สามารถอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างปกติสุข
3. เน้นการดูแลสุขภาพจิตเชิงจิตสังคมสู่ระดับชุมชน (Social Psychology)
- คัดกรองปัญหาสุขภาพจิต
- ให้การดูแลทางสังคมจิตใจ พฤติกรรม อารมณ์และสร้างความเข้มแข็งทางใจแก่ประชาชน ทั้งกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรังและกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพจิต ตลอดจนครอบครัวและผู้ดูแล ให้ได้รับการดูแลช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตจนดีขึ้น
- บูรณาการ ความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในชุมชน ในการ Community Integrated Care
- ส่งเสริมให้เกิดระบบสานสัมพันธ์ เด็ก-ผู้ใหญ่ คน 2 วัยใส่ใจดูแลกัน (Intergeneration System) เพื่อลดทุกข์ เพิ่มสุขและสร้างคุณค่าในคนต่างวัยที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน
4. เร่งเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy) เพิ่มความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง ในสังคมให้แก่ประชาชนทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ
- ใช้ทีมสื่อสารสุขภาพจิตดิจิทัล (Mental Influence Team: MIT) พัฒนาประเด็นความรอบรู้สุขภาพจิตที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และตรงกับความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มวัยอย่างแท้จริง
- สื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพจิตผ่านช่องทางต่างๆที่หลากหลาย รวมทั้ง พัฒนาให้เกิดทีมสื่อสารสุขภาพจิตดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัย ทั้งกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยงต่อ ปัญหาสุขภาพจิต และกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช มีความรู้ ความเข้าใจด้านสุขภาพจิตและยาเสพติด สามารถดูแลตนเองและคนรอบ ข้างให้มีสุขภาพจิตดี มีพฤติกรรมสุขภาพจิตที่พึงประสงค์
- มีความรู้เท่าทันต่อประทุษวาจา ถนอมใจ ไม่ใช้ Hate Speech เพื่อ ลดความขัดแย้งในสังคม รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลสุขภาพจิตลดความตื่นตระหนกและส่งต่อขอความช่วยเหลือได้
5. พัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและยาเสพติดใกล้บ้านใกล้ใจ (Mental Health Anywhere เพื่อนแท้มีทุกที่)
- คัดกรอง ช่วยเหลือ ส่งต่อผ่านนวัตกรรมสุขภาพจิตดิจิทัล 1323 Plus Voice Detection, DMIND, Step-by-Step Care (Self Assessment / Self Treatment / E-Helper)
- จัดระบบบริการสุขภาพจิต และยาเสพติดใกล้บ้านใกล้ใจ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งบริการแบบ Onsite ได้แก่ การจัดบริการหอผู้ป่วยจิตเวชใน รพศ. รพท. ที่มีคุณภาพพร้อมให้บริการ มีกลุ่มงานจิตเวชในรพช.ทุกแห่ง บริการ Home Ward ทั้งที่บ้าน ในชุมชน เรือนจำ ตลอดจนสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง เชื่อมต่อระบบบริการสุขภาพจิตกับระบบบริการสุขภาพกายในรูปแบบ Neuropsychiatric Care Center
- จัดบริการดูแลสุขภาพจิต Online ด้วย Telepsychiatry รวมทั้ง Virtual Hospital และบริการสุขภาพจิต เชิงรุกด้วย Mobile Psychiatry เพื่อให้ประชาชนและผู้ป่วยจิตเวชเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา ได้รับการ ติดตามดูแลต่อเนื่องจนหายทุเลา
6. มุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรงทั้งต่อตนเองและผู้อื่นในสังคม (Serious Mental Illness with High Risk to Violence: SMI – V) รวมไปถึงการป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตาย (Suicide Prevention)
- ใช้ระบบ V Scan – V care – V Recovery
- การดูแลช่วยเหลือส่งต่อเข้าสู่การรักษาแบบทันท่วงทีด้วยทีม HOPE Task Force ระดับอำเภอ เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเวชเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ได้รับการดูแลต่อเนื่อง และสามารถกลับไปใช้ชีวิตในชุมชน สังคมมีความปลอดภัย ไร้ความรุนแรง
7. มุ่งมั่นผลักดันกลไกหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานสุขภาพจิต
- เพื่อให้ประชาชนและผู้มีปัญหา สุขภาพจิตได้รับการคุ้มครองสิทธิ ส่งเสริมสุขภาพจิต
- ป้องกันปัญหาสุขภาพจิต บำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ อย่างครบวงจรและเท่าเทียม โดยแบ่งเป็น
-
- กลไกกฎหมายสุขภาพจิต โดยขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตผ่านคณะอนุกรรมการประสานงาน เพื่อการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสุขภาพจิตระดับจังหวัด ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตสำคัญในพื้นที่ ได้แก่ การป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตาย การป้องกันอันตรายจากผู้ป่วยจิตเวชเนื่องจากสารเสพติด การดูแลป่วยจิตเวชที่มีความ เสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง (SMI-V) และการติดตามดูแลวัยเรียนวัยรุ่นกลุ่มเสี่ยงให้ได้รับการดูแลช่วยเหลือ รวมทั้ง บูรณาการการดำเนินงานสุขภาพจิตผ่านพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และพระราชบัญญัติยาเสพติด
- กลไกการเงินการคลัง ที่มุ่งผลักดัน 3 กองทุนสุขภาพในการกําหนดชุดสิทธิประโยชน์ที่หลากหลาย ด้านสุขภาพจิตและจิตเวช และครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร ตลอดจนสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งทางการเงิน ให้กับหน่วยบริการจิตเวช และศูนย์สุขภาพจิต
- กลไกเครือข่ายงานสุขภาพจิตที่เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างงานสุขภาพจิตกับเครือข่ายในเขตสุขภาพ และ กทม. และสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายต่างประเทศ เครือข่ายนอกกระทรวง และเครือข่ายระบบปฐมภูมิ ในการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยมีชุมชนเป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่วมสร้างสังคมสุขภาพจิตดี
8. เร่งพัฒนาระบบและโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพจิตดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกมิติ (Digital Transformation)
- แนวทาง A-B-C-D-E-F ได้แก่
- การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI)
- การพัฒนาระบบคลังข้อมูล ขนาดใหญ่ (Big Data)
- การประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบ Cloud Computing
- การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบ สุขภาพจิตดิจิทัล (Digital Platform)
- การพัฒนาระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (EMR)
- การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูล ด้านการเงิน (Financial Data Set)
ตลอดจนพัฒนาความรู้และทักษะบุคลากรให้พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสุขภาพจิตดิจิทัลอย่างยั่งยืน
แหล่งอ้างอิง