ข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ลุกลามจนกลายเป็นการยิงปะทะกัน เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. จนกระทั่งเริ่มเจรจาสงบศึกอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ส.ค. แต่ในระหว่างนั้นสงครามได้ก่อความเสียหายทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการปิดการค้าชายแดนตลอดทั้งแนว ทำให้การส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศต้องหยุดชะงัก ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทยไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายมีอย่างน้อยราว 14,000 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากความเสียหายจากการหยุดขนส่งสินค้า และการค้าขายในพื้นที่ชายแดนที่วัดมูลค่าไม่ได้แล้ว ยังมีความเสียหายจากฝั่งบริษัทเอกชนไทยที่ขยายการลงทุนเข้าไปในกัมพูชาด้วย โดยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASP) ได้ประเมินความเสียหายจากความขัดแย้งของไทยและกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในไทย แบ่งเป็น 10 อุตสาหกรรม คือ
กลุ่มเครื่องดื่ม
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG คาดว่าจะได้รับผลกระทบด้านลบ เนื่องจากมียอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจากต่างประเทศหลัก มาจากประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด
นอกจากนี้ CBG ยังมีแผนเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบการร่วมทุน (JV) ซึ่งตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2569
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วน 1-2% ของยอดขายรวมทั้งหมด
กลุ่มโรงพยาบาล
คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากคนไข้กัมพูชาที่เข้าใช้บริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ทำงานในไทย (EXPAT) ส่วนคนไข้กัมพูชาที่บินเข้ามารักษาโรงพยาบาลที่ไทย เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และการรักษาพยาบาลยังเป็นสิ่งที่จำเป็นแต่ฐานคนไข้กลุ่มนี้ชะลอลงติดกันแล้วหลายไตรมาสก่อนหน้าทำให้เทียบสัดส่วนต่อรายได้ปัจจุบันไม่ได้มีนัย ซึ่งคาดจะได้รับชดเชยจากการเข้ามาของคนไข้ชาติอื่นๆแทน ส่วนโรงพยาบาลที่อยู่ตามขอบชายแดนไทย-กัมพูชา อาจทำให้ลูกค้าชะลอเข้าใช้บริการบ้างเล็กน้อย มีดังนี้
- บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH มีโรงพยาบาลจำนวน 1 แห่ง ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
- บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS มีโรงพยาบาลจำนวน 2 แห่งที่อยู่ในประเทศกัมพูชา แต่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยหรือทำงานในกัมพูชา จึงคาดว่าจะไม่ได้กระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้โรงพยาลทั้ง 2 แห่งดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วน 1% ของรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลของ BDMS
กลุ่มโรงไฟฟ้า
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเข้าลงทุนในประเทศกัมพูชา มีเพียง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 39 เมกะวัตต์ไฟฟ้า (MWe) คิดเป็นสัดส่วน 1% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่กำลังเดินเครื่องผลิต (COD) ในปัจจุบัน จึงคาดว่าจะไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของ BGRIM
กลุ่มพลังงาน
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR ของกลุ่ม ปตท. มีธุรกิจในกัมพูชา ผ่านสถานีบริการน้ำมันจำนวน 186 สถานี (จากทั้งหมด 2,761 สถานีในไทยและต่างประเทศ), ร้านคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) จำนวน 254 ร้านค้า (จากทั้งหมด 4,898 ร้านค้า), และร้านสะดวกซื้อจำนวน 71 ร้านค้า (จากทั้งหมด 2,421 ร้านค้า) โดยในปี 2567 มีส่วนแบ่งกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ( EBITDA) มาจากประเทศกัมพูชาประมาณ 1.2 พันล้านบาท หรือราว 7% ของ EBITDA รวมทั้งหมดของ OR ปัจจุบัน
ทั้งนี้ OR ยืนยันว่าการดำเนินงานยังเป็นไปตามปกติ และยังไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังอยู่ในช่วงของการติดตามสถานการณ์ต่อไป
กลุ่มค้าปลีก
คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อย บริษัทส่วนใหญ่มีการเปิดสาขาในกัมพูชาเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับสาขาทั้งหมดที่มี ดังนี้
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มีร้านสะดวกซื้อจำนวนทั้งหมด 15,367 สาขา ส่วนใหญ่คิดเป็น 99.2% เป็นสาขาในประเทศไทย ที่เหลือเป็นสาขาในกัมพูชา 112 สาขา และลาว 10 สาขา
- บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT มีธุรกิจค้าส่งจำนวนทั้งหมด 175 แห่ง เป็นสาขาในไทย 165 แห่ง ในกัมพูชาเพียง 3 แห่ง
- บริษัท เบอร์ ลี่ ยุค เกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC มีธุรกิจขายปลีกทั้งหมด 2,030 สาขา ส่วนใหญ่ 98.7% เป็นสาขาในไทย (2,003 แห่ง) โดยเป็นสาขาในกัมพูชา 25 แห่ง
กลุ่มมีเดีย
ผลจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ทำให้กัมพูชาออกประกาศระงับการนำเข้าและฉายภาพยนตร์ไทยในโรงภาพยนตร์ทุกแห่งในกัมพูชา มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 12 มิ.ย 68 เป็นต้นไป
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR มีโรงภาพยนตร์ในกัมพูชา 33 แห่ง คิดเป็น 3.8% ของโรงภาพยนตร์ทั้งหมดที่ MAJOR มี 863 แห่ง ในเชิงรายได้จากธุรกิจในกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวมทั้งหมด MAJOR เท่านั้น โดยปกติโรงภาพยนตร์ในกัมพูชาจะมีสัดส่วนการฉายภาพยนตร์กัมพูชา 30% อินโดนีเซีย 20% ไทย 20% ฮอลลีวูด 20% และเดือน มิ.ย – ก.ค MAJOR ไม่มีการจัดผังภาพยนตร์ไทยในโปรแกรมฉายที่กัมพูชาอยู่แล้ว
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่จะมีการขายสินค้าวัสดุก่อสร้างเช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง ไปในประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, สปป., ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ซึ่งกัมพูชาถือเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญที่มีการค้าชายแดนกับไทย มีดังนี้
- บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC มีบริษัทร่วมทุนในประเทศกัมพูชา คือ Chip Mong Insee Cement Corporation โดย SCCC ถือหุ้นสัดส่วน 40% มีส่วนแบ่งกำไรประมาณปีละ 200-250 ล้านบาท คิดเป็น 5-8% ของกำไรทั้งหมดของ SCCC
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีการลงทุนธุรกิจผลิตปูนซิเมนต์ในกัมพูชามานานกว่า 33 ปี โดยมีรายได้จากกัมพูชาประมาณ 5-7% ของรายได้ทั้งหมด
กลุ่มก่อสร้าง
แรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานในภาคก่อสร้างมีอยู่ประมาณ 1.6 แสนคน ถือเป็นกลุ่มแรงงานที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาทุกอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือระดับกลางและแรงงานทั่วไป บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของไทย เช่น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท สเตคอน กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ STECON ส่วนใหญ่จะมีการจ้างแรงงานผ่านบริษัทรับเหมาช่วง ซึ่งน่าจะมีกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาอยู่ในนั้นด้วย หากขาดแคลนแรงงานกลุ่มนี้ก็จะกระทบต่อโครงการก่อสร้างทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกลุ่มผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งเพื่อขาย และเพื่อเช่า รวมถึงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ไม่มีการลงทุนในประเทศกัมพูชา และไม่มีการพัฒนาโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทยกัมพูชา
กลุ่มเกษตรอาหาร
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จํากัด (มหาชน) หรือ CPF มีการลงทุนในประเทศกัมพูชา แต่เป็นฐานการผลิตเพื่อขายในประเทศกัมพูชาเป็นหลักและคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 3-4% ของรายได้รวม จึงไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญ
การเจรจาภายใต้คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย แม้ผลที่ออกมาจะมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ เพื่อยุติการใช้อาวุธสู้รบและหยุดเคลื่อนกองกำลังทหารไม่ให้ลุกล้ำพื้นที่ระหว่างกันเพิ่มเติม รวมถึงตั้งทีมสังเกตการณ์จากประเทศอาเซียน เพื่อเป็นตัวกลางตรวจสอบการหยุดสู้รบของไทยและกัมพูชา แต่การเจรจาดังกล่าวยังไม่มีข้อตกลงในเรื่องเปิดด่านชายแดนให้กลับมาค้าขายได้เหมือนเดิมดังเช่นตลอดเวลา 14 ปีที่ผ่านมา
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
- ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทุบค้าชายแดนเดือนละ 1.4 หมื่นล้าน
- สหรัฐฯเก็บภาษีไทย 19% สงครามการค้ายังไม่จบ
- ภาษีทรัมป์กระทบหนักภาคเกษตร เตือนยังไม่จบ-ปรับได้ตลอดเวลา