ความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้ภาวะอากาศร้อนขึ้น กำลังส่งผลกระทบต่อปัญหาแรงงานทั่วโลก โดยเฉพาะแรงงาน ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ภายใต้อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสในช่วงหน้าร้อน ทำให้หลายประเทศเริ่มตระหนักภัยจากความร้อน ที่ต้องมีนโยบายและกฎหมายคุ้มครองแรงงานกลางแจ้ง แต่ประเทศไทยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้
“กลางวันทำงานไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเวลามาทำงาน ช่วงกลางคืนเพราะสู้อากาศร้อนไม่ไหว”
เรวิกา น้ำใจดี แรงงานไรเดอร์ ต้องทำงานในวันที่อากาศร้อนจัด ภายใต้หมวกกันน็อคที่มีชั่วโมงทำงานต่อวันมากกว่า 8 ชั่วโมง ในอากาศร้อนจัด เธอเลือกเปลี่ยนเวลาทำงานไปเป็นช่วงเวลาบ่าย -กลางคืน แต่เพื่อนแรงงานไรเดอร์จำนวนมากที่ยังต้องทำงานกลางแดดภายใต้เสื้อผ้าที่รัดกุม จนทำให้หลายคนมีปัญหาสุขภาพ และต้องเผชิญกับโรคลมแดด หรือ Heatstroke
สอดคล้องกับรายงานของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ที่พบว่ารวบรวมรายงานการเสียชีวิตที่อาจจะเกี่ยวข้องกับความร้อน จากภาวะอากาศร้อนในปี67 พบมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 63 ราย และกว่า 25 % ประกอบอาชีพรับจ้าง
“ถึงพวกเราจะชินกับอากาศร้อน แต่ในวันที่ร้อนมากๆ ก็ไม่ไหวจริงๆ อยากขอจุดพักหลบร้อนระหว่างรอสินค้า ซึ่งอยากให้หน่วยงานรัฐอาจจะจัดให้ หรือร้านค้าจัดที่พักหลบแดดให้กับไรเดอร์เพื่อได้คลายร้อนบ้าง”
แรงงานไรเดอร์ ยังเป็นกลุ่มแรงงานที่ไม่มีกฎหมายแรงงานคุ้มครอง เพราะถือว่าไม่มีนายจ้าง ทำงานคล้ายอิสระ รับจ้างแพลตฟอร์ม ในการให้บริการ ทำให้กลุ่มไรเดอร์ออกมาเรียกร้องให้มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิเพื่อเข้าระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการได้
ขณะที่การคุ้มครองสิทธิการทำงานจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ยังเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งไม่ใช่เพียงกลุ่มไรเดอร์ หากยังรวมไปถึงคนงานก่อสร้าง พนักงานกวาดถนน หรือแรงงานกลางแจ้งอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อน แต่ยังไร้มาตรการหรือกฏหมายคุ้มครอง
ทั่วโลกเร่งคุ้มครองแรงงานกลางแจ้ง
สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นทำให้หลายประเทศทั่วโลกตื่นตัวให้ความสำคัญกับเรื่องสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงานกลางแจ้งกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น จากข้อมูลของ Pulitzer Center พบว่าในหลายประเทศเริ่มมีนโยบายระดับชาติและออกฎหมายคุ้มครองแรงงานเหล่านี้มากขึ้น
อินเดีย : แผนคุ้มครองคนทำงานกลางแจ้ง
อินเดีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาความร้อนอย่างหนัก จากอุณหภูมิของเมืองที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วจากการขยายตัวของเมืองจนเกิดปากฎการณ์ “เกาะความร้อน” ที่มาจากวัสดุก่อสร้าง ทั้งยางมะตอย และคอนกรีตดูดซับและเก็บความร้อนมากขึ้น จนทำให้กลุ่มเปราะบาง แรงงานกลางแจ้งได้รับผลกระทบจากการทำงานอย่างหนัก
อินเดีย เริ่มผลักดันนโยบายปกป้องแรงงานจากความร้อน โดยเฉพาะแรงงานกลางแจ้งจากผลกระทบของคลื่นความร้อน โดยมีแผนปฏิบัติการรับมือคลื่นความร้อน (Heat Action Plans-HAPs )โดยภายในแผนคุ้มครองแรงงานจะกำหนดมาตรการหลักเพื่อปกป้องแรงงาน ดังนี้
- 1 ปรับเปลี่ยนเวลาทำงานของแรงงาน โดยกำหนดให้ลดชั่วโมงทำงานในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด โดยเปลี่ยนเวลาทำงานเช้า หรือ เย็น เพื่อลดการสัมผัสอากาศร้อน
- 2 การจัดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า แผน HAPs รวมถึงการพัฒนาระบบเตือนภัยคลื่นความร้อน เพื่อให้เจ้าหน้าทีและนายจ้างสาารถเตรียมการล่วงหน้า เช่นการเปลี่ยนเวลาทำงาน หรือให้คำแนะนำในการรับมืออากาศร้อน
- 3 จัดพื้นที่พักร้อน และแจกจ่ายน้ำดื่ม โดยมีการจัดให้มีศูนย์พักร้อน ( Cooling Centers ) และจุดแจกจ่ายน้ำดื่มในพื้นที่เสี่ยงสูง โดยเฉพาะแรงงานกลางแจ้งเป็นจำนวน
- 4 ให้ความรู้และรณรงค์ในชุมชน ให้กับแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอันตรายจากคลื่นความร้อน อาการของโรคกที่เกิดจากความร้อน และวิธีการป้องกัน
- 5 บูรณาการนโยบายระดับชาติ โดยสำนักงานการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินเดีย (NDMA) ได้จัดทำแนวทางสำหรับการพัฒนา HAPs เพื่อใช้เป็นแนวทางให้แต่ละเมืองและรัฐนำไปปรับใช้ และสร้างความสอดคล้องในการดำเนินงานทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองแรงงานเป็นพิเศษ
“กาตาร์” : ออกกม.คุ้มครองแรงงานกลางแจ้ง
ขณะที่ “กาตาร์” เป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อน หลังจากเหตุการณ์ แรงงานข้ามชาติหลายพันคนที่ทำงานกลางแจ้งในโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อการแข่งขันฟุตบอลโลกต้องเสียชีวิตลงจากสภาพอากาศร้อนจัด
กาตาร์ ได้ออกประกาศมาตรฐานการป้องกันความร้อนแห่งชาติ ซึ่งจำกัดเวลาและระยะเวลาที่คนทำงานสามารถทำกลางแจ้งได้ นอกจากนี้ยังได้ออกแบบบเสื้อผ้าให้คนงานก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยีทำความเย็น สำหรับมาตรการในการปกป้องแรงงานของ”การ์ต้า”ประกอบด้วย
- 1.ปรับปรุงกฎหมายแรงงานและมาตรการป้องกันความร้อน ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปกฎหมายแรงงานครั้งใหญ่ เนื่องจากมีข้อกำหนดจำกัดการทำงานกลางแจ้งในช่วงเวลาที่อากาศร้อน และการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานข้ามชาติ
- 2 การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความร้อนในสถานที่ทำงาน โดยการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นระบบทำความเย็นในสนามกีฬา และอุปกรณ์สวมใส่ที่ช่วยลดความร้อนเพื่อปกป้องแรงงานจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
- 3การวิจัยและการศึกษาผลกระทบของความร้อนต่อแรงงาน โดยการ์ตาร่วมกับองค์กรต่างๆดำเนินการศึกษาผลกระทบความร้อนต่อแรงงานเพื่อพัฒนามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- 4 จัดตั้งกองทุนสนับสนุนแรงงาน เพื่อชดเชยแรงงานที่ได้รับผลกระทบจาการทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมไปค่าชดเชยค่าจ้างที่ค้างชำระ
“ปารากวัย” : กดดันรัฐคุ้มครองแรงงาน
เช่นเดียวกับ “ปารากวัย” ที่สังคมตื่นตัวกับการเสนอมาตรการคุ้มครองแรงงานกลางแจ้ง หลังจาก สื่ออิสระของปารากรัย ร่วมกับ Pulitzer Center และนักวิทยาศาสตร์ เก็บข้อมูลการทำงานกลางแจ้งของ ไรเดอร์ความเสี่ยงจากการทำงานที่เผชิญกับความร้อน โดยติดเครื่องมอนิเตอร์ความร้อนบนลำตัวของไรเดอร์อาสาสมัครเพื่อบันทึกอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายในระหว่างวิ่งงาน ทำให้พบว่าการทำงานไรเดอร์ เสี่ยงต่อสุขภาพมาก เหมือนการวิ่งกลางแดด และมีเครื่องเป่าผมจ่อตรงหน้าของพวกเขาในเวลาหลายชั่วโมง
เมื่อรายงานดังกล่าวออกเผยแพร่ได้รับเสียงตอบรับจากชาวปารากรัย และนักข่าวนำเสนอแผนต่อการทรวงแรงงาน และสาธารณสุข รวมไปถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติ แพทย์ และนักวางผังเมือเพื่อนำปัญหามาแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยกระทรวงแรงงานนำไปเผยแพร่คำแนะนำแก่นายจ้างและคนทำงานในช่วงฤดูร้อน
ไทย : ไร้มาตรการคุ้มครองแรงงานกลางแจ้ง
ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป อากาศที่ร้อนขึ้น ขณะที่ยังมีแรงงานที่ทำงานกลางแจ้งภายใต้อุณหภูมิเกิน 40 องศาเซลเซียสจำนวนมากยังไม่มีมาตรการ หรือกฎหมายแรงงานคุ้มครอง
“ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีกฎหมายคุ้มครองสวัสดิการของไรเดอร์ ในทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องการทำงานกลางแจ้งด้วย” เรวิกา บอกว่า ขณะนี้กลุ่มแรงงานไรเดอร์ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องกฎหมายคุ้มครอง
สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงาน ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พศ 2551 (แก้ไขเพิ่มเติม) ทั้งหมด 16 หมวด ไม่มีเนื้อหาที่คุ้มครองแรงงานจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น มีเพียง พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ที่กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยฯ เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
เนื้อหากำหนดไว้ในหมวด 1 เรื่องความร้อน ให้นายจ้างควบคุมระดับความร้อนสถานที่ทำงานไม่ให้เกินมาตรฐาน และ กรณีที่นายจ้างไม่สามารถควบคุมระดับความร้อนได้ จะต้องดำเนินการมาตรการควบคุมความร้อน หรือลดภาระงาน รวมไปถึงการจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้
ส่วนกฎหมายที่ระบุถึงแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานกลางแจ้งกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ยังไม่มีกฎหมายฉบับไหนในประเทศไทยกำหนดเนื้อหาถึงการคุ้มครองแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน หรือ คนทำงานกลางแจ้งแม้แต่ฉบับเดียว
“บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์”ปลัดกระทรวงแรงงาน บอกว่า ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เตรียมร่างกฎหมายที่คุ้มครองแรงงานแพลตฟอร์ม หรือ รูปแบบการจ้างงานแบบใหม่ๆที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจะคุ้มครองแรงงานกลางแจ้งที่ต้องอยู่กับอากาศ ให้สามารถมีสวัสดิการคุ้มครอง และเข้าระบบประกันสังคมได้
“ตอนนี้เราตั้งอนุกรรมการเพื่อร่างกฎหมายที่จะคุ้มครองแรงงาน แพลตฟอร์ม แรงงานกลางแจ้งเพื่อให้เข้าถึงสวัสดิการและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง