ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ปกคลุมประเทศไทย มีบางส่วนเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ และบางส่วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งเผาป่า พื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้ชาวเกษตรกรมักจะใช้วิธีเผาต้นพืชเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในครั้งถัดไป เพราะมีต้นทุนที่น้อยกว่าการกำจัดด้วยวิธีอื่น
ทั้งนี้หลังไทยประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาหลายปี รัฐบาลได้มีการรณรงค์ให้ลดการเผาในหลายพื้นที่ แต่ปริมาณฝุ่นก็ยังไม่หมดไป และสถานการณ์ก็ดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เพราะฝุ่นส่วนใหญ่นั้นมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ยังคงนิยมการเผาพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยง ที่มีการเพาะปลูกจำนวนมาก และส่งผลผลิตเข้ามาขายในไทย ทำให้การควบคุมต้นตอกำเนิดฝุ่นหยิ่งทำได้ยากมากขึ้น
ไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่ยังคงเติบโตตามภาคปศุสัตว์ ไทยมีความต้องการใช้อาหารสัตว์เฉลี่ยปีละ 20 ล้านตัน ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่และสุกร
ซึ่งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบที่มีสัดส่วนความต้องการสูงเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับพืชอาหารสัตว์อื่น ๆ โดยปัจจุบันไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยปีละ 8 ล้านตัน แต่ผลิตได้เองราว 4-5 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไทยนำเข้ามา คิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของปริมาณการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งหมด และเป็นการนำเข้าจากประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา (CLM) เกือบ 100% โดยเฉพาะเมียนมาที่มีสัดส่วนการนำเข้าสูงถึง 93% แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการนำเข้าหดตัวเนื่องจากอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทยประสบปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ประกอบกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เกษตรกรบางส่วนชะลอการเลี้ยงจากต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น และบางส่วนหันไปนำเข้าพืชทดแทนอย่างข้าวสาลีเพิ่มขึ้นจากราคาที่ปรับลดลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ปริมาณการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านตัน ขยายตัวที่ราว 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่หดตัว 9.8% โดยเหตุผลที่นำเข้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้อาหารสัตว์ของไทยคาดว่าจะขยายตัวตามภาคปศุสัตว์ สะท้อนจากปริมาณการผลิตสินค้าหมวดปศุสัตว์อย่างสุกรและไก่เนื้อในปี 2567 ที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ในขณะที่พืชทดแทนอย่างข้าวสาลี ยังมีราคาแพงกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แม้ในปี 2566 ราคานำเข้าจะปรับลดลงมาใกล้เคียงกัน แต่คาดว่าในปีนี้ ราคานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะปรับลดลงจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมียนมาที่ คาดว่าผลผลิตในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 8% ขณะที่ปริมาณการนำเข้าข้าวสาลีอาจมีข้อจำกัดตามมาตรการ 3:1 จากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศที่ลดลง
สำหรับการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศ CLM อยู่ภายใต้ความตกลง ASEAN Trade in Goods Agreement (ATIGA) ทำให้ผู้นำเข้าได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งต่ำ จึงมีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามการลดการพึ่งพาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศ CLM อาจจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ขณะที่การมองหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้าจากประเทศดังกล่าว หรือแม้แต่การหันไปใช้พืชอื่นทดแทน อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของต้นทุน รวมถึงคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบอาหารสัตว์แต่ละประเภทที่แตกต่างกัน
ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วรรณวิษา ศรีรัตนะ และ ศราวดี เหมะ