ในสมัยรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี (2557–2566) ได้มีการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) หรืออำนาจละมุน ผ่านแนวคิด 5 F ได้แก่ อาหาร ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ การออกแบบแฟชั่น (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และเทศกาลประเพณีไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
แต่การดำเนินงานที่หลากหลายหน่วยงานเกินไป ทำให้ยังไม่จะสามารถสร้างให้เกิดอฟต์พาวเวอร์ของประเทศได้อย่างชัดเจน
ต่อมารัฐบาลยุคนายเศรษฐา ทวีสิน ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (Soft Power) โดยมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ จัดทำนโยบายและแผนระดับชาติ และดำเนินงานตามมาตรการและแนวทางเพื่อสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ทั้งในและต่างประเทศ
เป้าหมายหลักของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ พร้อมกับยกระดับความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้เกิดมูลค่า สร้างรายได้ หลุดพ้นความยากจน และสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ให้หลุดออกจากกับดักรายได้ปานกลาง
ขณะเดียวกันได้มีการจัดตั้ง Thailand Creative Content Agency (THACCA หรือ ทักก้า) เป็นหน่วยงานตามกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี
บทบาทหน้าที่ของ THACCA
ทำหน้าที่ดูแลซอฟต์พาวเวอร์อย่างเป็นระบบและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้แก่
- เป็นเจ้าภาพหลักดูแลซอฟต์พาวเวอร์ทั้งระบบ
- จัดตั้งกองทุนรวมซอฟต์พาวเวอร์
- ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวด้วยระบบขนส่งมวลชน
- ยกระดับคนทำงานด้วย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างศูนย์บ่มเพาะเพื่อยกระดับศักยภาพสร้างสรรค์ทุกพื้นที่ เรียนฟรีมีเงินเดือนผ่านการเรียนควบคู่การทำงาน สนับสนุนให้ตั้งสหภาพคนทำงานในทุกสาขา เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจ้างงานและคุ้มครองสวัสดิการ
- แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค ลดขั้นตอนและเวลาในการประสานงานและขอใบอนุญาตทุกฉบับ
- ทบทวนการเซนเซอร์ภาพยนตร์ ละคร และละครชุด (Series) ไม่ตีกรอบความคิดสร้างสรรค์ และ
- เร่งผลักดัน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายของ THACCA ผ่านการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ เจรจาเปิดตลาดใหม่ ขยายขนาดอุตสาหกรรม และสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง ดังนี้
11 อุตสาหกรรมเป้าหมายซอฟต์พาวเวอร์
1. ด้านภาพยนตร์ ผ่านนโยบายจัดตั้งกองทุนสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์ที่ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์กระแสหลักและภาพยนตร์อิสระ จัดหาแหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทบทวนมาตรการเซนเซอร์เนื้อหา จัดตั้งสหภาพคนทำงานภาพยนตร์ สนับสนุนด้วยการเช่าโรงภาพยนตร์ของเอกชนเพื่อฉายภาพยนตร์ไทย-ภาพยนตร์ท้องถิ่น และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยไปสู่เทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก
2. ด้านศิลปะ ผ่านนโยบายปรับปรุงกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย แก้กฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรค ลดภาษีอุปกรณ์ศิลปะให้เหลือร้อยละศูนย์ แจกคูปองท่องฝันให้แก่เยาวชนเพื่อศึกษาดูงานสร้างสรรค์ และขับเคลื่อน 1 ตำบล 1 ลานสร้างสรรค์
3. ด้านหนังสือ ผ่านนโยบายลดภาษีมูลค่าเพิ่มกระดาษให้เหลือร้อยละศูนย์เพื่อลดต้นทุนในการพิมพ์ ไม่ปิดกั้นเสรีภาพของผู้เขียน พัฒนาห้องสมุดและขยายห้องสมุดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จัดตั้งกองทุนพัฒนาหนังสือ สนับสนุนทุนในการแปลหนังสือไทยเป็นภาษาต่างประเทศ และส่งออกหนังสือไทยสู่ตลาดหนังสือโลก
4. ด้านอาหาร ผ่านนโยบายสร้างเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เพิ่มการส่งออกและวัตถุดิบจากไทย ให้ทุนและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธุรกิจอาหารและร้านอาหารไทยทั้งในและต่างประเทศ ปลดล็อกสุราชุมชนจากสินค้าเกษตรไทย ขยายพื้นที่และยกระดับมาตรฐานความสะอาดของ Street Food
5. ด้านดนตรีและเฟสติวัล ผ่านนโยบายอำนวยความสะดวกแบบเบ็ดเสร็จให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนแฝงของผู้ประกอบการ ปลดล็อกธุรกิจสุราให้เป็นสปอนเซอร์ธุรกิจดนตรีได้ ปลดล็อกช่วงเวลาซื้อขายแอลกอฮอล์ ปลดล็อกช่วงเปิดปิดธุรกิจกลางคืน เปิดพื้นที่สาธารณะในการแสดงดนตรี และสนับสนุนดนตรีอย่างครอบคลุมและเท่าเทียมทั้งดนตรีไทยเดิมและดนตรีร่วมสมัย
6. ด้านการท่องเที่ยว ผ่านนโยบายเร่งผลักดันการท่องเที่ยวศักยภาพสูง ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) การท่องเที่ยวทางน้ำ (Cruises) และธุรกิจสร้างสรรค์งานจัดประชุม (MICE) ให้ธุรกิจท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งทุนและประกันความเสี่ยงกรณีเกิดวิกฤต ทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ขยายสนามบินสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 100 ล้านคนต่อปี และเร่งลงทุนในระบบขนส่ง ถนน ราง เรือ
7. ด้านกีฬา ผ่านนโยบายยกระดับมวยไทยและบอลไทยไปเวทีโลก ดึงดูดการแข่งขันและการจัดประชุมเสวนากีฬาระดับโลกในประเทศไทย ยกระดับสวัสดิการนักกีฬาอาชีพและขยายสู่นักกีฬาสมัครเล่น สร้างความร่วมมือให้รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรและหน่วยงานรัฐ-เอกชนมาสนับสนุนสมาคมกีฬา และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กองทุนสามารถสนับสนุนนักกีฬาไทยไปแข่งขันในเวทีต่างประเทศ
8. ด้านการออกแบบ ผ่านนโยบายสร้างศูนย์สร้างสรรค์และออกแบบ (TCDC) ให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อพัฒนาการออกแบบและบ่มเพาะนักออกแบบรุ่นใหม่ สนับสนุนภาคเอกชนในการส่งออกผลงาน สินค้าออกแบบและจัดแสดงงานในต่างประเทศ
9. ด้านละครและละครชุด (Series) ผ่านนโยบายอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ถ่ายทำ ทบทวนเรื่องการห้ามฉายและเซนเซอร์เนื้อหา และส่งออกละครและละครชุดไทยไปยังตลาดโลก
10. ด้านเกม ผ่านนโยบายพัฒนาหลักสูตร ส่งเสริมผู้ประกอบการ จัดตั้งกองทุน และสร้างสนามกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย
11. ด้านแฟชั่น ผ่านนโยบายพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ และส่งเสริมการแสดงสินค้าในต่างประเทศ
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากบทบาทหน้าที่และอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 11 ด้านดังกล่าว THACCA จึงเป็นองค์กรที่จะทำหน้าที่ในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยอย่างเป็นระบบและครบวงจร ทั้งการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค การจัดตั้งกองทุนและสหภาพแรงงาน ส่งเสริมและผลิตผู้ประกอบการ และผลักดันการส่งออกธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยทุกสาขาไปสู่ตลาดโลก
นโยบายเรือธงของรัฐบาลเศรษฐา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดงาน “THACCA SPLASH” – Soft Power Forum 2024 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2567 ว่าความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลที่จะสร้างเวทีการรวมพลังของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงของรัฐบาล
ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจของเราเติบโตจากภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรที่มีคนเกี่ยวข้องทำงานอยู่จำนวนมาก เช่น แรงงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ และเกษตรกรทุกท่าน งานในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้จำนวนไม่น้อยเป็นแรงงานที่ใช้ทักษะต่ำ ซ้ำยังต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ฤดูกาล น้ำฝน น้ำท่วม น้ำแล้ง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความไม่แน่นอน ยังส่งผลกระทบไปสู่สถานะทางการเงินของครอบครัวและระดับประเทศ แสดงออกมาเป็นปริมาณหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูงกว่า 90%
“โครงสร้างเศรษฐกิจไทยต้องได้รับการ Upgrade จากการใช้แรงงานทักษะต่ำ หันไปใช้มันสมองและความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคของ Digital Age และงานที่ให้มูลค่ากับฝีมือมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม งานในภาค Digital Age จำนวนไม่น้อยมีความต้องการทักษะขั้นสูง ซึ่งคนจำนวนมากจะต้องใช้ระยะเวลานานในการฝึกฝน เช่น การเขียน Code เป็นต้น รัฐบาลเล็งเห็นการผลักดันยุทธศาสตร์ Soft Power ให้เป็นอุตสาหกรรมที่คนไทยทั้งหมดสามารถมีส่วนร่วมได้ ด้วยศักยภาพของทุกคน ที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรม ฝีมือ และเวทีในการแสดงออก เป้าหมายใหญ่ของเราคือ “สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้” เพื่อให้คนไทยอยู่ดีมีสุข และทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้า”
จุดประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ มุ่งปักหมุดใน 3 สร้าง คือ
- สร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง
- สร้างเวทีแลกเปลี่ยนระดับนานาชาติเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม Soft Power ของไทยผ่านการเรียนรู้ case study ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
- สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางถึงพลัง Soft Powerไทย ให้สื่อสารทุกทิศทางอย่างทรงพลัง เปรียบเสมือนการสาด หรือ SPLASH
นโยบายนี้จะเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรตั้งแต่การพัฒนาต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยการพัฒนาต้นน้ำ ต้องเริ่มจากการพัฒนาคน ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินหน้าโครงการ 1 ครอบครัว 1 Soft Power (OFOS) ที่จะเฟ้นหาศักยภาพของทุกครอบครัว บ่มเพาะและพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรม ยกระดับให้เป็นแรงงานทักษะสูง ขั้นกลางน้ำ จะมีการออกกฎหมายตั้งหน่วยงาน THACCA ซึ่งทำหน้าที่เป็น One-stop Service คอยผลักดันอุตสาหกรรม Soft Power ต่าง ๆ ทั้ง 11 ด้าน เช่น การวิเคราะห์ตลาด สำรวจกฎระเบียบที่อาจจะเป็นอุปสรรค และส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรม การแข่งขันในประเทศ และในขั้นปลายน้ำ THACCA ก็จะเป็นผู้กำหนดแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน ประสานกับต่างประเทศ เพื่อนำ Soft Power ของไทย ไปเผยแพร่ในตลาดให้มากยิ่งขึ้น
“วันนี้ หลาย ๆ คำศัพท์ ทั้ง THACCA และ OFOS หรือแม้กระทั่ง Soft Power อาจมีหลายคำที่ดูจะสลับสับไปมา ขอเชิญทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ เดินสำรวจหลาย ๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัว THACCA Pavilion ที่แสดงให้เห็นความสำคัญของ Soft Power ต่อสภาพเศรษฐกิจ ที่จะมายกระดับประเทศไทยให้เป็นประเทศรายได้สูง ซึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญก็คือการมีรายได้ต่อหัวประชากรกว่า 13,846 เหรียญสหรัฐต่อปี ตามหลักเกณฑ์ของ IMF ในส่วนของงานก็จะมีการฉายภาพกลไกการขับเคลื่อน และมีการนำเสนอตัวอย่างวิธีการ หรือ HOW TO ในการยกระดับ Soft Power ที่นานาประเทศได้ปฏิบัติ และขอเชิญทุกท่านไปดูตัวอย่างศักยภาพของ Soft Power ไทยที่ถือว่า ประสบความสำเร็จจนได้ไปแสดงในเวทีโลกต่าง ๆ”
“รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรม Soft Power ทั้ง 11 สาขา โดยนำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี มาประยุกต์กับทุนทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของไทยเรา ตั้งเป้าให้เวทีนี้เปิดกว้างสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความสนใจ รวมถึงเป็นเวทีแห่งโอกาสในการแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในวงการอุตสาหกรรม Soft Power ระดับโลก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวทีนี้จะมีส่วนส่งเสริมการพัฒนา Soft Power ของไทย”
ที่มา :
วิลาสิณี ฉายรัตน์ตระกูล, วิทยากรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนา สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)