ความเป็นมาของนโยบายส่งเสริมการลงทุนในไทย
จุดเริ่มต้น ในปี 2497
นโยบายส่งเสริมการลงทุนเริ่มขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยมี พระราชบัญญัติส่งเสริมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2497 เป็นกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุน
ในช่วงนี้รัฐบาลต้องการแก้ปัญหารายได้จากการส่งออกที่ลดลง โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ยังจำกัด มีเพียง 9 รายที่ยื่นขอรับการส่งเสริม และได้รับอนุมัติเพียง 6 ราย
การปฏิรูปเศรษฐกิจในปี 2503
ในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีการยกเลิกกฎหมายเดิมและตรา พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม พ.ศ. 2503 แทนกฎหมายฉบับเดิม โดมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม ซึ่งมีกรรมการ 36 คน โดยมี ทวี บุณยเกตุ เป็นประธาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในปี 2509
เมื่อ 21 ม.ค. 09 รัฐบาลจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม มีฐานะเทียบเท่ากรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในช่วงแรกยังไม่มีบุคลากรประจำ ต้องยืมตัวข้าราชการจากหน่วยงานอื่นมาทำงานชั่วคราว
ต่อมามีการการเปลี่ยนชื่อและปรับโครงสร้าง ในปี 2515 โดเมื่อ 21 ต.ค. 15 มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” และ “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 227
นับตั้งแต่นั้นมา สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นหน่วงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
การปรับปรุงกฎหมายและโครงสร้างในยุคหลัง
ในปี 2520 มีการออก พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง (ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2534, ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2544, และฉบับที่ 4 พ.ศ. 2560)
ต่อมาในปี 2545 รัฐบาลโอนบีโอไอไปสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ในปี 2557 ถูกโอนกลับมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ในปี 2560 มีการเปิดศูนย์บุคลากรทักษะสูงเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
บทบาทและหน้าที่ของบีโอไอในปัจจุบัน
บีโอไอมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่เกี่ยวกับภาษี :
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
- อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น 100%
- อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าทำงานและใบอนุญาตทำงาน
- บีโอไอยังมีสำนักงานทั้งในและต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน
- การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ในยุคปัจจุบัน นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยยังคำนึงถึง เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน) และเป้าหมายที่ 9 (การพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรม)
สรุปได้ว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ทศวรรษ 2490 จนถึงปัจจุบัน โดยมีบีโอไอเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน
เป้าหมายส่งเสริมการลงทุนในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กำหนดเป้าหมายหลักที่ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้บรรลุผล 3 ประการ
- Innovative: เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์
- Competitive: เป็นเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถปรับตัวได้เร็ว และสร้างการเติบโตสูง
- Inclusive: เป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งการสร้าง โอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ส่งเสริมการลงทุนในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค (Regional Hub) อย่างน้อยใน 5 ด้าน
- Tech Hub เป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านดิจิทัล ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เป็นต้น
- BCG Hub เป็นศูนย์กลางการลงทุนตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น
- Talent Hub เป็นศูนย์รวมผู้มีศักยภาพจากทั่วโลก เช่น ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทักษะสูง ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย กลุ่มสตาร์ตอัป ไปจนถึงนักลงทุนและผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง เป็นต้น
- Logistics & Business Hub เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ตลอดจนเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarter) ธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านการเงินและการค้าระหว่างประเทศ
- Creative Hub เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ เกมและอีสปอร์ต โดยใช้ศักยภาพด้านวัฒนธรรมของไทย ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่เวทีโลก
7 หมุดหมายสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ และยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค ประกอบด้วย
- การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีความโดดเด่น ควบคู่กับการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่ไทยมีศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งของ Supply Chain
- เร่งเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่ Smart & Sustainability
- ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและประตูการค้าการลงทุนของภูมิภาค
- ส่งเสริม SMEs และ Startup ให้เข้มแข็งและเชื่อมต่อกับโลก
- ส่งเสริมการลงทุนตามศักยภาพพื้นที่ เพื่อสร้างการเติบโต อย่างทั่วถึง
- ส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม
- ส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ
บีไอไอจะใช้เครื่องมือสำคัญ 3 ด้าน เพื่อขับเคลื่อน 7 หมุดหมายให้บรรลุผลสำเร็จ คือ สิทธิประโยชน์ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี การบริการแบบครบวงจรทั้งก่อนและหลังการลงทุน การสร้างระบบนิเวศและปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน
ที่มา: สำนักงานส่งเสริมการลงทุน