“มีคนบอก อ่านสามก๊กครบ 3 จบ คบไม่ได้ แต่ผมขอยืนยันกับทุกท่าน ณ ตอนนี้ อ่านสามก๊ก เกิน 3 จบ แล้วอ่านด้วยสติปัญหา จะเป็นคนที่มีคุณธรรม เพราะในสามก๊ก ถ้าคุณอ่านตั้งแต่บทที่ 1 ไปจนถึงสุมาเอี๋ยนเนี่ยนะ ทำให้ประเทศจีนเป็นเอกภาพขึ้นมา คุณจะแยกแยะดีชั่วออก เพราะในนั้น 70% เป็นเรื่องจริง และ 30% เป็นเรื่องที่แต่งเติมเข้าไป จะเห็นได้เลยคนทำดีได้ดี คนทำไม่ดีจะได้สิ่งที่ไม่ดีตอบแทน” ศ. (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน กล่าวปาฐกถาพิเศษ “สามก๊ก” ฉบับ “ธรรมาภิบาล” ใน งานพิธีมอบรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่น แห่งปี 2567 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
สามก๊กเป็นเรื่องการเมือง และการสงคราม
การเมืองกับการสงคราม ทั้งผู้นำและขุนพล จะยึดถือตำรับพิชัยสงคราม มียุทธศาสตร์การศึก ทักษะในการรบ มากกว่าคำนึงถึงธรรมาภิบาล ส่วนการเมืองมีความสลับซับซ้อน ยอกย้อนกลอุบาย ในกลมีลวง ในลวงมีกล จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง จริงเป็นจริง เท็จเป็นเท็จ จนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ
เมื่อมีการเมืองและการสงคราม ที่นั่นย่อมห่างไกลอยู่คนละโลกกับธรรมาภิบาล และมรรควิถีแห่งการดำเนินชีวิตกับธรรมาภิบาลก็อยู่ห่างไกลจากกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงอีกข้อหนึ่งว่า ชีวิตของทุกคนมีทั้งด้านสว่างและด้านความมืด มีทั้งด้านความดีและความไม่ดี คน ๆ หนึ่งจะมีความดีทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ต้องมีสิ่งที่ไม่ดีบ้าง มีทั้งความดีและความไม่ดี อาจจะมีมากมีน้อย แต่จะดีงามไปทั้งหมดมันไม่มี
ดังนั้นตัวละครในเรื่องสามก๊ก ก็หนีความจริงข้อนี้ไม่พ้น แต่ละชีวิตจะมีความดีและความไม่ดี การจะกล่าวถึงธรรมาภิบาลขอแต่ละบุคคลในสามก๊ก จะต้องแยกกันให้ออกระหว่างความดีที่มีธรรมาภิบาล และความไม่ดีที่มีข้อบกพร่องของธรรมาภิบาลในแต่ละตัวละคร
ธรรมาภิบาลของ “เล่าปี่” คนมีคุณธรรม
เล่าปี่ เป็นคนที่มีคุณธรรม ยึดถือคำสัตย์เป็นสำคัญ มีความอดทนสูง มีความคิดฉับไว ตอนที่ลิโป้หนีโจโฉมาพึ่งพิง เล่าปี่พอเห็นลิโป้ก็ตกลงรับมาเข้าร่วม พร้อมยกเมืองเสี่ยวพ่ายให้ปกครอง เพราะเล่าปี่เป็นคนที่ฉับไวมาในความรู้ เพราะหากเล่าปี่มีทั้ง กวนอู เตียวหุย ลิโป้ และจูหล่ง ก็จะครองประเทศจีนทันทีเลย
“เล่าปี่เรื่องการเมือง หัวเขาดีกว่าขงเบ้งเสียอีก แล้วก็มีความอดทนสูง โดยเล่าปี่ได้กำชับเตียวหุย ให้ดูแลเมืองชีจิ๋ว ห้ามอย่าดื่มเหล้า อย่าไปโบยทหาร ปรากฏว่าพอกวนอูกับเล่าปี่ไม่อยู่ เตียวหุยไปบังคับพ่อตาของลิโป้ คือ โจป้า ให้ดื่มเหล้า แล้วก็ไปโบยตีโจป้า จนกระทั่งลิโป้มายึดเมืองชีจิ๋ว เตียวหุยก็เลยซมซานกลับไปหาเล่าปี่ กวนอูก็โมโหมาก”
จากนั้นเตียมหุยจะใช้ดาบเชือดคอตนเอง แต่เล่าปี่ห้ามไว้ และกล่าวว่า “พี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า เสื้อผ้าขาดชุนได้ แต่แขนขาขาดไม่ได้” คำพูดประโยคเดียวนี้ได้ผูกใจเตียวหุย และจูหล่ง อันนี้คือคาแร็กเตอร์ของเล่าปี่
เล่าปี่ เป็นคนมีสติปัญหา มองการณ์ไกล เห็นคุณค่าของคนที่มีปัญญา เสาะหาปราชญ์ที่จะพลิกแผ่นดิน เล่าปี่ในวัย 48 ปี ยอมมอบอำนาจอาญาสิทธิ์ให้กับ ขงเบ้ง ที่มีอายุเพียง 28 ปี แม้ กวนอู และเตียวหุย จะคัดค้านเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่เล่าปี่ก็ยังยอมให้ขงเบ้งคุมกองทัพ เพราะได้ตัวอย่างจากชีซีมาแล้วว่า การสู้รบกันไม่ใช่เรื่องของจำนวนทหารกับอาวุธเท่านั้น แต่ต้องใช้สติปัญญา และยุทธศาสตร์ในการทำสงครามด้วย
ขงเบ้งแนะนำให้ไปยึดเมืองเกงจิ๋ว แต่ปรากฏว่าผู้ปกครองเมืองเกงจิ๋ว (เล่าเปียว) ก็เป็นคนแซ่เล่าเหมือนกัน เล่าปี่จึงไม่ยอมยึดเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ก็มีธรรมาภิบาลของเขา คนแซ่เดียวกันเขาไม่ทำกัน ก็เลยทำให้แผนของขงเบ้งล่าช้าถึง 12 ปี
หากจะไปยึดเมืองเสฉวน ผู้ปกครองเมือง คือ เล่าเจี้ยง เป็นเชื้อพระวงศ์เหมือนกัน เล่าปี่ก็ไม่ยอมเข้าไปตีเมืองเสฉวน อันนี้ก็จะเห็นคาแร็กเตอร์ในความมีธรรมาภิบาลของ เล่าปี่ ถึงแม้ว่าจะทำให้เสียเวลาในการสร้างง่อก๊กขึ้นมา
แม้ตอนที่โจโฉ ทำให้กษัตริย์เหี้ยนเต้ เสียเกียรติ และกวนอูจะเข้าไปทำร้ายโจโฉนั้น เล่าปี่ได้ห้ามไว้แล้วกล่าวว่า “เมื่อเจ้าจะขว้างหนู จงระวังอย่าให้พลาดไปโดยแจกันหยก”
และอีกตอนหนึ่งก็แสดงให้เห็นความมีธรรมาภิบาลของเล่าปี่ ตอนนั้น โตเกี๋ยม ให้ลูกน้องช่วยคุ้มกันพ่อของโจโฉ ในขณะที่ขนสมบัติย้ายเมือง แต่ปรากฏว่าลูกน้องคนดังกล่าวเป็นอดีตโจรโพกผ้าเหลืองที่มีความแค้นกับโจโฉอยู่ ก็เลยฆ่าพ่อของโจโฉจนเสียชีวิต ทำให้โจโฉแค้นมาก และจะไปฆ่าโตเกี๋ยม ซึ่งโตเกี๋ยมเป็นคนดีใคร ๆ ก็รู้ แม้ตันก๋งได้ขอร้องโจโฉไม่ให้ทำร้ายโตเกี๋ยม แต่โจโฉไม่ฟัง และยกทัพจะไปกำราบให้ได้
เล่าปี่จึงให้ กวนอู และเตียวหุย ไปหาโตเกี๋ยมที่เมืองชีจิ๋ว ซึ่งโตเกี๋ยมจะยกเมืองให้กับเล่าปี่ แต่เล่าปี่ก็ไม่ยอมรับเมือง ก็แสดงให้เห็นถึงความมีธรรมาภิบาลของเล่าปี่อีกครั้ง แล้วคำพูดที่เล่าปี่กล่าวไว้ว่า “บนแผ่นดินนี้ถ้าคนดีมีคุณธรรมอย่างโตเกี๋ยมอยู่ไม่ได้ จะมีความถูกต้องเหลืออยู่อีกหรือ?” อันนี้ก็แสดงถึงความมีธรรมาภิบาลของเล่าปี่เช่นกัน
นอกจากนี้ เล่าปี่ ได้สอนจูหล่ง ไว้ว่า “เมตตาธรรมและคุณธรรม คือ ต้นทุนในการสร้างตัวและดำเนินชีวิต” จะยิ่งใหญ่ในโลกนี้ได้ เมื่อเราคับขันตกอับ เราต้องจำยอมน้อมกาย ต้องคอยโอกาสไม่ควรแข็งขืนจนหักลง ซึ่งเล่าปี ก็เคยสอนกวนอู กับเตียวหุย ถึงสาเหตุที่ต้องไปพึ่งพิงโจโฉ
เล่าปี่ ยังได้สอน อาเต๊า ลูกชาย ด้วยว่า “ความดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องทำ ความชั่วแม้เพียงนิดก็มิพึงปฏิบัติ”
จุดจบของ “เล่าปี่”
แต่ว่าน่าเสียดาย คนที่มีธรรมภิบาล มีสติปัญญาอย่างเล่าปี่ จุดจบกลับไม่ได้ยึดตามอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์ 8 คำ ของขงเบ้ง คือ ผูกมิตรซุนกวน ต่อต้านโจโฉ ไอเดียนี้ก็คือว่า เมืองเล็ก 2 เมือง ง่อก๊ก กับจ๊กก๊ก ที่เป็นก๊กเล็กจะต้องจับมือเป็นพันธมิตรกัน ถ้าก๊กใดก๊กหนึ่งนี้ไปเข้าร่วมกับโจโฉซึ่งเป็นก๊กใหญ่ มันก็จะเสียไปทั้งหมด
เพราะฉะนั้นยุทธศาสตร์สามก๊กของขงเบ้ง จุดประสงค์คือ ให้เล่าปี่ผูกมิตรกับซุนกวน ร่วมกันต่อต้านโจโฉ แต่ตอนที่ไปซุนกวนไปฆ่ากวนอู ซุนกวนก็ทำผิด จึงทำให้อยู่โลกเดียวกับเล่าปี่ไม่ได้ เล่าปี่จึงยกทัพไปปราบซุนกวน แต่ ขงเบ้ง และเตียวจูหล่ง ไม่ได้เดินทางไปด้วย โดยกล่าวว่าการแก้แค้นดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของประเทศชาติ และในที่สุดเมื่อ เล่าปี่ไปปราบซุนกวน ก็ถูก ลกซุน (แม่ทัพง่อก๊ก) ที่เป็นคนรุ่นหลานเผาทัพจนแตกพ่าย แล้วเล่าปี่ก็กลับไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ ไม่กล้ากลับเสฉวนอีกเลย ซึ่งนั้นก็เป็นจุดจบของเล่าปี่
“เพราะฉะนั้น ธรรมาภิบาลจะยั่งยืน ต้องคู่กับอุดมการณ์ที่ถูกต้อง คุณมีธรรมาภิบาล แต่ถ้ามีอุดมการณ์ที่ผิด มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี” ศ. (พิเศษ) เจริญ กล่าว
ความเป็นผู้นำของ “โจโฉ” ที่ธรรมาภิบาลยังมีซ่อนเร้นอยู่
โจโฉ เป็นทรราชแท้ ๆ และเป็นผู้นำที่เก่งที่สุด แต่รอยด่างพร้อยในชีวิตโจโฉ คือ เป็นคนขี้ระแวง แล้วที่แย่สุดคือไปฆ่า แปะเฉีย
ในตอนที่โจโฉจะไปฆ่าตั๋งโต๊ะ ปรากฏว่าตั๋งโต๊ะตื่นขึ้นมาเห็นพอดี โจโฉก็มอบดาบโบราณให้ตั๋งโต๊ะ จากนั้นก็หนีออกมา ตั๋งโต๊ะจึงให้ทหารไปตามจับ แต่ลิซกบอกว่าให้รอไว้ก่อน ให้ดูว่าคืนนี้ถ้าโจโฉหลบหนี ก็แสดงว่ามี่เจตนาจะฆ่าตั๋งโต๊ะจริง แต่ถ้าไม่หนีก็ยังเป็นแค่คดีความอยู่ ปรากฏว่าคืนนั้นโจโฉหลบหนีจริง แล้วไปอยู่บ้านแปะเฉีย ปรากฎว่าในช่วงที่แปะเฉียไปซื้อสุรานารี โจโฉก็ยังไม่ได้คิดอะไร แต่ได้ยินลูกเมียของแปะเฉียคุยกับคนใช้ในบ้านว่าจะจับมัดก่อน หรือฆ่าก่อน แต่ความจริงเขากำลังจะฆ่าเป็ดฆ่าไก่ฆ่าหมู แต่โจโฉเกิดหวาดระแวงคิดว่าคนในบ้านแปะเฉียจะมาฆ่าตน โจโฉจึงชิงไปฆ่าลูกเมียแปะเฉียตายหมด โจโฉ มีความเชื่อว่า “ข้ายอมทรยศโลก แล้วไม่ยอมให้โลกทรยศฉัน” อันนี้เป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของโจโฉ
แต่โจโฉเป็นผู้นำที่สร้างมาด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นทั้งนักรบและขุนศึก มีวิสัยทัศน์กว้างลึกยาวล่วงหน้ากว่าคนร่วมยุคเดียวกัน และไม่เชื่อถือโชคลาง ไม่เชื่อโหรหลวง แต่เชื่อมั่นในตัวเอง กล้าเสี่ยงในสถานการณ์ที่ควรเสี่ยง มีลำหักลำโค้น ในตอนที่ขุนนางประชุมกันแล้วแกล้งจัดงานวันเกิด แต่ความจริงเรียกประชุมเพื่อจะไปปราบตั๋งโต๊ะ มีการร้องห่มร้องไห้กันในห้องประชุม แต่โจโฉเป็นคนเดียวที่หัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ท่านจะฆ่าตั๋งโต๊ะด้วยน้ำตาหรือ” ในที่สุดโจโฉก็เป็นคนอาสาจะไปฆ่าตั๋งโต๊ะในห้องนอนด้วยตนเอง แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ จึงต้องหลบหนี
โจโฉ สามารถทำให้คนที่มีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน คนที่อยู่คนละค่ายกัน สามารถมาทำงานอยู่ภายใต้ร่มชายคาเดียวกันได้ แล้วก็ไม่ว่าจะเป็นเล่าปี่ จูล่ง หรือ ลิโป้ ที่รอดตายมานั้น ก็เพราะโจโฉเป็นคนให้พึ่งพิงตอนที่เดือนร้อน ในตอนีที่จูล่งถูกล้อมอยู่ในสนามรบ แล้วเอาอาเต๊าใส่เข้าไปในเกราะ คนเกาทันฑ์นับร้อยคนกำลังจะยิงเกาทัณฑ์ใส่ โจโฉชอบคนมีฝีมืออย่างจูล่ง ก็สั่งไม่ให้ยิงเกาทัณฑ์ ไม่อย่างนั้นจูล่งกับอาเต๊า ก็คงเสียชีวิตไปแล้ว อันนี้คือใจนักเลงของโจโฉ
ที่สำคัญที่สุด ตลอดเวลาชีวิตของโจโฉ ไม่เคยยึดอำนาจพระเจ้าเหี้ยนเต้ เคยมีลูกน้องถามโจโฉว่าไม่คิดอยากจะเป็นฮ่องเต้บ้างหรือ โจโฉบอกว่าคิดเหมือนกัน แต่โอกาสยังไม่อำนวย เพราะตลอดที่มีพระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่ โจโฉจะทำอะไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องของพระบรมราชโองการ แต่ถ้าไปยึดแล้วกลายเป็นฮ่องเต้ มันก็มีปัญหาขึ้นมา นี่คือความคิดของโจโฉ เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่ง
ธรรมาภิบาลของ “อ.ขงเบ้ง” ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร
อาจารย์ขงเบ้ง (จูกัดเหลียง) เป็นบัณฑิตที่เร้นกายอยู่ในคราบชาวไร่หม่อนในโงลังกั๋ง ขงเบ้ง ได้ปฏิญาณกับตนเองว่าต้องไม่ทำงานรับใช้อธรรมชนคนไม่ดี
ตอนที่เล่าปี่เดินทางไปหาขงเบ้งที่โงลังกั๋งถึง 3 ครั้ง กวนอู และเตียวหุย กล่าวว่าคนบ้านนอกไปยุ่งกับมันทำไม และแนะนำให้เอาเชือกมัดขงเบ้งแล้วลากตัวกลับมา แต่เล่าปี่เป็นคนที่มีธรรมาภิบาลจึงไม่ทำอย่างนั้น หากใช้แต่กำลังคงไม่ได้ใจขงเบ้ง เพราะก่อนที่ขงเบ้งจะรับปากเป็นกุนซือให้เล่าปี่ ได้มีการทดสอบลองใจเล่าปี่ เพื่อดูความจริงใจ ความเพียร ความตั้งใจจริง และเป้าหมายกับอุดมการณ์จนแน่ใจ
ขงเบ้ง มีสติปัญญากว้างไกล และลึก มองหมากทะลุปรุโปร่งทั้งกระดาน ประนีประนอมไม่หักหาญ คนอื่นเดินหมากดูกระดานเดียว ขงเบ้งดูทั้งกระดาน อันนี้คือความดีของขงเบ้ง แล้วก็อดทนอดกลั้นต่อการเย้ยหยันลองดีของกวนอู และเตียวหุย จนกระทั่งได้พิสูจน์ตัวเอง
มีตอนหนึ่งที่โจโฉแตกทัพเรือ ขงเบ้งได้วางแผนไว้หมด แต่ส่งกวนอูให้ไปดักช่องทางที่โจโฉจะหนี และวางแผนให้กวนอูทำทีปล่อยโจโฉให้ผ่านด่าน เพื่อให้กวนอูทดแทนบุญคุณของโจโฉให้หมดไป ขงเบ้ง ยังเห็นประโยชน์ของโจโฉ ที่จะคุมกำลังทางภาคเหนือของจีน ไม่ให้แตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าหลาย ๆ ก๊ก เพราะกังวลจะมีปัญหาสู้รบกันเหมือนในสมัยเจ็ดรณรัฐ ก่อนจะเกิด 3 ก๊กประมาณ 500-600 ปีก่อน เป็นการรบกันระหว่างคนจีนด้วยกัน ขงเบ้งก็ไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีก
หากขงเบ้งไม่มีคุณธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล เมื่อสิ้นเล่าปี่ก็คงยึดอำนาจการปกครองในเสฉวนมาเป็นของตนเอง
นักวิชาการที่วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องของสามก๊ก ได้เขียนไว้หลายตอนว่า ตอนที่เล่าปีจะเสียชีวิต ได้สั่งขงเบ้งว่าถ้าหากลูกของตน (อาเต๋า) ทำไม่ดีก็ให้ยึดอำนาจมา แต่พอขงเบ้งถอยกลับได้สั่งจูล่ง ว่าให้ดูแลอำนาจของอาเต๋าให้ดี อย่าให้ใครมาแย่งไป
ศ. (พิเศษ) เจริญ กล่าวว่า ตนอ่านสมก๊กหลายครั้งก็ยังเดาใจเล่าปี่ไม่ถูก ว่าให้ขงเบ้งยึดอำนาจด้วยความจริงใจหรือไม่ พอเสร็จพิธีขงเบ้งก็ให้จูล่งดูแลราชบัลลังของอาเต๊าให้ดี ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่ยังตีความกันไม่ออก
แต่จุดอ่อนขงเบ้ง คือ ไม่มีตัวตายตัวแทน โดยขงเบ้งพยายามจะสร้างม้าเจ๊ก (นายทหารคนสนิท) แต่ก็ต้องประหารม้าเจ๊กด้วยตนเอง กล่าวคือ สร้างคนขึ้นมาไม่ทัน พอขงเบ้งเสียชีวิต จ๊กก๊กก็ล่มสลายไปด้วย
นักวิชาการที่วิจารณ์สามก๊ก ระบุไว้ว่า “ขงเบ้ง ทำตัวเหนือชั้น จนคนอยู่ใต้บังคับบัญชาตามไม่ทัน น้ำใสเกินไปปลาอยู่ไม่ได้ ผู้ที่เข้มงวดเกินไปย่อมไม่มีบริวาร” และคนที่เชื่อมั่นในตนเองมากจนเกินไป เป็นคนที่โดดเดี่ยวอ้างว้างที่สุด
ธรรมาภิบาลของ “กวนอู” เทพเจ้าของความสัตย์ซื่อ
กวนอู มีธรรมาภิบาลมาก ถือว่าเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ เป็นคนที่มีคุณธรรม สัจธรรม ความกตัญญู ทำให้ กวนอู (กวนกง) จึงมักมีภาพแขวนไว้สักการะตามบ้าน
ทั้งนี้ กวนอู เป็นคนที่ไม่มียุทธศาสตร์การเมือง แต่เป็นนักรบที่มีฝีมือ จิตใจมุ่งมั่น มีนิสัยซื่อตรง ซื่อสัตย์ รักความยุติธรรม ความเป็นเลิศ เดิมนั้นกวนอูเป็นคนขายถั่ว และเห็นขุนนางรังแกชาวบ้าน จึงไปฆ่าขุนนางคนดังกล่า และหนีคดี จึงได้มาเจอกับเตียวหุยกับเล่าปี่
“ไม่ยอมเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย” โจโฉอยากได้กวนอูใจจะขาด ตอนที่ไปล้อมกวนอูเอาไว้ โจโฉให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อม จากนั้นกวนอูก็ยอมสวามิภักดิ์กับโจโฉ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าวันใดได้ข่าวของเล่าปี่ก็จะต้องขอลาจาก แล้วก็เห็นแก่พี่สะใภ้ทั้งสองด้วย (ภรรยาทั้งสองของเล่าปี่)
อีกตอนหนึ่ง จิวยี่ เป็นพันธมัตรหอกข้างแคร่ ในตอนที่ลวงเล่าปี่ให้ไปที่กันตัง โดยสั่งให้ทหารลอบฆ่าเล่าปี่ ถ้าทิ้งจอกสุราให้สัญญาณเมื่อไหร่ แต่ปรากฏว่าพอมีกวนอูถือดายคุมเชิงอยู่ จิวยี่ก็ไม่กล้าทิ้งจอกสุรา ทำให้กวนอูได้ช่วยชีวิตเล่าปี่เอาไว้โดยมิได้วางแผนล่วงหน้า
ความสำนึกบุญคุณของ กวนอู ที่ยอมปล่อยโจโฉ หนีกลับไป แม้ตามกฎอัยการศึกนั้นมีโทษประหารชีวิต แต่ปรากฏว่าขงเบ้งยกโทษให้กวนอู เพราะที่กวนอูปล่อยให้โจโฉหนีไปนั้น เพื่อลบล้างบุญคุณที่เคยสวามิภักดิ์ให้อยู่กับโจโฉ กวนอูยอมแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง เพื่อต้องการตอบแทนบุณคุณของโจโฉ อันนี้ก็เป็นเรื่องธรรมาภิบาลของกวนอู
“นางตันสี” (แม่ของชีซี) คนดีมีธรรมาภิบาลตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว
ชีซี เป็นคนที่อาจารย์สุสุมาเต๊กโช แนะนำให้ไปอยู่กับเล่าปี่ และชีซีก็แสดงให้เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เห็นว่าการสู้รบสงครามต้องใช้สมอง ไม่ได้ใช้เฉพาะอาวุธกับพลเมืองเท่านั้น
ชีซีได้ปราบโจหยิน ลูกน้องของโจโฉ โดยที่เสียไพร่พลน้อยที่สุด แล้วในที่สุดเมื่อโจโฉรู้ เทียหยกกุนซือของโจโฉ ก็บอกว่า นางตันซีแม่ของชีซีอยู่ในเมืองหลวงลกเอี๋ยง ให้แม่เรียกชีซีกลับมา โดยเทียหยกได้ไปตีสนิทกับนางตันซี ทำให้นางตันซีเชื่อว่าเทียหยกนั้นสาบานเป็นลูกพี่ลูกน้องกับชีซี จนกระทั่งเทียหยกปลอมลายมือของนางตันซี ส่งจดหมายไปให้ชีซี ระบุว่าขณะนี้ได้ถูกโจโฉจับไว้ ถ้าชีซีไม่กลับมาหาโจโฉ แม่จะถูกประหาร ชีซีก็ตกใจเอาจดหมายนี้ไปให้เล่าปี่ดู “ฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณของแม่ ครั้งนี้ฉันจะต้องกลับไปเมืองหลวงของโจโฉ” เล่าปี่ก็เลยต้องยอมให้ชีซีไป
เมื่อชีซีไปถึง นางตันซี ได้ตำหนิลูกชาย “อุตส่าห์ไปเล่าเรียนจนกระทั่งเป็นบัณฑิต อ่านเหตุการณ์ไม่ออก แม้กระทั่งลายมือก็ดูไม่ออกว่าเป็นลายมือปลอม เจ้าละเล่าปี่มาทำงานให้กับโจโฉ เท่ากับออกจากแสงสว่างมาสู่ความมืด ศึกษาเล่าเรียนจนมีปัญญาความรู้นึกว่าจะฉลาดทันผู้คน” และเป็นคำที่อมตะคือ ความจงรักภักดี กับความกตัญญูกตเวที บางครั้งมันใช้ในเวลาเดียวกันไม่ได้
ศ. (พิเศษ) เจริญ ระบุว่า จะเห็นแก่ประเทศชาติ หรือเห็นแก่บิดามารดาปู่ย่าตายาย บางทีมันต้องเลือก บางสถานการณ์ความจงรับภักดีกับความกตัญญูกตเวที ใช้พร้อมกันไม่ได้ ต้องเลือกเอา “ในภาพนางตันสี กำลังด่าว่าลูกชาย แล้วลูกชายก็ก้มลงกราบแม่ มันน่าเศร้าที่สุด ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า นางตันสีก็เข้าไปในห้องผูกคอตาย เนื่องจากเสียใจที่ลูกจากเล่าปี่มาทำงานให้กับโจโฉ” ดังนั้น คนดี มีคุณธรรม ครบถ้วนในธรรมาภิบาล เป็นสิ่งที่สัตว์ประเสริฐพึงมี แต่จะยืนหยัดอยู่รอดได้ต้องรู้ทันคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)